เมื่อหานโม่ก้าวลงมาจากเวทีสายตาของนางก็มองเห็นหานเฉินต้งที่นั่งอยู่้า สายตาของเขาแฝงไปด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม ฉับพลันนางก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันที
แน่นอนว่าการจับฉลากเป็วิธีที่ง่ายที่สุดในการวางหมาก
หานเฉินต้งสังเกตเห็นกระบวนท่าแปลกๆ ของนางที่ทำให้หานเซียงพ่ายแพ้ แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใดมาเผชิญหน้ากับหานโม่อีก หานเฉินต้งจึงสั่งให้คนอื่นในตระกูลหานหลบเลี่ยงหานโม่ให้ได้
ท่ามกลางการประลองในสนามที่ดำเนินต่อไป หานโม่เป็คนแรกที่ผ่านเข้ารอบต่อไปนางจึงมี่พักระยะสั้นๆ
หานโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในศาลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากสนามประลองนัก
หานเซียงกำลังรอพบนางอยู่ที่นั่นเช่นกัน
ตอนที่หานเซียงพ่ายแพ้และกำลังถูกบ่าวรับใช้พาตัวไปนั้น นางลอบพูดกับหานโม่เบาๆ สองสามคำ
เมื่อหานเซียงเห็นว่าหานโม่กำลังใกล้เข้ามา นางก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มทันที "น้องเจ็ด เ้ามาจริงๆ ด้วย เ้าตกลงเป็พันธมิตรกับพวกเราแล้ว"
น้ำเสียงและรูปร่างหน้าตาของนางนั้นนุ่มนวลและแฝงไปด้วยความอ่อนแอ ทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกอยากปกป้อง
อย่างไรก็ตามหานโม่รู้ว่าผู้ใดที่แสดงว่าตนอ่อนแออย่างมาก เมื่อคนผู้นั้นไร้ความปรานีขึ้นมาก็จะกลายเป็คนน่ากลัว คล้ายกับอสรพิษที่ยิ่งมีสีสันมากเท่าไหร่พิษของมันก็ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น
หานโม่ชำเลืองมองหานเซียงด้วยสายตาว่างเปล่า นางเอ่ยถามอย่างเ็าว่า "ข้ารู้ว่าตัวเองไม่ได้มีในสิ่งที่ฮูหยินสาม้า เช่นนั้นการผูกมิตรของพวกเราจะมีประโยชน์อันใดงั้นหรือ?"
หานเซียงไม่แปลกใจเลยที่หานโม่สามารถคาดเดาได้ว่าข้อเสนอให้ผูกมิตรในครั้งนี้เป็สิ่งที่อี๋เหนียงของนางเสนอขึ้นมา
นางพ่ายแพ้ให้แก่หานโม่โดยที่ไม่ได้แสดงฝีมือใดๆ เลย นี่เป็คำสั่งของจางซื่อที่้าแสดงให้หานโม่เห็นถึงความจริงใจของพวกนาง
จริงๆ แล้วถึงแม้ว่าหานเซียงจะไม่แกล้งยอมแพ้ นางก็ไม่มีทางเอาชนะหานโม่ได้ ในตอนนี้หานโม่ถูกศัตรูขนาบทั้งหน้าและหลังนางจึงต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ในเมื่อจางซื่อเป็ฝ่ายเริ่มแสดงความ้าที่จะปรองดองและยอมผ่อนปรนต่อนางก่อน เช่นนั้นหานโม่จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องสร้างศัตรูเพิ่ม
อย่างน้อยนาง้าแน่ใจว่าถ้าหากจางซื่อและหานเซียงมาอยู่ฝ่ายเดียวกับนาง สองแม่ลูกคู่นี้จะไม่สร้างปัญหา
เมื่อหานโม่กลับมายังสนามประลอง นางได้ยินเสียงะโโห้ร้องด้วยความยินดีดังสนั่น
นางฟังเสียงโห่ร้องที่สับสนวุ่นวายนั้นสักครู่ จึงตระหนักได้ว่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบต่อไปได้รับการยืนยันอย่างเป็ทางการแล้ว ทายาทสายตรงของตระกูลหานต่างผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทั้งหมด ยกเว้นหานเซียง
ข่าวดีเช่นนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่หานเฉินต้งจะยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นดวงตา
