มู่เยี่ยนเชิดหน้าชูตาดื่มด่ำไปกับคำสรรเสริญของเหล่าผู้คน เขาจุดไฟได้แปดดวงในหนึ่งการโจมตี คะแนนเช่นนี้คุ้มค่าที่จะภูมิใจ ในงานชุมนุมหวงปั่งปีที่แล้ว โอวหยางเจินอันดับที่ 2 และจ้าวซิงอันดับที่ 3 ในรายนามเฟิงอวิ๋นก็คว้าคะแนนเช่นนี้ไปได้เหมือนกัน นี่หมายความว่ามู่เยี่ยนมีคุณสมบัติเข้าสามอันดับแรกในรายนามเฟิงอวิ๋นอย่างนั้นหรือ?
ผู้คนคิดในใจ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่างานชุมนุมหวงปั่งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น จากนั้นมู่เยี่ยนเดินลงจากเวทีโดยทิ้งโอกาสสองครั้งที่เหลือ เพราะเขาคิดว่าไฟแปดดวงมากพอแล้ว ไม่จำเป็ต้องเปลืองแรงอีก
“เห็นหรือยัง นี่ก็คือความห่างชั้นระหว่างเ้ากับข้า!” ขณะที่ผ่านเย่เฟิง มู่เยี่ยนก็หยุดชะงักเล็กน้อยพร้อมกล่าวเช่นนั้นอย่างได้ใจ เขาคิดว่ารอบวัดพลังนี้เย่เฟิงไม่มีทางเทียบเขาได้
“เ้ามั่นใจขนาดนี้เชียวหรือว่าข้าด้อยกว่าเ้า?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มเย็นเยือก
“วันนั้นข้าไม่ได้สู้กับเ้าอย่างสุดกำลัง ถ้าเ้ายืนหยัดจนถึงรอบสุดท้ายได้ ข้าจะทำให้เ้ารู้ว่าจุดจบของผู้ที่ล่วงเกินข้าจะเป็เช่นไร!” มู่เยี่ยนกล่าวเสียงเย็น
“ข้าจะรอดู!” เย่เฟิงกล่าว เขารู้ว่าพูดกับคนหยิ่งผยองอย่างมู่เยี่ยนไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงยามนั้นค่อยตัดสินกันบนเวทีประลอง
“พลังของมู่เยี่ยนก้าวหน้าไปไม่น้อย หากไม่มีอะไรผิดพลาด มู่เยี่ยนน่าจะเข้าห้าอันดับแรกในรายนามเฟิงอวิ๋นได้” องค์ชายใหญ่จ้าวหยางกล่าวชื่นชมมู่เยี่ยน
จากนั้นเจียงเซิ่งหลิงขึ้นเวที เขาอยู่อันดับที่ 5 ในรายนามเฟิงอวิ๋น พลังไม่ด้อยไปกว่ามู่เยี่ยนเลย เจียงเซิ่งหลิงสามารถจุดไฟบนหินวัดพลังได้ติดแปดดวง นี่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างต้องตกตะลึงเช่นกัน
“อันดับในรายนามเฟิงอวิ๋นของศิษย์พี่เขาจะต้องก้าวหน้าไปอีกขั้นเป็แน่ ทีนี้จะได้ชำระล้างความอัปยศให้ข้าเสียที” หลิวถิงถิงกล่าวขณะมองเจียงเซิ่งหลิงด้วยสายตารอคอย
หลังจากเจียงเซิ่งหลิง คนอื่น ๆ ล้วนถูกคัดออกเพราะจุดไฟบนหินวัดพลังไม่ถึงห้าดวง นี่เป็เพียงรอบที่หนึ่งเท่านั้น แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันเป็อย่างมาก ต่อจากนั้นต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ขึ้นเวที เขาเหวี่ยงหมัดเดียวเช่นกัน แล้วก็จุดไฟได้แปดดวง
จ้าวซิงบุตรแห่งเซิ่งอ๋อง แปดดวง โอวหยางเจินแห่งสำนักหลิวอวิ๋น แปดดวง
ผู้ฝึกยุทธ์คนแล้วคนเล่าเดินขึ้นเวทีเพื่อลองวัดพลัง แต่คะแนนสูงสุดที่ทำได้คือแปดดวง ไม่มีผู้ใดจุดไฟได้มากกว่านี้ แม้แต่โอวหยางเจินและจ้าวซิงก็ยังจุดได้เพียงแปดดวง
“ไฟแปดดวง พลัง 80,000 จินก็ถือว่าเกินขีดจำกัดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่จะสำแดง ไม่มีทางจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้แล้ว ยังไงซะในอาณาจักรจ้าว 300 ปีมานี้ก็มีแค่องค์ชายใหญ่จ้าวหยางที่โดดเด่นที่สุด!”
“ใช่แล้ว หนึ่งการโจมตีสำแดงพลังได้ 80,000 จินก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ในรายนามเฟิงอวิ๋นเกือบวัดพลังเสร็จหมดแล้ว อีกห้าคนที่เหลือก็คงผ่านการวัดพลังได้อย่างราบรื่น!”
