หลัวจิ่งสวมชุดผ้าฝ้ายสีเข้มที่เก่าไปครึ่งหนึ่ง มวยผมก็ทำให้ยุ่งเหยิงเล็กน้อยด้วยความตั้งใจ
เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่แสงไฟเข้าไม่ถึง มองสตรีลักษณะหรูหราไปทั้งกายกำลังเดินออกมาจากภายในเชียนจินถัง ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามในมุมเฉียงออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
สตรีผู้นั้นพาดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวอันล้ำค่าตัวใหญ่ไว้บนกาย ในมือถือเตาทองเหลืองอันเล็กทรงกลมสลักด้วยทองเนื้อดีสำหรับอังมือ บนมวยผมสีดำสนิท ปักปิ่นหยกฝังไข่มุกตะวันออกเม็ดใหญ่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงไฟ คิ้วสีดำยาวเรียวเอียงเล็กน้อย ดวงตาสีดำเข้ม ลักษณะใบหน้าสว่างสดใส บุคลิกสูงส่งเ็า
คล้ายคลึงกันกับหลัวจิ่งอยู่สามถึงสี่ส่วนเลยทีเดียว
หลัวเชี่ยน...
เขากัดฟันแน่น มือสั่นเทาเล็กน้อย ไม่ได้เจอกันหลายปีแต่สตรีผู้นี้กลับใช้ชีวิตได้นับวันยิ่งสดใสสุขสบายมากขึ้นเรื่อยๆ มโนธรรมของนางไม่รู้สึกเ็ปอะไรบ้างเลยหรือ?
หรือจะบอกว่าในสายตานางมีเพียงองค์ชายสาม ชายเ้าแผนการอยู่ในใจลึกๆ ผู้นั้นผู้เดียว ไม่มีครอบครัวบิดามารดานางอยู่ในหัวใจเลย
หลัวจิ่งสูดเอาอากาศเย็นเยือกเข้าไปลึกๆ อยู่สองเฮือก แววตาเปลี่ยนไปจนเฉยเมยไร้ความรู้สึก
หลัวเชี่ยนตั้งใจเลือกเดินทางออกมาด้านนอกเวลานี้โดยเฉพาะ นี่ก็เพื่อหลบหูหลบตาคน นางแต่งให้กับองค์ชายสามมาแล้วหลายปี ตลอดมานางยังไม่มีวี่แววจะตั้งครรภ์ขึ้นได้เลย ขณะนี้ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์ไท่จื่อได้รับการยืนยันแล้ว ฐานะขององค์ชายสามเป็ธรรมดาที่น้ำขึ้นเรือย่อมสูงขึ้นด้วย ส่วนนาง... เช่อเฟยผู้หนึ่งที่เข้ามาอยู่ภายในจวนหลายปี ไม่มีทายาทสืบสกุลอยู่ข้างกาย และภายภาคหน้าอาจมีสตรีใหม่ที่เข้ามาอยู่ภายในลานบ้านขององค์ชายสามมากขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นนางอาจเกิดความทุกข์ยากขึ้นได้
ด้วยเหตุนี้หลัวเชี่ยนถึงได้แอบออกจากจวนหลังยามพลบค่ำไปแล้ว ข้างกายพามาเพียงสาวใช้คนหนึ่งและเมอเมอคนหนึ่งเท่านั้น ตั้งใจมาหาท่านหมอที่เป็ปรมาจารย์ด้านโรคภายในของสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวงเพื่อทำการตรวจดู
นางขึ้นรถม้าด้วยการประคองของเมอเมอ ในใจคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของท่านหมอ สภาพร่างกายของนางโดยตลอดมาดีมากพอสมควร ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ในหลายปีมานี้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ มากกว่าครึ่งย่อมเป็ปัญหาที่ตัวผู้ชายของนาง
