ระหว่างทางที่เดินเล่นกันอยู่นั้น ไป๋หลิงฮัวกับหร่านซวี่จือก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันแต่อย่างใด ตลอดทางนั้นเงียบสงบและก็ผ่อนคลายเป็อย่างมาก ทำให้สามารถนึกคิดถึงเื่ราวต่างๆ นานาได้มากมาย
ขณะที่ใกล้จะเดินวนกลับเข้าบ้าน ไป๋หลิงฮัวก็เอ่ยกับหร่านซวี่จืออีกครั้ง “เสี่ยวหลิง ถ้ามีเวลาพาพี่ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างนะ”
“ครับ” หร่านซวี่จือพยักหน้า
“พี่ไปที่หมู่บ้านทิศตะวันออกก่อน พอดีพี่นัดกับเพื่อนไว้” ไป๋หลิงฮัวจัดเสื้อผ้า แล้วเอ่ยกับหร่านซวี่จือ
หร่านซวี่จือพยักหน้า
หนึ่งทุ่มใน่ค่ำ ชาวนาส่วนใหญ่ก็เสร็จจากงานไร่นา กลิ่นกับข้าวหอมกรุ่นโชยออกมาจากทุกหลังคาเรือนที่มาพร้อมกับเสียงน้ำมันราดลงบนกระทะร้อนๆ ดัง “ซ่าๆ”
ไป๋เหมยกับไป๋ซวงกำลังนั่งกินข้าวกันในทุกวันเหมือนเช่นเคย หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กตรงหน้าประตูและก้มหน้าเล่นโทรศัพท์
ไป๋หลิงฮัวบอกว่าจะไปเจอเพื่อนที่หมู่บ้านทิศตะวันออก จวบจนกลางคืนถึง่เวลาใกล้เข้านอน เธอก็ยังไม่กลับมา
หร่านซวี่จือไปถามไป๋ซวง ไป๋ซวงที่กำลังสะบัดผ้าห่มที่ออกจะชื้นเล็กน้อยก็เอ่ยกับหร่านซวี่จือโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา “ไม่เป็ไรหรอก พี่สาวแกไปพักบ้านเพื่อนทางนั้นอยู่บ่อยๆ พรุ่งนี้เช้าก็คงกลับมาเอง”
หร่านซวี่จือยื่นศีรษะออกไปดูด้านนอกที่มืดสนิท เวลาเช่นนี้คงไม่มีทางออกไปตามหาคนได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่ทอดถอนใจ
่กลางดึกราวๆ ตีสาม หร่านซวี่จือตื่นขึ้นเพราะความวุ่นวายจากด้านนอก
เสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านนอกห้องราวกับว่ามีคนอยู่นับไม่ถ้วน มีเสียงถกเถียงกันดังขึ้นอย่างมาก หร่านซวี่จือยังได้ยินเสียงสะอื้นผ่านแผ่นประตูไม้ที่กั้นอยู่อีกด้วย
หร่านซวี่จือขยี้ตา เขาสะบัดศีรษะที่ยังคงเบลออยู่แล้วเดินเซไปมาจากเตียงไปจนถึงประตู จากนั้นก็ดึงประตูไม้ห้องของตนเองออก
ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท ไฟในห้องรับแขกนั้นสว่างจ้าและก็รวมถึงไฟในสวนที่สว่างเช่นกัน ชั่วขณะนั้นหร่านซวี่จือยังไม่ชินแสงสว่าง เขาจึงยกมือขึ้นบังแสงเล็กน้อย นานหลายวินาทีค่อยวางมือลงมา
ภายในบ้านมีคนแปลกหน้าอยู่มากมาย บางคนนั่ง บางคนยืน ส่วนตรงกลางสวนมีไป๋เหมยกับไป๋ซวงยืนอยู่ สีหน้าของไป๋เหมยนั้นตื่นตระหนก และเหมือนกำลังเอ่ยอ้อนวอนอะไรบางอย่างกับคนตรงหน้า
คนที่ร้องไห้คือไป๋ซวง เธอถูกคนไม่น้อยดึงตัวเอาไว้และร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม
เมื่อมีคนเห็นหร่านซวี่จือ คนคนนั้นก็เดินมาทางเขา “ใช่คุณไป๋ไหมครับ? ”
ด้วยความที่หร่านซวี่จือตื่นใกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย เมื่อได้ยินคนมาเอ่ยถามเขาจึงพยักหน้า
