อาเขยเล็กของโจวเฉิงแซ่กู้ ชื่อกู้เจิ้งชิง โดยปกติแล้วเขาเป็บุคคลผู้มีตัวตนจืดจางมากในงานพบปะรวมญาติ
จะว่าอย่างไรดี ตอนอาเล็กโจวแต่งงานกับกู้เจิ้งชิง เขาเป็เพียงอาจารย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ณ ตอนนั้นตระกูลโจวไม่ได้ทรงอิทธิพลเหมือนตอนนี้ อาเล็กโจวคือลูกสาวคนเล็กที่สุดของบ้าน การแต่งงานของเธอจึงเป็ไปตามใจปรารถนาของตนเองมากกว่า ผ่านไปสิบกว่าปี กู้เจิ้งชิงออกจากแนวหน้าการศึกษา [1] และเข้าทำงานในฝ่ายวางแผนพัฒนาประจำกระทรวงศึกษาธิการ ตำแหน่งไม่สูงไม่ต่ำ การที่เขาได้เป็มนุษย์ล่องหนในตระกูลโจวไม่ใช่เพราะว่าคนตระกูลโจวเ้ายศเ้าอย่างดูแคลนกู้เจิ้งชิง... แต่เป็เพราะว่าตระกูลโจวไม่มีต้นกล้าที่โดดเด่นด้านการเรียนเลยจริงๆ นอกจากอบรมลูกของตนเองแล้ว กู้เจิ้งชิงไม่ได้สนใจเหล่าคุณชายคุณหนูตระกูลโจวอย่างโจวอี๋และโจวเฉิงมากนัก
โจวเฉิงน่ะหรือ สามารถพูดได้เลยว่าเป็พวกหนักบู๊เบาบุ๋น ไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกับกู้เจิ้งชิงโดยสิ้นเชิง
ส่วนโจวอี๋จะไปคาดหวังอะไรได้ ฐานะครอบครัวเพียบพร้อมขนาดนี้ยังไม่รู้จักเรียนหนังสือ สำหรับคนที่ทำงานในวงการการศึกษามาร่วมครึ่งชีวิตอย่างกู้เจิ้งชิง คนเช่นโจวอี๋นี้คือไม้ผุเน่าที่แกะสลักไม่ได้ [2] !
โจวอี๋รู้สึกเคลือบแคลงใจต่อขอบเขตวิชาชีพของกู้เจิ้งชิง ทำให้เขาสลัดความสงบเสงี่ยมที่เคยมีทิ้ง ราวกับว่าในรูจมูกสามารถพ่นไฟออกมาได้
“อาจะจำผิดได้อย่างไร! อาจำได้ว่าสำนักงานศึกษาธิการของอวี้หนานส่งเทปบันทึกภาพมาถึงหน่วยงานด้วย รายงานผลคะแนนเกาเข่าของอวี้หนานประจำปีนี้ ข้างในมีเทปสัมภาษณ์ของบัณฑิตเกาเข่าด้วย เดี๋ยวอาวานให้คนเขาส่งมาที่บ้านทันทีเลย!”
การวางแผนพัฒนาการศึกษา ต้องสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่มีอยู่ เมื่อมณฑลอวี้หนานส่งข้อมูลประจำปีนี้มา กู้เจิ้งชิงแค่ได้ข่าวคราวเื่สามอันดับแรกจากทั่วประเทศในการสอบเกาเข่าเท่านั้น ยังไม่ทันได้ดูเทปนั่นเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากเขาทำงานยุ่งทุกวัน
มิเช่นนั้นเขาคงจำเซี่ยเสี่ยวหลานได้ทันทีทันใด
สิ่งที่โจวอี๋เคลือบแคลงสงสัยไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าคืองานของกู้เจิ้งชิง คนเขลาที่ไม่ขวนขวายกำลังเคลือบแคลงใจในตัวผู้แก่เรียน ทำเอากู้เจิ้งชิงทนไม่ได้จริงๆ !