นางจึงคิดขึ้น แม้นางบำเรอในจวนองค์ชายสามจะมีไม่มากแต่ก็มีตั้งสิบกว่าคน หลายปีมานี้ได้มาเพียงองค์หญิงสองกับองค์ชายหนึ่งพระองค์ องค์ชายอายุเจ็ดปีกว่าแล้ว แต่ร่างกายแย่ยิ่งนักสามวันห้าวันตามตัวท่านหมอหลวงมารักษาอยู่ตลอด
ร่างกายขององค์ชายสามอาจมีปัญหาเล็กน้อยจริงๆ
รถม้าขับเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า หลัวเชี่ยนตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
ทันใดนั้นรถม้าสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ’ตุบ’ มีเสียงดังขึ้นจากนอกรถม้า แต่รถม้ากลับยังควบไปต่อ
หลัวเชี่ยนเกิดความสงสัยอยู่บ้าง แม้นางไม่ได้พาองครักษ์มาด้วยแต่บนรถม้ามีตราราชวงศ์ ผู้ใดกันที่ไม่มีสายตาเพียงนี้ กล้ามีใจคิดไม่ดีต่อรถม้าของราชวงศ์ได้
เมื่อองค์ไท่จื่อสิ้นพระชนม์ ทั่วทั้งเมืองหลวงนอกจากฮ่องเต้แล้วก็นับว่าองค์ชายสามใหญ่ที่สุด ส่วนองค์ชายหานสี่อยู่ชายแดนห่างไกล ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออากาศหนาวสะท้านและมีหิมะตกปิดถนน ต่อให้เขาได้รับข่าวและอยากเข้ามาเมืองหลวง ก็ต้องรอจนถึงฤดูกาลที่อบอุ่นดอกไม้เบ่งบานของฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว
รถม้าหยุดลงทันที ประตูเกวียนถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน สาวใช้นามว่าซิ่วหงรีบเข้าขวางอยู่ข้างหน้านาง “บังอาจ! กล้า…”
คำพูดของนางยังกล่าวไม่ทันจบ คนที่บุกเข้ามาใช้สันมือสับเข้าไปหนึ่งที
ซิ่วหงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นในชั่วพริบตา
ขณะที่เมอเมอกำลังคิดจะโผเข้าไปช่วยผู้เป็นาย ทว่าในขณะที่เห็นใบหน้าของผู้ที่เข้ามา นางจึงหยุดการเคลื่อนไหวลงทันที สีหน้าพลันขาวซีด ร่างกายสั่นเทิ้ม “…คุณ คุณชายสี่…”
หลัวจิ่งอยู่ในลำดับที่สี่ในบรรดาลูกพี่ลูกน้อย หญิงชรารับใช้เมอเมอไป๋ผู้นี้เป็ผู้ที่ติดตามไปรับใช้หลัวเชี่ยนหลังแต่งออกไปแล้ว เป็ธรรมดาที่จะจำเขาได้
ใบหน้าของหลัวเชี่ยนซีดเผือดราวหิมะไปพร้อมกับเสียงของนาง
นางมองไปที่ชายใบหน้าไร้ความรู้สึกจนราวกับิญญาที่ผุดมาจากปรโลกที่ยืนอยู่ทางประตูเกวียน ฟันของนางสั่นกระทบกันอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
“…ยู่ ยู่เซิง”
หลัวจิ่งเพียงยิ้มเยาะ แต่สายตามืดครึ้ม
“ยังจำชื่อนี้ได้อยู่อีกหรือ ข้าควรรู้สึกเป็เกียรติจากก้นบึ้งของหัวใจเลยหรือไม่”
น้ำเสียงของเขาห่างเหินราวกับมีดที่กรีดหัวใจคนได้ก็ไม่ปาน