คนคนนั้นควักตราประจำตัวออกมาจากในกระเป๋าเพื่อยืนยันตนให้กับหร่านซวี่จือแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไป๋หลิงฮัว พี่สาวของคุณมีข้อหาเจตนาฆ่า อีกทั้งยังตกเป็ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมหลายคดีครับ คงต้องรบกวนคุณไปกับพวกเราหน่อยนะครับ”
เื่ราวทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่หร่านซวี่จือเข้านอนเพียงประมาณสองชั่วโมงเท่านั้น
ไป๋หลิงฮัวไปหาหวังเฉิงและหาข้ออ้างพักค้างคืนที่นั่น ใน่เวลาราวๆ ตีหนึ่ง เธอก็แอบซ่อนมีดปอกผลไม้แล้วเดินเข้าไปในห้องของหวังเฉิง
โชคดีที่เื่ราวไม่ได้แย่จนถึงที่สุด ขณะที่หร่านซวี่จือตามตำรวจไปยังโรงพยาบาลในตำบลนั้น หวังเฉิงก็นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว
จุดที่ปลายมีดของไป๋หลิงฮัวแทงเข้าไป อยู่ห่างจากหัวใจของหวังเฉิงเพียงแค่หนึ่งเิเเท่านั้น
หร่านซวี่จือนำเก้าอี้มาแล้วนั่งลงหน้าเตียงผู้ป่วยของหวังเฉิง เขานั่งนิ่งเงียบอยู่นานสักพัก
“จากการสืบสวนของเรา พบว่าคดีฆาตกรรมสองคดีก่อนหน้านั้นของจ้าวผิงกับเฉิงจวิ้นต่างก็มีจุดที่คล้ายกันอยู่หนึ่งข้อ” เฉินซวี่นั่งอยู่ในห้องทำงาน พลางเอ่ยกับหร่านซวี่จือด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเขาล้วนเคยมีเจตนาจะข่มขื่นพี่สาวของคุณ ซึ่งก็คือไป๋หลิงฮัว ส่วนเื่ที่ทำสำเร็จหรือไม่ ทางเราเองก็ยังไม่แน่ใจครับ”
หร่านซวี่จือเงยหน้า “พวกคุณรู้เื่ได้อย่างไรครับ? ”
“พี่สาวของคุณพูดออกมาเองครับ” เฉินซวี่หยิบรีโมทข้างมือขึ้นมาแล้วกดเปิดโทรทัศน์ที่อยู่ไม่ไกลออกไป บนหน้าจอโทรทัศน์ก็ฉายภาพบางอย่างขึ้น
บนจอนั้นคือภาพกล้องวงจรปิด ไป๋หลิงฮัวสวมชุดผู้ต้องขังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทีของเธอนิ่งเงียบแล้วมองไปยังจุดที่ไม่ไกลนัก
“ดังนั้นแล้ว? ”
“เราสงสัยว่าสองคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับพี่สาวของคุณครับ” เฉินซวี่ตอบ “แต่เนื่องจากหลักฐานจากที่เกิดเหตุนั้นถูกทำลายไปไม่น้อย เรายังไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ นอกจากนี้ เนื่องจากการกระทำของพี่สาวคุณเมื่อคืน เราจึงยังไม่สามารถให้เธอออกไปจากที่นี่ได้ใน่ระยะเวลาอันสั้นครับ”
ไป๋เหมยกับไป๋ซวงอยู่ด้านนอกซึ่งท่าทีของไป๋เหมยนั้นกระวนกระวาย ส่วนไป๋ซวงเอาแต่สะอื้นไห้ แม้ว่าพี่สาวทั้งสองคนนี้ โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของไป๋หลิงฮัวเท่าใดนัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็น้องสาวที่เติบโตมาด้วยกัน สายสัมพันธ์ทางเืนั้นปลอมกันไม่ได้ พวกเขาจึงรู้สึกผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง
ทำไมไป๋หลิงฮัวถึง้าฆ่าหวังเฉิง?
ขณะที่หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในใจก็เอาแต่คิดถึงเื่นี้
หรือว่าหวังเฉิงเคยทำเื่ที่ไม่ดีต่อเธอในอดีต?
หรือยังมีสาเหตุอื่นอีก?
