อารมณ์ของซูซานหลางไม่ค่อยจะโสภานัก มีคำกล่าวว่า ยิ่งกลัวสิ่งใดก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น นี่คือจุดที่เขากลัดกลุ้มอยู่ตอนนี้ ยายหนูเฉียวเยว่ของเขาดูเหมือนเป็เด็กเฉลียวฉลาดชวนให้คนรักใคร่เอ็นดู แต่แท้จริงแล้วโง่เง่าสุดจะทน ไม่นึกบ้างว่าคนผู้นั้นเป็ใคร เลือกใครไม่เลือกดันไปเลือกหรงจ้าน พานให้เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ
แม้หรงจ้านจะกลับไปแล้ว แต่ซูซานหลางก็ยังอึดอัดคับข้องใจ ยิ่งกว่านั้นคือเศร้าใจที่บุตรสาวของตนช่างไร้เดียงสา ไม่รู้อันใดสักอย่าง
คำพูดบางอย่าง คนเป็บิดาก็ยากจะบอกกล่าวกับบุตรสาวโดยตรง แต่สามารถคุยกับภรรยาของตนเองได้ ในห้องนอน เขาระบายความกลัดกลุ้มออกมา "เ้าบอกข้าหน่อย อธิบายให้ข้าฟังที เหตุใดเฉียวเยว่ถึงใจกล้าเพียงนั้น นางถึงกับมอบผ้าเช็ดหน้าของตนเองให้หรงจ้าน นี่มิใช่การรอให้ผู้อื่นกลับมาตบหน้าตนเองหรือ?”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดใจ
ผู้อื่นไม่เข้าใจก็ช่าง แต่ภรรยาควรเข้าใจเขา
เขาบ่นอีกครา "ข้าไม่เข้าใจเลย เฉียวเยว่ไปเชื่อหรงจ้านได้อย่างไร คนเยี่ยงนั้นน่าไว้ใจหรือ?"
เด็กน้อยอาจไม่รู้ แต่เขารู้อยู่เต็มอกทุกเื่ราว หรงจ้านทำอะไรไว้ไม่น้อย
ที่ไกลตัวยังไม่พูดถึง แต่ที่ใกล้ตัว... ก็อย่างเื่ของหร่วนหลีกับโจวเนี่ยนที่อยู่ดีๆ ก็ถูกคนมาพบเข้า หากไม่เพราะเขาสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ผู้อื่นไหนเลยจะรู้?
หัวคิ้วของซูซานหลางผูกเข้าหากัน กลัดกลุ้มจนแทบจะคั้นออกมาเป็น้ำอยู่รอมร่อ
ไท่ไท่สามกลับไม่คิดเช่นนี้ นางเอ่ยเสียงเบา "ข้าว่าท่านคิดมากไป เฉียวเยว่เป็แค่เด็กคนหนึ่ง ไหนเลยจะรู้อันใดมากมาย"
ซูซานหลางรู้สึกว่าภรรยาของตนถูกเขาพะเน้าพะนอจนใสซื่อเกินไป ไม่รู้อะไรสักอย่าง
เขานิ่งไปชั่วขณะหนึ่งแล้วเอ่ยว่า "เฉียวเยว่ไม่ใช่เด็กแล้ว พ้นปีใหม่นี้ไปนางก็สิบสามแล้ว หากเป็คนทั่วไป ปีหน้าก็ต้องเตรียมเื่ดูตัว หมั้นหมายกันแล้ว"
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่เขา "ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพ้นปีใหม่ไปนางก็จะอายุสิบสาม แต่พวกเราเคยคุยกันไว้ว่าอย่ารีบร้อนมิใช่หรือ ข้ายังอยากรั้งเฉียวเยว่ไว้กับตัวอีกสองปี ท่านอ๋องอวี้ดีต่อเฉียวเยว่มาั้แ่ยังเล็ก หรือท่านจะบอกว่าเขาวางแผนคิดไม่ซื่อั้แ่ตอนนั้น? ข้าว่าท่านคุยกับพี่ใหญ่มากไป ก็เลยติดนิสัยคิดเยอะ ขี้หวาดระแวงของเขามา คงมิใช่ว่าเห็นผู้อื่นดีเกินไป ก็เลยริษยากระมัง?"