อาเล็กโจวถึงกับอึ้งเพราะสามี
ปกติทำงานด้านการศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง นึกไม่ถึงว่าจะสามารถปลดปล่อยเพลิงพิโรธลูกใหญ่ขนาดนี้ออกมาได้
คนตระกูลโจวร่วมกันกินแตง [3] เป็หมู่คณะ ปู่โจวตั้งสติได้ก่อนคนอื่นๆ “เจิ้งชิง ถ้าอย่างนั้นเธอวานคนส่งเทปบันทึกภาพมาให้ดูหน่อยสิ ตอนนี้ทุกคนกินข้าวเถอะ อย่าละเลยเสี่ยวหลานที่มาเป็แขกครั้งแรกเลย พอกินข้าวเสร็จพวกเราจะได้ดูเทปพร้อมกัน”
สำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศ เกาเข่านั้นสำคัญมาก สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้เลยทีเดียว สามารถกลายเป็มัจฉาที่ข้ามประตูั [4]
ตระกูลโจวถือว่ากลายเป็ัแล้ว มีเพียงคนอย่างอาเขยเล็กกู้เจิ้งชิงที่ให้ความสำคัญกับการสอบเกาเข่าจริงๆ แต่ทำไมพ่อเฒ่าโจวต้องดูเทปบันทึกภาพด้วยเล่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกเขยกล่าว ทว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ล้างมลทินให้เซี่ยเสี่ยวหลาน—ลูกหลานตระกูลโจวไม่จำเป็ต้องสอบ ‘เกาเข่า’ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานแสดงความโดดเด่นของตนจากการสอบเกาเข่าที่มีผู้เข้าร่วมการสอบนับล้านได้ มันได้ยืนยันแล้วว่าสติปัญญาและความเพียรพยายามของเธออยู่ในระดับยอดเยี่ยม!
แม้พื้นเพครอบครัวจะต่ำต้อยเพียงใด แค่อาศัยจุดนี้ก็มากพอจะทำให้หมดปัญหาแล้ว
โจวอี๋เหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันอันยาวนาน เธอกัดริมฝีปากไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ กู้เจิ้งชิงไม่มีทางโกหกต่อหน้าสมาชิกทั้งครอบครัว อาเขยเล็กเป็คนเที่ยงธรรม ต่อให้โจวเฉิงขอร้องก็ทำให้เขาร่วมมือแสดงละครหลอกลวงไม่ได้ แม้เทปบันทึกภาพยังมาไม่ถึง แต่โจวอี๋ก็รู้แล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานน่าจะสอบได้ 616 คะแนนจริงๆ อย่างไรก็ในใจของเธอยังกอดความหวังหนึ่งในหมื่นไว้อยู่ ถ้าอาเขยเล็กจำผิดเล่า?
เธอช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว แม้กู้เจิ้งชิงจำผิด แต่เมื่อจะให้คนส่งเทปบันทึกภาพมาในเวลานี้ เซี่ยเสี่ยวหลานควรร้อนตัวถึงจะถูกต้อง
ย่าโจวแสดงความปลาบปลื้มยินดีเหลือล้น
“หนูนี่นะ สุดยอดจริงๆ เลย!”
หญิงชราคิดอะไรอยู่น่ะหรือ คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เธอภาคภูมิใจน่ะสิ! เธอรู้ดี สายตาของหลานชายสุดที่รักไม่มีวันผิดพลาด คนรักที่โจวเฉิงเลือกคือคนที่ดีเลิศที่สุดอย่างแน่นอน!
ย่าโจวจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมปล่อย ตอนนี้กลับไม่มีใครไปสืบสาวว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานขัดต่อฐานะการเงินของครอบครัวอีกแล้ว ทุกคนต่างสับสนงงงวยเพราะเื่อันดับหนึ่งประจำมณฑลกันหมด คนที่เป็ห่วงโจวเฉิงโล่งใจ ส่วนพวกรอหัวเราะเยาะโดนตบหน้าอย่างรุนแรงโดยทั่วกัน!
อายุเท่าไรก็ทำสิ่งที่เหมาะสมกับอายุ นักเรียนย่อมเปรียบเทียบการเรียนกับคะแนน เมื่อทำงานแล้วย่อมเทียบตำแหน่งกับผลงาน
ภายในขอบเขตของ ‘นักเรียน’ นี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเอาชนะผู้เข้าสอบร่วมล้านคนทั่วประเทศ หากยังจู้จี้จุกจิกมากมายกับเธออีก นั่นไม่ใช่การพบปะแฟนสาวของโจวเฉิงแล้ว มันคือการเลือกชายาให้องค์รัชทายาทต่างหาก!