เื่ราวของไป๋หลิงฮัวนั้น ที่ฟากของเฉินซวี่เองยังคงสืบสวนอยู่ แต่เนื่องจากไม่มีธุระอะไรกับบ้านแซ่ไป๋แล้ว ไป๋เหมยกับไป๋ซวงจึงต้องกลับบ้านไปก่อนเพราะมีเื่ต้องให้ทำเยอะแยะมากมายใน่นี้ จึงเหลือไว้เพียงแต่หร่านซวี่จือที่ต้องรอผลการสืบสวนที่นี่
หร่านซวี่จือซื้อผลไม้ในตลาดมาเล็กน้อยแล้วไปเยี่ยมหวังเฉิงที่โรงพยาบาล
“พี่เสี่ยวหลิง! ” หวังหลงนั่งขมวดคิ้วคุยกับหวังเฉิงอยู่ตรงข้างเตียง เมื่อเห็นประตูเปิดออกจึงรีบวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ “พี่มาเยี่ยมพี่ชายผมหรือ? ว้าว พี่ยังเอาของมาเยี่ยมเยอะแยะขนาดนี้เลยหรือ? ”
จากสีหน้าของหวังเฉิงแล้วก็ดูใช้ได้ทีเดียว เมื่อเห็นหร่านซวี่จือก็เลิกหางคิ้ว “คิดถึงพี่หรือเปล่า? ”
หร่านซวี่จือวางของลงบนโต๊ะ แล้วก็เห็นว่ามีตำแหน่งที่ว่างอยู่ข้างเตียงและเขาก็นั่งลงไป
หวังเฉิงเอ่ยกับหวังหลง “เ้าเด็กทะเล้นออกไปก่อน”
หวังเฉิงคว้าแอปเปิลมากัดหนึ่งลูก ในตอนที่ออกไป เขาก็ปิดประตูให้ด้วย
หวังเฉิงโอบเอวของหร่านซวี่จือแล้วจูบเข้าไปที่ลำคอขาวดุจหิมะของเขา “เกือบจะไม่ได้เห็นดวงใจของพี่เสียแล้ว”
หร่านซวี่จือ “พี่หวัง ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่โทษพี่นายหรอก” หวังเฉิงเอ่ย “ต้องโทษฉันเอง”
หร่านซวี่จือตกตะลึง “ทำไมกัน? ”
“คืนนั้นพี่สาวนายมาหาฉัน ถามฉันว่ารู้เื่ที่นายจะไปเรียนต่อต่างประเทศหรือไม่” หวังเฉิงย้อนนึกเพียงชั่วขณะแล้วตอบ “ฉันเลยพูดไปตามจริง”
“ไป๋หลิงฮัวน่าจะพอดูออก” หวังเฉิงเอ่ย “เื่ระหว่างเราสองคน”
“เธอคงโทษที่ฉันทำลายอนาคตของนาย”
หร่านซวี่จือเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ย “การเรียนต่อต่างประเทศสำหรับผม มันไม่ได้ส่งผลมากมายขนาดนั้น”
“พี่เข้าใจ” หวังเฉิงลูบศีรษะของหร่านซวี่จือ
“พี่หวัง” หร่านซวี่จือเอ่ย “พี่ผมจะออกมาได้หรือเปล่า? ”
หวังเฉิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “คงจะยากหน่อยนะ ดูเหมือนว่าเฉินซวี่จะสงสัยว่าสองคดีก่อนหน้านั้นจะเกี่ยวข้องกับพี่สาวนายด้วย เ้ากระต่าย ฉันรู้ว่านายเป็คนมีเหตุมีผล แต่จากแง่มุมของคนนอก ความเป็ไปได้ที่พี่สาวนายจะเป็คนฆ่าจ้าวผิงกับเฉินจวิ้นนั้นสูงมาก”
หร่านซวี่จือก็ไม่พูดอะไร
“เสี่ยวหลิง รับปากพี่หวังนะ” หวังเฉิงใช้ฝ่ามือใหญ่ััใบหน้าของหร่านซวี่จือ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายก็ต้องยอมรับมันอย่างกล้าหาญ ได้ไหม? ”
หร่านซวี่จือมองต่ำแล้วพยักหน้า
สองวันถัดจากนั้น หร่านซวี่จือก็ได้รับแจ้งให้ไปที่โรงพัก เ้าหน้าที่เฉินบอกกับหร่านซวี่จือว่าไป๋หลิงฮัวมีเื่อยากคุยกับเขา
เมื่อหร่านซวี่จือไปถึง เขาเห็นไป๋หลิงฮัวซึ่งไม่ได้ดูแตกต่างจากเดิมมากนั้น เพียงแต่ผอมลงไปไม่น้อย ท่าทีนั้นยังคงสงบนิ่ง เหมือนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าบ้านแล้วพูดคุยกับหร่านซวี่จือเหมือนเมื่อก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“เสี่ยวหลิง” ไป๋หลิงฮัวมองดูเล็บของตนเอง สีเล็บสีแดงบนนั้นหลุดออกไปไม่น้อย “หลังจากที่นายกลับไป อย่าลืมขอโทษพี่ใหญ่กับพี่รองแทนฉันด้วยนะ”