ซูซานหลางแทบสำลักออกมา ฟังดู ฟังดู คำพูดเช่นนี้ฟังได้หรือ อยู่ดีๆ เขาจะไปริษยาหรงจ้านทำไม นี่มิใช่เื่น่าขันหรอกหรือ
อีกอย่างตัวเขาก็รูปโฉมสง่างาม ไหนเลยจะต้องไปริษยาเ้าหนุ่มหน้าเหม็นยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้นั้นด้วย คำกล่าวนี้ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
ซูซานหลางดึงมือของไท่ไท่สามมากุม ไม่ว่าเมื่อไรมือของนางก็มักนุ่มนวลชวนััอยู่เสมอ ซูซานหลางจิตใจวอกแวกไปชั่วขณะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมเื่สำคัญ
"อาอิ่ง คำพูดของเ้าทำร้ายจิตใจข้ายิ่ง ข้าไม่ดีตรงไหน? เ้าถึงตั้งแง่รังเกียจข้าเช่นนี้ ข้าเพียงประเมินเ้าหนุ่มนั่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
"ข้ามิได้ตั้งแง่รังเกียจท่านเสียหน่อย หากเป็เช่นนั้น ข้าจะเลือกท่านทำไม" ไท่ไท่สาม
ซูซานหลางยิ้มออกทันที รู้สึกภูมิใจดั่งนกยูงรำแพน ก่อนพึมพำเสียงเบา "ก็เมื่อครู่เ้าพูดเข้าข้างเ้าหนุ่มหน้าเหม็นคนนั้น"
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วเสริมว่า "ถึงแม้ว่าเขาจะไม่นับว่าเลวร้าย แต่อายุมากไป ไม่เหมาะสมกับเฉียวเยว่ของเราสักนิด"
เฉียวเยว่ของพวกเขาควรจะได้คู่ครองที่เหมาะสมกัน ไม่ใช่ชายแก่เยี่ยงนั้น เข้าใจหรือไม่
ไท่ไท่สามเห็นซูซานหลางว้าวุ่นใจไม่เลิก ก็หัวเราะกล่าวว่า "ซานหลางคิดมากไปแล้ว พ้นปีใหม่ไปเฉียวเยว่อายุสิบสาม ฉีอันก็สิบสามเหมือนกัน แต่ไม่เห็นท่านจะกังวลถึงเขาบ้างเลย แท้จริงแล้ว ข้ารู้สึกว่าพวกเราไม่จำเป็ต้องวิตกเกินไป ความคิดอ่านของเด็กทั้งสองก็ยังไม่เป็ผู้ใหญ่ รออีกสองปีไม่ดีกว่าหรือ"
นางเอ่ยมาเช่นนี้ ซูซานหลางก็เงียบลง
"ท่านลองตรองดู เมื่อไม่รีบร้อน ไยพวกเราต้องตีตนไปก่อนไข้ ท่านอ๋องอวี้เอ็นดูเฉียวเยว่เป็พิเศษั้แ่นางยังเล็ก ข้ารู้สึกว่าเขาอุปนิสัยดีมาก หาได้เป็อย่างที่พวกเราคิดเลย ตอนแรกข้าก็เคยไม่พอใจที่เฉียวเยว่ใกล้ชิดกับเขามากเกินไป แต่ตอนนี้มานึกดู แท้จริงแล้วไม่ถูกต้อง หากตัดเื่ที่เขาดีต่อเฉียวเยว่ของเราทุกอย่างออกไป แล้วคุยถึงเื่อื่น ท่านลองนึกดูดีๆ ผู้อื่นทั้งชาติตระกูลดี หน้าตาหล่อเหลา ทำอาหารเป็ เป็คนรักครอบครัวและพวกพ้อง บุรุษเช่นนี้หายากยิ่งในใต้หล้า มีอันใดไม่ดีเล่า เขาดีต่อเฉียวเยว่โดยสุจริตใจ มิมีประสงค์ร้าย เยี่ยงนี้ยังใช้ไม่ได้อีกหรือ? หากเขามีความคิดต่ำทราม ไหนเลยจะเปิดเผยตรงไปตรงมา ท่านว่าถูกหรือไม่?"
ไท่ไท่สามกลับเทคะแนนให้หรงจ้านอย่างเต็มที่ นางรู้สึกว่าเขาเป็ชายหนุ่มที่ดียิ่ง พอหันมามองลิงน้อยของตนบ้าง ก็รู้สึกว่าหากฉีอันได้ความสามารถของหรงจ้านมาสักส่วนหนึ่ง นางก็ไม่ต้องกังวลใจอันใดแล้ว
ไท่ไท่สามออกตัวมาเช่นนี้ ซูซานหลางยิ่งไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
แม้ในใจเขาจะคิดค้านอย่างเต็มที่ แต่ภรรยากล่าวมาเช่นนี้ เขาก็มิอาจโต้แย้งโดยตรง มิเช่นนั้นเกรงว่าคืนนี้อาจถูกไล่ออกไปนอนข้างนอก นึกมาถึงตรงนี้ ซูซานหลางก็ถอนหายใจ "เ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น"
ไท่ไท่สามหัวเราะ ทุบเขาไปหนึ่งที "ข้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นอันใดกัน ข้าพูดไม่ถูกหรือ? ท่านคิดดูดีๆ ข้าใช่คนไร้เหตุผลเยี่ยงนั้นเสียที่ไหน?"
