คิดถึงตรงนี้ นางแซ่หลี่ก็แทบลมจับ สามร้อยตำลึง นั่นเป็เงินสามร้อยตำลึงเชียวนะ!
ทั้งยังเป็เวลาสำคัญ เป็จังหวะที่้าหมอหลิวพอดีอีก ในเมื่อคนหายไปแล้ว เช่นนั้นจะหาใครมาช่วยนางโกหกและหาทางลงจากเื่นี้ได้อีกเล่า?
ถ้าเปลี่ยนเป็หมอคนอื่น ให้ซูเต๋อเหยียนได้รู้ว่านางกำลังตั้งครรภ์เท็จ ก็แทบไม่อยากคิดจินตนาการถึงผลลัพธ์
“นายท่าน ความจริงตอนนี้ข้าน้อยรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ในเมื่อหมอหลิวไม่อยู่ เช่นนั้นข้าไปพักผ่อนจะดีกว่า...”
ไม่รอให้นางแซ่หลี่พูดจบ ซูเฟยซื่อพลันเอ่ยขัดจังหวะ “ไม่ได้ เมื่อครู่แม่ใหญ่เพิ่งร้องว่าปวดท้องอาการสาหัส เื่นี้เกิดขึ้นเพราะซูเฟยซื่อ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายคนเล็กในครรภ์แม่ใหญ่ละก็ เฟยซื่อต้องรู้สึกสำนึกผิดในใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ ท่านพ่อ ท่านรีบส่งคนไปเชิญหมอหลวงในวังมาเถิดเ้าค่ะ”
ได้ยินคำว่า ''น้องชายคนเล็ก'' เพียงคำเดียว ซูเต๋อเหยียนถึงกับปลื้มอกปลื้มใจ ในหัวนึกถึงภาพตนเองกำลังอุ้มบุตรชายหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถูกใจคำเรียกเพียงคำเดียวของซูเฟยซื่อ มือใหญ่โบกส่งสัญญาณ “บ่าวไพร่ รีบเชิญหมอหลวงมา”
“ทุกคนในเรือนแม่ใหญ่ต่างกำลังยุ่ง หรือให้คนรับใช้ของข้าไปตามให้ดีกว่าไหมเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อเสนอ
ทว่าเสียงของนางเพิ่งจบลง ซางจื่อได้วิ่งตื๋อออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่รอนางแซ่หลี่ตอบโต้ คนก็ไร้เงาไปแล้ว
เื่มาถึงขนาดนี้ นางแซ่หลี่ยังสามารถพูดอะไรได้อีก? รอหมอหลวงมาถึงด้วยความกระวนกระวาย ใจนึกทั้งด่าทั้งสาดเืสุนัขเต็มหัวหมอหลิวไปหมด
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาละก็ ตอนนี้นางคงได้กักตัวซูเฟยซื่ออยู่ในสวนปี้หวินไปแล้ว
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือทุกสิ่งทั้งหมดนี้เป็ซูเฟยซื่อจงใจจัดเตรียม
ซูเฟยซื่อฉวยโอกาสที่นางยังไม่ได้รับข่าวการตายของหมอหลิว จงใจทำเื่ผิดพลาดจากหัวไชเท้าและโสมอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ให้นางจับได้
ก็เพื่อให้นางแสดงละครเรียกซูเต๋อเหยียนออกมา เมื่อซูเต๋อเหยียนมาถึง ละครสนุกก็เริ่มขึ้น
ด้วยระดับความห่วงใยที่ซูเต๋อเหยียนมีต่อทารกในครรภ์ หากไม่ได้เชิญหมอมา เขาก็ย่อมมิอาจปล่อยวาง
หมอหลิวตายไปแล้ว ก็เพียงหาหมอหลวงในวังมาวินิจฉัย เพราะหมอหลวงไม่ได้รับเงินของนางมาก่อน ย่อมไม่ช่วยนางโกหก
ถ้าเช่นนั้นครรภ์เท็จของนางก็ปิดบังไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ ครั้งนี้ซูเต๋อเหยียนเป็นางเชิญมาเอง ก็ต่อให้คิดอยากพูดว่าซูเฟยซื่อให้ร้ายนาง ก็พูดไม่ได้เต็มปากด้วย
ดังนั้นเป็นางย้ายหินทุ่มเท้าของตนเองแล้ว
ซางจื่อใช้ชื่อของอวี้เสวียนจีไปเชิญหมอหลวง หมอหลวงไหนเลยกล้าไม่มา
นางแซ่หลี่มองหมอหลวงแปลกหน้าตรงหน้า ร้อนใจจนคิดแกล้งเป็ลมไป ทำอย่างไรดี หากได้จับตรวจชีพจรทันที การตั้งครรภ์เท็จของนางก็เผยพิรุธแล้ว
“แม่ใหญ่ ท่านรีบยื่นมือออกมาให้หมอหลวงจับตรวจชีพจรเถิดเ้าค่ะ มิฉะนั้นหากทารกในครรภ์ของท่านเกิดเป็อะไรไป ให้เฟยซื่อตายเพื่อขอขมาลาโทษก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” ซูเฟยซื่อจงใจพูดให้ดูเหมือนเป็เื่ร้ายแรง
ข่มขู่จนซูเต๋อเหยียนเร่งเร้าอีกเสียง “น้องนาง หมอหลวงมาถึงแล้ว เ้ารีบยื่นมือออกมาเถิด”
“ข้าน้อย...” นางแซ่หลี่สำนึกเสียใจจนมวนท้องไปหมด เื่มาถึงตอนนี้ นอกจากยื่นมือออกมายังมีตัวเลือกอื่นอีกไหม?