นอกจากทายาททั้งห้าของตระกูลหานแล้วก็ยังมีคนจากตระกูลอื่นที่ผ่านเข้ารอบที่สองมาอีกห้าคน รวมแล้วทั้งสิ้นสิบคน
หานโม่เดินไปต่อท้ายกลุ่มที่ผ่านการคัดเลือก ด้านหน้าของนางคือหานซิน แสดงท่าทางราวกับไก่ชนที่กำลังกางกรงเล็บทันทีเมื่อหานโม่เข้ามาใกล้
"หานโม่ ถึงเ้าจะผ่านรอบแรกมาได้ง่ายๆ แต่ในการประลองรอบที่สองเ้าระวังตนเองไว้ให้ดีเถิด"
หานโม่ชำเลืองมองหานซินอย่างเฉยเมย ทำราวกับว่านางกำลังผายลม [1] และไม่สนใจอีกต่อไป
เมื่อหานซินเห็นว่าหานโม่ไม่สนใจนาง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็โกรธเคืองและเอื้อมมือไปข้างหน้าทำท่าจะจัดการกับหานโม่
ทว่าเพียงแค่ถูกหานโม่มองด้วยสายตาเ็า หานซินก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
ความทรงจำเมื่อครั้งถูกหานโม่ลงมือที่ตลาดแวบเข้ามาในหัวทันที แม้ว่าหานซินจะเกลียดชังหานโม่มากแค่ไหนแต่นางก็ไม่กล้าลงมือจริงๆ
ถึงอย่างไรถ้าต้องเผชิญหน้ากันผู้ที่เสียเปรียบจะต้องเป็นางอย่างแน่นอน
ไม่นานมานี้ระดับพลังยุทธ์ของนางพัฒนาขึ้นมาก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหานซินถึงรู้สึกว่าหากนางได้เผชิญหน้ากับหานโม่แล้วมันจะต้องกลายเป็สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเสียใจอย่างสุดชีวิตแน่
คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกตถึงความเคลื่อนไหวของหานซินเลย
หลังจากที่ทั้งสิบคนออกมาจากลานต่อสู้ของตระกูลหานแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถม้าของใครของมันเพื่อไปยังสนามประลองในรอบต่อไป
เมื่อเข้าไปในรถม้าเรียบร้อยแล้ว หานโม่จึงมองเห็นสิ่งตระกููลหานที่เตรียมไว้ให้ผู้เข้ารอบ
สิ่งนั้นคือ เครื่องแต่งกายชุดหนึ่ง โดยั้แ่หัวจนถึงรองเท้า ล้วนแล้วแต่เป็ของที่สามารถนำมาใช้ป้องกันตัวได้
หานโม่ตรวจสอบของทุกชิ้นอย่างละเอียด หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ามันไม่ชำรุดและไม่มียาพิษ นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
เสื้อผ้าที่ตระกูลหานเตรียมไว้ให้ผู้เข้ารอบทุกคนเป็อาภรณ์สีเขียว ที่ตัวชุดจะมีช่องว่างอยู่หนึ่งรูบนแขนเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือ
หานโม่รู้สึกได้ว่ารถม้านั้นวิ่งวนไปรอบๆ เมืองหลิงหยวนและสุดท้ายก็ออกจากเมืองไป
ความสามารถในการจดจำเส้นทางของหานโม่นั้นไม่เลวเลย นางไม่เคยลืมเส้นทางที่ตนเองเคยเดินผ่านเลยสักครั้ง ดังนั้นจึงรู้ทันทีว่ารถม้ากำลังมุ่งหน้าไปยังป่าไร้ิญญา
“ไม่คิดเลยว่าสนามประลองรอบที่สองจะอยู่ที่ป่าไร้ิญญา”
ระหว่างทางมีผู้เข้ารอบบางคนจำได้ว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือที่ใด จากนั้นก็เริ่มพูดคุยถึงเื่นี้ขึ้นมาทันที
ในขณะที่หานโม่ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์เ่าั้เงียบๆ นางก็พูดคุยปรึกษาหารือกับโตวโตวไปด้วย
“นายท่านจะไม่ให้ข้าเผยตัวออกมาจนกว่าชีวิตท่านจะอันตรายจนถึงชีวิตอย่างนั้นหรือ?”
ั้แ่โตวโตวติดตามหานโม่มานั้นมันไม่เคยแสดงความสามารถของตัวเองออกมาเลย แต่ในฐานะสัตว์ผู้พิทักษ์ของหานโม่แล้ว ครั้งนั้นที่หานโม่ถูกถังชิงยุ่นทำร้ายจนาเ็มันไม่ได้อยู่ข้างกายนางภายในใจของโตวโตวจึงยังโทษตัวเอง ถ้างั้นแล้วเหตุใดครั้งนี้หานโม่ถึงไม่ให้มันแสดงฝีมือเล่า?