แท้จริงแล้วไท่ไท่สามเป็ห่วงบุตรทั้งสองยิ่งกว่าซูซานหลาง และมักวิตกเกี่ยวกับพวกเขาอยู่เสมอ ทว่าพอนางได้ัักับหรงจ้าน รู้นิสัยใจคอว่าเขาเป็คนเช่นไร นางถึงเบาใจลงไปไม่น้อย
ถึงอย่างไรสิ่งที่ตนเองเห็นก็ถูกต้องที่สุด
เฉียวเยว่ไม่รู้เลยว่าขณะที่นางไม่มีความคิดอันใดสักอย่าง แต่บิดามารดาของนางคิดเื่นี้ไปกี่ตลบแล้ว
บัดนี้นางนั่งอยู่ที่เรือนหลักของฮูหยินผู้เฒ่า ขาคู่น้อยห้อยอยู่ข้างเตียงเตาแกว่งไปแกว่งมาไม่หยุด ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส "อันที่จริง ข้ารู้สึกว่าหากพี่หญิงสามจะออกเรือน ทางที่ดีควรให้พวกพี่ชายช่วยแนะนำให้จะดีกว่า"
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังคุยกับบุตรสาวเื่การแต่งงานของหรงเยว่ เฉียวเยว่กลับสอดปากขึ้นมา
"อย่ามาพูดไร้สาระกับข้าที่นี่" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย
"ข้าพูดไร้สาระที่ไหนกัน ท่านย่าลองคิดดู พวกพี่ชายพบปะกับพวกเขาบ่อย ย่อมรู้ว่าแต่ละคนมีอุปนิสัยอย่างไร เมื่ออยู่ต่อหน้าคนวัยเดียวกันพวกเขาไม่ต้องเสแสร้ง แต่เมื่ออยู่กับผู้าุโก็อาจเป็อีกอย่าง ท่านอาว่าข้าพูดถูกหรือไม่?"
ซูเยียนหรันอมยิ้ม ทำเสียงเข้ม "ข้ามิใช่นกสองหัว ใครจะรู้ว่าเ้าคิดอะไรอยู่"
กล่าวเช่นนี้ เฉียวเยว่ก็เบิกตากว้าง "ไฉนท่านอาพูดเช่นนี้เล่า"
ั้แ่ซูเยียนหรันย้ายกลับมาเมืองหลวง ก็ร่าเริงสดใสขึ้นไม่น้อย แม้ว่าจะไม่มีบุตร แต่ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้แล้วว่าคนที่บกพร่องคือใคร จึงไม่มีใครว่านาง เพียงแต่ยิ่งพวกเขารู้อยู่เต็มอกก็ยิ่งรู้สึกว่านางน่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นหากคิดจะดูตัวใครให้คนในครอบครัว ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดแจ้ง มิเช่นนั้นแล้ว อาจต้องเดินซ้ำรอยของซูเยียนหรัน
เช่นนั้นก็คงเป็เื่ที่น่าหดหู่ใจเกินไป
การต้องใช้ชีวิตที่แม้แต่บุตรสักคนก็ไม่มี จะทุกข์ทรมานใจเพียงใด
แท้จริงแล้วบ้านสามีของซูเยียนหรันอยากให้นางรับเด็กในตระกูลมาเป็ทายาท แต่ซูเยียนหรันไม่ยินยอม ประกอบกับถูกสกุลซูกดดัน เื่นี้จึงต้องปล่อยให้ผ่านไป
สำหรับจุดนี้ ซูเยียนหรันมีความคิดเป็ของตนเอง แม้จะเป็บุตรรับมาเลี้ยง ก็ไม่ใช่บุตรของตนเอง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ไม่พ้นถูกคนติฉินนินทา มิสู้ไม่มีไปเลยดีกว่า แม้จะมีบางคนเกลี้ยกล่อมนางว่าควรมีบุตรสักคนไว้ดูแลยามแก่เฒ่า แต่ซูเยียนหรันก็ไม่เชื่อเื่นี้
มารดของนางพูดถูก ต่อให้อยากมีบุตรสักคน แต่เด็กคนนี้ก็ไม่ควรเป็เด็กในสายตระกูลของพวกเขา มิเช่นนั้นเกรงว่าวันหน้าจะยิ่งไม่เป็ผลดีต่อตนเอง
หากมิใช่ว่าพวกเขารู้ความจริงแต่เนิ่นๆ ไม่แน่ว่าคนตระกูลนี้จะใช้เล่ห์กลวางอุบายอีกเท่าไร เพราะอดีตเลวร้ายเ่าั้ ทำให้ซูเหยียนหรันระมัดระวังครอบครัวของสามีมากขึ้น