หลัวเชี่ยนรู้สึกเย็นเยียบขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างเสียมิได้ นางฝืนฉีกรอยยิ้มขึ้นอย่างยากลำบาก “…ยู่เซิง เ้าอย่าเป็เช่นนี้ เื่ในปีนั้นข้าเองก็ทุกข์ทรมานมากเช่นกัน องค์ไท่จื่อจับตัวองค์ชายสามไป เข้าค้นบ้านและยึดทรัพย์สกุลหลัวของพวกเรา สติข้าไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวใจจวนจะแตกสลายอยู่แล้ว แต่ข้าเป็เพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งจะทำอะไรได้ จะให้ต่อสู้กับองค์ไท่จื่อได้งั้นหรือ”
ขณะกล่าวนางก็ร้องไห้ขึ้น
“…ใช่เ้าค่ะ คุณชายสี่ คุณหนูก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่พวกข้าเห็นคนกำลังจะตายอยู่ต่อหน้าแล้วไม่ช่วยเหลือเสียที่ไหน แต่ไม่มีความสามารถให้ต่อต้านองค์ไท่จื่อได้เลยจริงๆ ตอนคุณหนูได้ยินข่าวก็ฟูมฟายจนหมดสติไปเช่นกันนะเ้าคะ” เมอเมอไป๋ตั้งสติขึ้นมาได้ก็รีบช่วยหลัวเชี่ยนอธิบาย
อารมณ์บนใบหน้าหลัวจิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในดวงตาเรียบเฉยอย่างเข้าใจทั้งหมดดีอยู่แล้ว
“ในสมัยนั้น คำพูดที่ท่านปู่เคยกล่าว เ้าจำมันไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”
หลัวเชี่ยนที่กำลังร้องไห้อยู่หยุดชะงักลงทันที
“ความเอาแต่ใจของเ้า อาจทำให้คนทั้งตระกูลต้องฝังลงหลุมศพไปตามๆ กัน เ้าก็จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยงั้นหรือ?” เสียงอ้างว้างของท่านปู่ดังก้องอยู่ข้างหู
หลัวเชี่ยนตอบว่าอย่างไรน่ะหรือ? นางร้องไห้ไปะโสบถสาบานไปว่า “หากมีวันนั้นเข้าสักวัน เช่นนั้นหลานจะสละชีวิตลงไปยังปรโลกแล้วโขกศีรษะยอมรับโทษต่อคนทั้งตระกูลเ้าค่ะ”
“…”
หลัวเชี่ยนสั่นเทาไปทั่วทั้งกาย ฟันกระทบกันดังกึกๆ น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ชาดบนใบหน้าผสมปนกับหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงบนเสื้อขนสัตว์สีขาวของนาง นางโซซัดโซเซข้ามร่างสาวใช้ที่ล้มกองอยู่บนพื้น จับแขนของหลัวจิ่งด้วยน้ำตานองหน้าและกล่าวเสียงดังขึ้น
“…ยู่ ยู่เซิง ข้าคิดไม่ถึงว่าเื่จะกลายมาเป็เช่นนี้ได้ ตอนแรกเป็เพราะมีการััเนื้อต้องตัวกับองค์ชายสามอย่างแนบชิด ไม่แต่งให้เขาย่อมเป็ไปไม่ได้ ข้าเองก็ถูกบีบบังคับให้จนปัญญาเช่นกัน เมื่อท่านปู่ไม่เห็นด้วย ข้าเลยทำได้เพียงสาบานไปเพื่อโน้มน้าวความคิดของท่านปู่เท่านั้น ยู่เซิง เ้าต้องเห็นใจและให้อภัยพี่นะ… นับั้แ่ที่บ้านเกิดเื่ ข้าในตอนนั้นกลางวันกินไม่ได้กลางคืนนอนไม่หลับ และล้มหมอนนอนเสื่อ รักษาอาการป่วยอยู่นานถึงจะหายได้เช่นกัน… ยู่เซิง ข้า ข้ายังถวายตะเกียงจุดธูปบูชาหน้าพระพุทธองค์ที่วัดต้าเอินให้ท่านปู่ด้วยนะ แล้วยังตั้งห้องพระขึ้นในบ้านของข้าอีกด้วย อธิษฐานให้พวกเขาทั้งคืนทั้งวัน ข้า… ข้ารู้ ข้าทำผิดต่อสกุลหลัว แต่ข้ายังไม่อยากตาย!”