อีกประการหนึ่งพวกเขาเจอกันที่ป่าไร้ิญญา มันคุ้นเคยมากกว่าคนอื่นแน่นอน
โตวโตวมองไปยังหานโม่มันทำท่าราวกับว่าเสียใจจนเหมือนจะส่งเสียงร้องไห้ "โฮ" ออกมาได้ทุกเมื่อ
หานโม่เอื้อมมือไปแตะหัวของมันเบาๆ "ข้ารู้ว่าเ้าสามารถช่วยข้าได้ แต่ตอนนี้ลมปราณของข้ากำลังติดขัด ข้า้าทะลวงผ่านเข้าไปสู่ระดับเสวียนซือ หากเ้าช่วยเหลือข้าทุกอย่าง ข้าคงเป็ระดับเสวียนซือไม่ได้แน่"
เมื่อโตวโตวได้ยินหานโม่อธิบายเช่นนี้ ภายในใจของมันก็รู้สึกดีขึ้นมา มันขยับปากคล้าย้าจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ
มันอยู่กับหานโม่มานาน ดังนั้นจึงรู้นิสัยใจคอของเ้านายตัวเองเป็อย่างดี มันนับถือนายท่านมาก แม้ว่าในใจจะยังคงเป็กังวลอยู่แต่ก็ทำได้เพียงสนับสนุนความคิดของหานโม่เท่านั้น
“ถ้าถึงเวลาที่ท่านทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องฝืนนะขอรับ” ในที่สุดโตวโตวก็พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
หานโม่พยักหน้าและมอบของว่างให้โตวโตวไปหนึ่งห่อ "อะนี่ กินให้อร่อยเล่า บางทีตอนเ้ากินหมดข้าอาจจะชนะการประลองแล้วก็ได้"
ภายในใจขิงโตวโตวรู้ดีว่าไม่มีการประลองใดกันที่จะจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็หายากนักที่ผู้เป็นายจะปลอบใจใคร ดังนั้นมันจึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม หอบของว่างเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วมุดกลับเข้าไปในแขนเสื้อของหานโม่
หลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกันจบ ความเร็วของรถม้าก็เริ่มลดลง
หานโม่เปิดผ้าม่านมองออกไปข้างนอกและพบว่าพวกเขาใกล้ถึงป่าไร้ิญญาแล้ว
รถม้าคันแรกได้หยุดลงแล้ว หลังจากนั้นขบวนรถม้าทั้งหมดก็หยุดลงเช่นเดียวกัน
หลังจากที่หานโม่ได้ยินเสียงคนอื่นๆ เริ่มทยอยลงมาจากรถม้า นางก็ปิดผ้าม่านและก้าวลงไปเช่นกัน
ทั้งสิบคนที่ผ่านเข้ารอบถูกเรียกให้มายืนรวมกันบริเวณทางเข้าป่าไร้ิญญา หานโม่เป็คนสุดท้ายที่เดินไปถึง
ตอนที่ผู้ผ่านเข้ารอบพากันแนะนำตัวหานโม่ไม่ได้อยู่ด้วย ดังนั้นนางจึงไม่รู้จักคนอื่นๆ อีกห้าคนดีนัก เวลานี้จึงถือโอกาสตอนที่ทุกคนยืนอยู่พร้อมหน้ากันลอบสังเกตพวกเขาทีละคนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตระกูลที่สามารถเอาชนะทายาทสายตรงคนอื่นของตระกูลหานจนผ่านเข้ารอบมาได้ ฝีมือต้องไม่ใช่เล่นๆ แน่
รอจนกระทั่งทั้งสิบคนมาพร้อมกันเรียบร้อยแล้ว หานเฉินต้งจึงเดินมายืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา
“การประลองในรอบที่สองเป็การประลองแบบคู่ พวกเ้าทั้งสิบคนจะถูกจับคู่รวมทั้งหมดห้าคู่แล้วเข้าไปในป่าไร้ิญญา ก่อนเริ่มการแข่งขันข้าได้ให้คนนำพัดเฉียนคุนซึ่งเป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลหานเข้าไปซ่อนไว้ในป่าไร้ิญญาแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว ภารกิจของพวกเ้าก็คือการนำพัดเฉียนคุนกลับมาโดยที่ยังมีชีวิตรอด"
หานเฉินต้งกวาดตามองไปยังใบหน้าทายาทของตระกูลหานทุกคน เมื่อพบกับสายตาที่เ็าของหานโม่เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาทันทีว่า "เสี่ยวชี เ้ารู้หรือไม่ว่าพัดเฉียนคุนคือสิ่งใด?"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ผายลม หมายถึง พูดไร้สาระเหมือนตดออกมา