แต่แม้จะเป็เช่นนี้ นางก็ยังอารมณ์ดีมาก ถึงอย่างไรก็อยู่เมืองหลวง ห่างครอบครัวสามี ใกล้ชิดบ้านมารดา จวนซู่เฉิงโหวแข็งแกร่งกว่าตระกูลของพวกเขาไม่น้อย นางย่อมสบายใจขึ้น สองปีมานี้จึงมีน้ำมีนวล อ้วนท้วนขึ้นไม่น้อย
"เ้าอย่ามาสอดปากที่นี่ หากมารดาเ้ารู้เข้า คงถูกตีแน่ๆ"
เฉียวเยว่ทำปากยื่น เอ่ยเสียงเบา "พวกท่านอย่ามาหลอกกันให้ยาก ท่านพ่อท่านแม่ของข้าตีเด็กเป็เื่ั้แ่ตอนข้าเล็กๆ แล้ว"
"เื่การแต่งงานของหรงเยว่ควรเร่งให้เร็วที่สุด แต่เฉิงเยว่กับเฉี่ยวเยว่ก็มิอาจรอช้า พวกนางอายุไม่น้อยกันแล้ว" ซูเยียนหรันเอ่ยปาก
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า ในใจนางย่อมรู้ดี "แต่จะว่าไปก็ไม่อาจให้เด็กๆ แต่งออกไปพร้อมกันทั้งหมด"
หรงเยว่เป็บุตรภรรยาเอกย่อมแตกต่างกันอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าั้แ่มีเื่กับหวังหรูเมิ่ง ไท่ไท่รองก็เสียใจมาก ่นี้จึงหงอยเหงาเศร้าซึม ไม่ค่อยออกจากเรือน ดูเหมือนจะได้รับความะเืใจอย่างมาก
"พี่หญิงเจ็ด ขนมที่ท่านเอามาอร่อยยิ่งนัก" หลันเยว่เดินยิ้มเข้ามา เพราะถูกเลี้ยงข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าแต่เล็ก นางถึงเป็แม่นางน้อยที่อ่อนโยนน่ารัก
ไม่มีหรงเยว่กับพี่ชายสร้างความลำบาก และไม่มีเฉี่ยวเยว่กับชิงเยว่คอยอิจฉาริษยา
เฉียวเยว่เชิดหน้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจ "แน่นอนสิ ขนมของหรงเป่าไจอร่อยที่สุด ทุกวันจะทำเพียงสามสิบกล่อง หากไปช้าก็ไม่แน่ว่าจะเหลือ"
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางยิ้มระรื่นก็เอ่ยว่า "ทั้งหมดสามสิบ เ้าเอามาสองกล่อง"
เฉียวเยว่ยกมือขึ้นโบก "ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ขนมมีไว้กิน ข้าเก็บไว้เองสองกล่องแล้ว พี่จ้านก็ส่งมาให้อีกสี่กล่อง"
ไม่ผิด นี่คือของฝากที่หรงจ้านติดมือมาให้
"ท่านอ๋องอวี้ดีมากๆ" หลันเยว่บิดมือพลางเอ่ยเสียงเบา
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเหม่อลอย
เห็นพวกนางสองคนเป็เช่นนี้ ซูเยียนหรันก็ก้มศีรษะลง
เฉียวเยว่มองสีหน้าของนางโดยไม่ได้ตั้งใจก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนเบือนสายตาอย่างรวดเร็ว
"พี่หญิงเจ็ด วันหน้าท่านออกไปข้างนอก เอามาให้ข้าอีกได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืด "ได้สิ ข้าจะเอามาให้เ้า"
"พี่หญิงเจ็ดของเ้าออกจากบ้านเพียงไม่กี่ครั้ง ต่อไปถ้าอามา จะเอามาฝากเ้า"
หลันเยว่ดีอกดีใจมาก
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก ความคิดสับสนผุดขึ้นมาในใจ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้