คำตอบเห็นได้ชัดว่าไม่มี!
คิดถึงตรงนี้ นางแซ่หลี่ได้แต่กัดฟันยื่นมือออกไป
หมอหลวงเห็นเช่นนี้ก็โล่งอก รีบตรวจจับชีพจร เกรงว่าทำเื่ล่าช้า นั่นอาจเป็เหตุให้อวี้เสวียนจีตำหนิกล่าวโทษได้
แต่นิ้วมือของเขาเพิ่งััชีพจรของนางแซ่หลี่ได้ไม่นาน คิ้วก็ขมวดมุ่น สีหน้านั้นทั้งสงสัยทั้งประหลาดใจ
“หมอหลวง ทารกในครรภ์ของภรรยาข้าเป็อย่างไรบ้าง?” เห็นหมอหลวงไม่พูดไม่จา ซูเต๋อเหยียนร้อนใจถามพลาง
“นี่… ตามสัญญาณชีพจร ดูไปแล้วในท้องของภรรยาท่านไม่มีทารก ที่เรียกว่าตั้งครรภ์น่าจะเป็เพียงการวินิจฉัยที่ผิดพลาด” หมอหลวงััอย่างถี่ถ้วนอีกสักครู่ จึงได้ตัดสินใจกล่าวออกไป
“อะไร? ที่เรียกว่าตั้งครรภ์เป็เพียงการวินิจฉัยที่ผิดพลาด?” เสียงของซูเต๋อเหยียนปานฟ้าร้อง ในใจปนเปไปด้วยความตื่นตระหนก ความประหลาดใจ และความกรุ่นโกรธ
เป็ไปได้อย่างไร ่เวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปเฉยๆนั้น คิดไม่ถึงว่าเป็เพียงการวินิจฉัยที่ผิดพลาด?
นางแซ่หลี่ทราบอยู่แล้วว่าผลลัพธ์ต้องออกมาเป็รูปแบบนี้ ทว่าเมื่อหมอหลวงพูดความจริงในวินาทีนั้น แข้งขาพลันอ่อนแรง ความสับสนระบายอยู่ทั่วหน้า
ทว่าหมอหลวงกลับไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนทั้งคู่ เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถ้าอัครมหาเสนาบดีไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของข้าน้อย ก็สามารถเชิญคนอื่นมาตรวจวินิจฉัยอีกก็ย่อมได้ แต่ถึงอย่างไรผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันหรอกขอรับ”
ประโยคเดียวทำลายความหวังของซูเต๋อเหยียนไปจนหมดสิ้น ลูกชายที่เขาได้มาตอนเฒ่า ความสุขพ่อลูกอยู่ด้วย ทุกอย่างที่เขาเคยฝันใฝ่เพื่อบุตรชายคนนี้ ตอนนี้กลับกลายเป็เถ้าถ่าน
“เหตุใดข้าจะไม่เชื่อในฝีมือของท่านเล่า ต้องขอบคุณท่านหมอหลวงสิถึงจะถูก” เห็นซูเต๋อเหยียนไม่มีการตอบสนอง ซูเฟยซื่อรีบยัดเงินใส่มือของหมอหลวง “งานราชการของท่านหมอคงยุ่งมาก เราก็ไม่รบกวนแล้ว บ่าวไพร่ ส่งหมอหลวงกลับเถิด”
ซูเต๋อเหยียนเห็นซูเฟยซื่อจัดการเื่ต่างๆ ได้เหมาะสมลงตัวแบบนี้ จิตใจที่ได้รับาเ็ก็ได้รับการปลอบประโลมลงไปบ้าง เขาเข้าใจความตั้งใจของซูเฟยซื่อที่ทำแบบนี้ หนึ่งช่วยเขาต้อนรับแขก สองรีบส่งหมอหลวงไปทันที ทั้งนี้เื่ฉาวโฉ่ในครอบครัวก็มิอาจประกาศต่อภายนอกได้แล้ว
โชคดีที่ยังมีบุตรสาวแบบนี้ช่วยเขาแบ่งปันความกังวล คิดถึงตรงนี้ ซูเต๋อเหยียนตบไหล่ซูเฟยซื่อทันที “เฟยซื่อ วันนี้ลำบากเ้าแล้ว”
“ไม่ลำบากเลยเ้าค่ะ นี่ล้วนเป็สิ่งที่ข้าต้องทำ เพียงแต่แม่ใหญ่...” ซูเฟยซื่อจงใจเปลี่ยนหัวเื่ไปที่นางแซ่หลี่