นางดึงหลัวจิ่งไว้และร้องไห้เสียงดังจนน้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะ ทั้งโศกเศร้าอาดูรทั้งหวาดกลัว ยิ่งร้องเสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
มุมปากหลัวจิ่งยกยิ้มเย็นขึ้น สตรีผู้นี้ไม่รู้สำนึกว่าเื่เป็เพราะเหตุใดเลยสักนิด ถูกบีบบังคับให้ไม่มีทางเลือกอะไรกัน ท่าทางทั้งร้องไห้ทั้งโหวกเหวกโวยวายว่าต้องแต่งให้กับองค์ชายสามเสียให้ได้ในตอนนั้น มีตรงไหนกันที่ไม่สมัครใจ คำสบถสาบานของตัวเองยังปัดความผิดไปให้ท่านปู่อีก หึๆ ตะเกียงจุดบูชาหน้าพระพุทธองค์งั้นหรือ ห้องพระงั้นหรือ ล้วนเป็เพียงข้ออ้างที่ทำให้เปลือกนอกของตัวเองดูดีทั้งนั้น
พูดถึงแค่ท่าทางของนางในตอนนี้ ภายในร้องไห้จนสะอึกสะอื้น แต่ความเป็จริงดวงตาชำเลืองมองไปทางอื่นอยู่ตลอด เสียงร้องยิ่งร้องก็ยิ่งดัง ก็แค่้าดึงดูดให้คนภายนอกเข้ามาเท่านั้น
เขากุมลำคอของนางไว้อย่างว่องไว แรงบีบมากมายเสียจนทำให้เสียงร้องไห้แผดดังของหลัวเชี่ยนหยุดลงทันที ในดวงตาของนางสะท้อนความหวาดกลัวออกมาอย่างสุดขีด มือสองข้างยึดข้อมือของเขาไว้ คิดจะฉุดรั้งให้ข้อนิ้วที่คล้ายดังห่วงเหล็กก็ไม่ปานของเขาคลายออก
“หลัวเชี่ยน เ้าวางใจ ข้าไม่อยากได้ชีวิตของเ้าหรอก ต่อให้เ้าลงไปยังปรโลกโขกศีรษะยอมรับโทษต่อหน้าท่านปู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร หึ... เ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ แล้วใช้จิตใจที่คิดเพียงเพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเอง ใช้เกียรติยศอันจอมปลอมและดวงตาที่ละโมบของเ้าคู่นี้ดูให้ดี ว่าอนาคตของเ้าจะเป็อย่างไรต่อไป”
ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาผุดรอยยิ้มที่ทำให้คนฉงนขึ้นกะทันหัน
คางของหลัวเชี่ยนถูกมือของเขาบีบให้เผยอออก ในปากถูกยัดลูกกลอนลงไปหนึ่งเม็ด นางยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ลูกกลอนก็ไหลลื่นกลืนลงสู่ลำคอไปแล้ว
ในหน้าของนางเขียวคล้ำสลับขาวซีดขึ้นทันที ก้นบึ้งของดวงตาตื่นตระหนก
“…แค่ก …แค่ก …แค่ก เ้า เ้าเอายาอะไรให้ข้ากิน? …อ้วก …แหวะ”
เสียงแหบแห้งราวกับก้อนกรวดหยาบ
หลังหลัวจิ่งปล่อยมือออกก็มองด้วยความเ็า นางล้วงลำคอไม่หยุด ้านำของที่เข้าไปอาเจียนออกมา
ในใจนับเวลาออกฤทธิ์อยู่เงียบๆ ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ มองใบหน้าขาวซีดทว่ายังคงงดงามเหมือนเดิมของนาง เขาเอ่ยปากออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ดอกถูหมีเบ่งบาน [1] ่เวลาสุดท้าย เ้ารักษามันไว้ให้ดี”
กล่าวจบเขาจึงกระโจนลงจากรถม้า ทันทีหลังจากนั้นหายเข้าไปท่ามกลางความมืดมิด
เมอเมอไป๋รีบพุ่งเข้ามาพยุงหลัวเชี่ยนไว้ “คุณหนู คุณชายสี่เอาอะไรใส่ปากท่านเ้าคะ?”
มือของหลัวเชี่ยนสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาร้องไห้จนแดงบวมไปหมด นางล้วงคออยู่นานทว่าไร้สิ่งใดสำรอกออกมา “…ไม่รู้ …เหมือนจะเป็ลูกกลอนเม็ดหนึ่ง เมอเมอ ข้า… กำลังจะตายใช่หรือไม่?”