มีจุดเด่นอันเป็ที่ประจักษ์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว อย่างอื่นล้วนเป็รายละเอียดปลีกย่อยไม่สำคัญ
รัศมีของ ‘นักเรียนดีเด่น’ ช่างแพรวพราววาววับ โจวอี๋พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ต่อให้ยุยงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานใช้เงินของโจวเฉิงไปไม่น้อยก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ยังมีคนสนใจเื่นี้อีกหรือ?
ป้าเจิงวุ่นกับการเตรียมพร้อมตลอดทั้งบ่าย จัดอาหารไว้เต็มโต๊ะใหญ่
ทุกคนนั่งลงกับโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาว อาหารอุดมสมบูรณ์เหลือเฟือ และคนที่รับประทานอาหารต่างอยู่ในอาการมึนงง
เป็เพราะว่ามีความคาดหวังต่อเซี่ยเสี่ยวหลานต่ำมาก ร่ำลือกันว่าคนรักของโจวเฉิงคือหญิงสาวต่างถิ่นผู้มีดีเพียงหน้าตา นอกจากสวยแล้ว ไร้ซึ่งข้อดีโดยสิ้นเชิง!
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานผู้ปรากฏตัวต่อโจวเฉิงได้พิชิตความคาดหวังของทุกคนและสร้างมาตรฐานความคาดหวังใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
อันดับแรก เธอไม่ได้น่าเวทนาแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้มีจิตใจคับแคบ กิริยาผ่าเผยเหมือนได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็อย่างดี พอวางคู่กับโจวอี๋ จากภาพลักษณ์เมื่อแรกพบนั้นมิอาจแยกความแตกต่างด้านชาติตระกูลของทั้งสองได้เลย และเมื่อนำโจวอี๋มาเปรียบเทียบกับเธอ ทั้งที่อายุมากกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่การกระทำกลับหุนหันพลันแล่นราวเด็กไม่ประสา สุขุมสู้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้แม้แต่น้อย!
อย่างที่สอง ก็เหมือนที่ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงกล่าว คุณภาพการสอนในสถานที่ที่ไกลปืนเที่ยงไม่ดีพอ สอบเข้ามหาวิทยาลัยใดในปักกิ่งได้ก็ถือว่าดีทั้งนั้น
แน่นอนว่าคำพูดนี้ของป้าสะใภ้ใหญ่ก็เป็การวางกับดักเล็กน้อยเช่นกัน
ในเวลาแบบนี้ ผลคะแนนเกาเข่าของเซี่ยเสี่ยวหลานซึ่งออกมาจากปากของกู้เจิ้งชิงน่าเชื่อถือมากกว่าออกมาจากปากของเซี่ยเสี่ยวหลานหรือโจวเฉิง และมีพลังสร้างความน่าทึ่งมากกว่าด้วย กู้เจิ้งชิงทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ ถ้าถึงกับจำชื่อแซ่ของผู้เข้าสอบต่างถิ่นคนหนึ่งได้ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้เข้าสอบรายนี้ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน!
ใช่ เซี่ยเสี่ยวหลานจะมาเรียนในปักกิ่งอย่างแน่นอน มหาวิทยาลัยหัวชิงจะไม่รับอันดับหนึ่งประจำมณฑลอวี้หนานเชียวหรือ?
อย่างที่กู้เจิ้งชิงคาดเดา หากเซี่ยเสี่ยวหลายไม่ได้รับเลือกให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหัวชิง แสดงว่าฝ่ายรับนักศึกษาน่าจะทำงานผิดพลาดอย่างไม่ต้องสงสัย!