เมื่อกล่าวถึงนางแซ่หลี่แล้ว ถึงคิดขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้ตนทำไม่ดีต่อซูเฟยซื่อเพื่อนางแซ่หลี่ ในใจซูเต๋อเหยียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสำนึกละอายใจต่อบุตรสาว ใจที่เอือมระอาเกลียดชังต่อนางแซ่หลี่ก็ยิ่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน
นังผู้หญิงน่าตายนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะนางยุยงอยู่ข้างหูละก็ เขาคงไม่ให้ร้ายต่อบุตรสาวคนนี้ ทั้งยังเกือบจะกักบริเวณนางอย่างเด็ดขาด
ถ้าเขากักบริเวณซูเฟยซื่อเข้าจริงๆ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะผิดหวังเปล่าๆ แต่ยังต้องขายหน้าต่อหน้าหมอหลวงอีก
ซูเต๋อเหยียนยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “นายหญิงสุขภาพไม่ค่อยดี ก็จงรักษาตัวอยู่ในเรือนก่อนเถิด เื่ในจวนอัครมหาเสนาบดีก็มอบอำนาจทั้งหมดให้เฟยซื่อรับผิดชอบ เ้าไม่ต้องเป็ห่วงแล้ว”
“นายท่าน” นางแซ่หลี่อุทานอย่างตื่นตระหนก อ้าปากหวอ คิดอยากพูดอะไรบางอย่าง
แต่นางยังรู้ตัวดีว่าให้ก่อความผิดมหันต์ ทว่าเพราะซูเต๋อเหยียนยังเห็นแก่ซูจิ้งโหยว การตัดสินของเขาในครานี้ก็นับว่าไว้หน้านางมากแล้ว
“นี่… ในเมื่อแม่ใหญ่สุขภาพไม่ดี และท่านพ่อได้เอ่ยปากอีกครั้งแล้ว เช่นนั้นเฟยซื่อก็จะปกครองครอบครัวชั่วคราว และดูแลเก็บรักษาสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อจงใจเอ่ยถึงสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชี
นางแซ่หลี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม แต่เพราะมีชนักปักหลัง แล้วนางจะทำอะไรได้อีก นอกจากนึกโกรธเคืองอีกฝ่ายก็เท่านั้น?
ซูเฟยซื่อ เ้ารอข้าก่อนเถอะ ต้องมีสักวันข้าต้องให้เ้ากินไม่หมดก็ต้องม้วนเสื่อออกไปจากที่นี่!
ตอนนี้ซูเต๋อเหยียนยิ่งมองนางแซ่หลี่ ความกรุ่นโกรธก็ยิ่งทวีคูณ หลังจากสั่งการเสร็จก็มุ่งไปยังเรือนของแม่น้ารอง ซูเฟยซื่อหยักมุมปากขึ้นยิ้มอย่างสะใจ เดินตามหลังซูเต๋อเหยียนจากไปด้วย
ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าบ่าวไพร่ในเรือน เพียงมองตากันก็เข้าใจว่าเกิดเหตุวุ่นวายอย่างไรบ้างแล้ว
ได้ฟังก็คิดชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย ทั้งวิเคราะห์ความน่าจะเป็ถึงอำนาจการปกครองจวนของนางแซ่หลี่อย่างถี่ถ้วน
เมื่อเหล่าคนรับใช้ได้เห็นซูเฟยซื่อ ก็ล้วนทำความเคารพ และนับถือนางจากใจจริง
แม้กระทั่งสาวรับใช้ของนางแซ่หลี่กับที่ปรนนิบัติซูจิ้งเถียน ซึ่งปกติมักจะดูิ่ซูเฟยซื่อก็ล้วนเปลี่ยนท่าทีไป
ผลที่ออกมาในรูปแบบนี้ เห็นผู้คนยอมศิโรราบแก่ตน ซูเฟยซื่อดูราวกับได้ยืนมองบ่าวไพร่จากที่สูงเช่นนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้