“…อึก …เป็ยาพิษหรือ? โอ้์ ไม่นึกเลยว่าคุณชายสี่จะโเี้ปานนี้ แล้วยังมากล่าวว่าไม่้าชีวิตของท่านอีก ไม่... คุณหนู ท่านจะตายไม่ได้นะเ้าคะ กว่าพวกเราจะทนมาถึงตอนนี้ได้ไม่ง่ายเลย จะมาถูกเอาเปรียบแล้วตายไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เป็การถูกองค์ชายสามลากเข้ามาพัวพัน เลยทำให้ครอบครัวนายท่านถูกองค์ไท่จื่อเข้าค้นบ้านและยึดทรัพย์ไปก็เถอะ แต่ตัวการที่ทำให้เกิดหายนะคือองค์ไท่จื่อนี่ เหตุใดมาโทษพวกเราได้ คุณชายสี่นิสัยดื้อรั้นเกเรมาั้แ่เด็ก แต่มีเพียงคุณหนูที่ถูกบีบบังคับให้กล่าวคำสาบานให้ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก หากจะลงโทษคุณหนู เขาก็ต้องได้รับการชำระบัญชีนี้ด้วยเช่นกันสิ ...ไม่ได้ พวกเราต้องรีบไปหาท่านหมอ หากช้าไปเกรงว่าจะไม่ทันการแล้วเ้าค่ะ”
เมอเมอไป๋พยุงหลัวเชี่ยนให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกล่าวไม่หยุด หลังจากนั้นพยุงสาวใช้ที่สลบไปขึ้นมา แล้วออกแรงหยิกร่องตรงกลางริมฝีปากบนของนางอย่างสุดแรง ผ่านไปพักหนึ่งสาวใช้เจ็บจนได้สติ
เมอเมอไป๋มองออกไปนอกเกวียน คนขับรถนอนคว่ำอยู่ข้างม้าไม่กระดิก นางลงจากรถม้าไปด้วยตัวสั่นเทา ยื่นมือออกไปอังที่ปลายจมูกคนขับรถม้า เมื่อััได้ถึงลมหายใจจึงผ่อนลมออกมาด้วยความโล่งอก ออกแรงหยิกคนขับรถม้าให้ตื่นขึ้น
ในที่สุดรถม้าก็ควบเร็วโคลงเคลงออกจากตรอกอันมืดมิด
...หลัวจิ่งเดินออกมาบนถนนใหญ่ตะวันตกอย่างเชื่องช้า หลัวสือซานตามอยู่ข้างหลังเขาไม่ใกล้ไม่ไกล
ในฤดูหนาวที่อากาศเย็นเยียบ คนสัญจรบนถนนมีน้อยมาก หลัวจิ่งเดินเอื่อยไปเรื่อยอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
เมื่อตอนพลบค่ำได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าพบร่องรอยของหลัวเชี่ยน ในตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าตนเองควรปฏิบัติต่อหลัวเชี่ยนอย่างไรเมื่อได้พบหน้านาง
หลัวเชี่ยนั้แ่เด็กก็เป็สาวงามที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ถูกท่านอาสะใภ้ดูแลอย่างไข่มุกล้ำค่า คิดว่าตนเองสูงศักดิ์อยู่เหนือผู้อื่นตลอดมา มั่นใจในโฉมหน้าและรูปร่างของตนเองเป็ที่สุด นางก็หน้าตางดงามไม่ธรรมดาเช่นนั้นจริงๆ อยู่ในจวนองค์ชายสามได้รับความโปรดปรานเป็อย่างมาก แม้ผ่านมานานหลายปีเพียงนี้แล้ว ตำแหน่งก็ยังมั่นคงอยู่เช่นเดิม นอกจากเจิ้งเฟย [2] แล้ว ผู้ที่มีเกียรติสูงที่สุดก็นับว่าเป็นาง
จะทำอย่างไรให้คนคนหนึ่งมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย นั่นคือการทำลายล้างในสิ่งที่นางให้ความสำคัญมากที่สุด
ประโยคนี้เป็เจินจูได้กล่าวไว้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดถึงสิ่งของอย่างหนึ่งขึ้นมาได้กะทันหัน เป็ตอนที่ช่วยเจินจูหาซื้อผงลบเลือนสีผิวในครั้งก่อน เขาซื้อสิ่งนี้ติดมือกลับมาด้วย