คนที่อารมณ์หลากหลายระคนกันไปมามากที่สุด ยังคงเป็กวนฮุ่ยเอ๋ออยู่ดี
แม่สามีมองลูกสะใภ้ด้วยความรู้สึกมากเื่มากความตามธรรมชาติ ประกอบกับถ้อยคำกล่าวหาบางอย่างที่โจวอี๋เคยบอกเล่าแก่เธอ ทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อเกิดความเข้าใจผิดต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอถึงขั้นลั่นวาจาว่าให้โจวเฉิงคบโดยไม่จบที่การแต่งงานเท่านั้น และนี่เป็สิ่งที่หยาบคายมาก... ภายหลังยิ่งเลวร้ายกว่า เธอคิดว่าต่อให้แค่คบหาดูใจ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่คู่ควรกับโจวเฉิง
พอมอง ณ ตอนนี้ เื่แต่งงานหรือไม่ยังคงไม่ชัดเจน
ถ้าพูดถึงการคบหาดูใจ โจวเฉิงมีแฟนสาวเช่นนี้ พาไปไหนมาไหนก็ไม่ขายหน้าใครแล้ว
หากหญิงสาวคนหนึ่งมีเพียงรูปโฉมงดงามเหนือผู้อื่น เธอก็จะสามารถไขว่คว้าหลายสิ่งมาให้ตนเองได้
เมื่อรูปโฉมงดงามเหนือใครรวมเข้ากับสติปัญญาที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เธอแทบจะสามารถเป็ใหญ่ในใต้หล้าได้เลยทีเดียว!
กำพืดและชาติตระกูลอะไรนั่นไม่สำคัญจริงๆ ถ้าตระกูลโจวไม่เห็นชอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานคบหากับโจวเฉิง หลังจากเธอเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยหัวชิง อย่างไรก็สามารถหาแฟนหนุ่มคนใหม่ที่คุณสมบัติไม่เลวในมหาวิทยาลัยหัวชิงได้ทุกนาที กวนฮุ่ยเอ๋อสับสนก็เพราะเหตุนี้ เดิมทีนึกว่าตนเองคือฝ่ายที่วางตัวสูงส่งคอยจับผิด พบหน้าแล้วถึงรู้ว่าสถานการณ์ไม่ใช่แบบนั้นโดยสิ้นเชิง เซี่ยเสี่ยวหลานก็สามารถเป็ฝ่ายเลือกได้เหมือนกัน!
อาหารมื้อนี้ยุ่งเหยิงวุ่นวายเสียจริงๆ มีเพียงย่าโจวที่คีบอาหารให้เซี่ยเสี่ยวหลานตลอดเวลา ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากโจมตีเธออีกแล้ว ทุกคนพากันรับประทานอาหารด้วยความสงบเรียบร้อย
สิ่งที่โหดร้ายกว่าคือ หลังมื้ออาหารสิ้นสุดลง เทปบันทึกภาพม้วนนั้นก็ถูกส่งมาถึงที่บ้านโจวแล้ว คนไม่มีหัวด้านการเรียนอย่างโจวอี๋ถูกขอแกมบังคับให้รับชมบทสัมภาษณ์พิเศษของอันดับหนึ่งมณฑลโดยสถานีโทศทัศน์มณฑลอวี้หนานอีกด้วย นอกจากการรายงานสถานการณ์เกาเข่าประจำปีนี้ของมณฑลอวี้หนานแล้ว ่ท้ายของเทปบันทึกภาพ คือการสรรเสริญเยินยอต่อเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมด...
เชิงอรรถ
[1]หมายถึง การทำงานเป็อาจารย์สอนประจำวิชาต่างๆ โดยตรง
[2]朽木不可雕 ไม้ผุเน่าแกะสลักไม่ได้ หมายถึง คนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตนให้ดีขึ้นได้อีกแล้ว หรือบางสิ่งที่อยู่ในภาวะเลวร้ายที่สุดจนแก้ไขไม่ได้
[3]吃瓜 กินแตง หมายถึง ให้ความสนใจกับประเด็นบางอย่างของผู้อื่นโดยตนเองไม่มีส่วนร่วมด้วย (คล้ายคำแสลง รอเผือก ในภาษาไทย)
[4]鱼跃龙门 มัจฉาข้ามประตูั หมายถึง ประสบความสำเร็จหรือก้าวหน้า มีที่มาจากเทพนิยายโบราณ ว่ากันว่าปลาที่ะโข้ามประตูัได้จะกลายร่างเป็ัจริงๆ