ของสิ่งนั้นได้ใช้ไปกับหลัวเชี่ยน เพียงพอที่จะทำให้นางหมดอาลัยจนแทบบ้าคลั่งเลยทีเดียวล่ะ
ลมเหนือที่หนาวเย็นพัดมากระทบบนใบหน้าของเขา ใบหน้าที่เฉยเมยในตอนแรก แข็งทื่อจนเหมือนกลายเป็ประติมากรรมน้ำแข็งหนึ่งชิ้นมากยิ่งขึ้น
หลัวเชี่ยนชื่นชอบเสื้อผ้าแพรไหมเครื่องแต่งกายตระการตา และเครื่องประดับอัญมณีไข่มุกต่างๆ มาั้แ่ยังเด็ก นางคิดว่าความงามของนางจำเป็ต้องมีสิ่งเหล่านี้ จึงจะสามารถขับความงามให้เด่นขึ้นได้ แม้สกุลหลัวไม่ได้ยากจนแต่ท่านปู่ดำรงชีวิตอยู่อย่างมัธยัสถ์ ไม่ชอบเสื้อผ้าและอาหารฟุ่มเฟือย หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายที่ดูฟุ้งเฟ้อทั้งหมดอีกด้วย แม้หลัวเชี่ยนในใจจะเกิดความไม่สบอารมณ์ ทว่าไม่กล้าพูดอะไรมาก ภายหลังหลัวเชี่ยนพบกับองค์ชายสาม หานอี้ผู้ซึ่งทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยความหรูหราใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงพิชิตหัวใจนางได้อย่างรวดเร็ว
นางให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุดน่ะหรือ? ความโปรดปรานจากองค์ชายสาม? ตำแหน่งเจิ้งเฟย? เสื้อผ้าเครื่องประดับหยก?
ไม่... ล้วนไม่ใช่ทั้งสิ้น สิ่งที่นางให้ความสำคัญมากที่สุด คือโฉมหน้าของนางอย่างไรล่ะ
ใบหน้าหลัวจิ่งปรากฏสีหน้าถากถางขึ้น
ทันใดนั้นเขารู้สึกคิดถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของหญิงสาวที่อยู่ในใจขึ้นฉับพลัน คิดถึงกลิ่นหอมสงบและแสนผ่อนคลายจากร่างกายของนาง และคิดถึงดวงตาที่เป็ประกายสดใสและสุดแสนจะเ้าเล่ห์ของนางอย่างยิ่ง
เขามองไปยังทิศทางของจวนเจิ้นกั๋วกงปราดหนึ่ง เพิ่งห่างออกมาได้ไม่นานก็เริ่มคิดถึงอีกแล้ว เฮ้อ
หลัวจิ่งโยนเื่กลัดกลุ้มใจทิ้งไว้ด้านข้างแล้วดึงสติกลับคืนมา เขาเดินผ่านปากทางแห่งหนึ่ง เตรียมเลี้ยวเข้าตรอกเล็ก
“…ล้วนโทษเ้า หากไม่ใช่เ้าฝืนจะรั้งอยู่จนถึงท้ายที่สุด พวกเราจะซวยเช่นนี้ได้อย่างไร!”
เสียงเล็กแหลมของสตรี ดึงดูดความสนใจคนเป็พิเศษอยู่บนถนนอันมืดสลัว
เชิงอรรถ
[1] ดอกถูหมีเบ่งบาน ‘ดอกถูหมี’ คือ ต้นไม้ตระกูลเดียวกับกุหลาบ อยู่ในสกุลเดียวกับกุหลาบจันทร์ของไทย ดอกถูหมีมีสีขาว เกสรสีเหลือง มีกลิ่นหอม ในภาษาดอกไม้ หมายถึง ‘ความงามที่สิ้นสุดลง’ เพราะดอกถูหมีจะบานใน่ปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน ในขณะที่ดอกไม้อื่นๆ กำลังร่วงโรย จึงมีคำกล่าวที่ว่า ‘ถูหมีเบ่งบานฤดูดอกไม้พลันสิ้นสุด’ เปรียบได้กับวัยสาวที่ผ่านพ้นไป หรือความรักที่มาถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว
[2] เจิ้งเฟย หมายถึง พระชายาเอก