หลังจากโอวหยางเจินวัดพลังเสร็จ ผู้คนต่างพากันกระซิบกระซาบขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้วงานชุมนุมหวงปั่งในปีนี้ก็ไม่มีผู้ใดจุดไฟครบเก้าดวงได้เหมือนองค์ชายใหญ่จ้าวหยาง
เพียงพริบตาห้าคนสุดท้ายก็ขึ้นเวทีวัดพลัง ในนี้รวมถึงเย่เฟิงด้วยเช่นกัน
“เย่เฟิงอันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 ข้าเดาว่าเขาจุดไฟได้เพียงหกดวง ถึงอย่างไรตบะของเขาก็ต่ำมาก แล้วพลังโจมตีจะคว้าคะแนนดี ๆ ได้อย่างไรกัน”
“ไฟหกดวงยังถือว่าต่ำไป อวิ๋นเจี๋ยกับนี่จ้านเทียนจุดไฟได้เพียงหกดวง แต่พลังของเย่เฟิงเหนือกว่าพวกเขา ข้าเดาว่าเย่เฟิงน่าจะจุดไฟได้เจ็ดดวง”
เมื่อผู้คนเห็นเย่เฟิงเดินขึ้นเวทีไปเยือนหน้าหินวัดพลังต่างก็เริ่มคาดเดาผลลัพธ์ จากการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา สุดท้ายพวกเขาก็เดาว่าเย่เฟิงจะจุดไฟได้เจ็ดดวง เพราะหากทำให้ไฟสว่างเจ็ดดวงทั้งที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ!”
บนอัฒจันทร์หลัก จ่านเฉินมองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะกล่าวกับผู้าุโเฉียนว่า “ผู้าุโเฉียน คนผู้นี้อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 แต่ไม่คิดว่าจะเป็อันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์ ถ้าอยู่ที่สำนักชิงอวิ๋น ด้วยตบะของเขาเกรงว่าตำแหน่งบ่าวรับใช้ก็ไม่มีสิทธิ์!”
หลังจากโอวหยางเจินวัดพลังเสร็จสิ้น ผู้าุโเฉียนก็หลับตาสงบจิต เพราะไม่มีผู้ใดคุ้มค่าพอจะให้เขาสนใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของจ่านเฉิน ผู้าุโเฉียนก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปที่เย่เฟิง “เด็กหนุ่มจากประเทศบริวาร อย่าคาดหวังมากเกินไป แค่ดูไปก็พอแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ ผู้าุโเฉียนก็หลับตาลงอีกครั้ง
“หึ ตบะแค่นี้คุ้มค่าให้ดูหรือ?” จ่านเฉินแค่นเสียงเ็า
“จ่านเฉินกล่าวถูกต้องแล้ว การวัดพลังของกลุ่มสุดท้ายนี้ไม่คุ้มค่าแก่การดูเลยสักนิด” องค์ชายใหญ่จ้าวหยางกล่าว ซึ่งห้าคนสุดท้ายไม่มีใครสักคนที่โดดเด่นจริง ๆ
เมื่อบทสนทนาของจ่านเฉินกับผู้าุโเฉียนดังถึงหูจ้าวเยี่ยและจ้าวซินอี๋ จู่ ๆ จ้าวซินอี๋เหลือบมองจ่านเฉินด้วยสายตาเย็นเยือกแวบหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเย่เฟิงพร้อมระบายยิ้ม นางเชื่อว่าเย่เฟิงจะต้องเก่งกว่าพวกมู่เยี่ยน ส่วนจ้าวเยี่ยก็สนใจเย่เฟิงเป็พิเศษ เขารอคอยที่จะเห็นชายหนุ่มสร้างปาฏิหาริย์ในงานชุมนุมหวงปั่ง
“สวะ ข้าก็อยากดูว่าเ้าจะจุดไฟได้กี่ดวง?” มู่เยี่ยนกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียนต่างก็ดูถูกเหยียดหยามเย่เฟิง
แต่เย่เฟิงไม่สนใจสายตาดูแคลนของผู้คน เขามองหินวัดพลังตรงหน้า ก่อนจะระดมพลังหยวนแล้วเหวี่ยงหมัดโจมตี
“ปัง!” รังสีหมัดจู่โจมหินวัดพลังเต็มแรง ทำให้หินวัดพลังสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนไฟหกดวงจะสว่างขึ้นมา
“ไฟหกดวง นี่ก็ถือว่าเย่เฟิงผ่านเข้ารอบแล้ว!” ผู้คนกล่าว ซึ่งเป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พลังโจมตีของเย่เฟิงทำให้ไฟสว่างได้เพียงหกดวง แต่คะแนนเช่นนี้ทำให้ผู้คนที่เดาว่าเย่เฟิงจะจุดไฟได้เจ็ดดวงต้องเผยสีหน้าผิดหวัง เห็นทีพวกเขาจะประเมินเย่เฟิงสูงไป
“อันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจุดไฟได้เพียงหกดวง หากเป็ข้า แม้จะผ่านการทดสอบ แต่ก็ขายหน้าที่จะเข้าร่วมการแข่งขันรอบต่อไป!” ผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงถากถาง คนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็พากันหัวเราะเยาะเย้ย แม้แต่มู่เยี่ยนและเจียงเซิ่งหลิงก็แสยะยิ้ม เย่เฟิงไม่มีทางเทียบพวกเขาได้
“อันดับหนึ่งแห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ช่างน่าขันสิ้นดี!” จ่านเฉินกล่าว
“ครืน!” แต่ตอนนั้นเองผู้คนได้ยินเสียงจากหินวัดพลังดังขึ้น
“เจ็ดดวง การโจมตีที่สองของเย่เฟิงทำให้ไฟสว่างเจ็ดดวง!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งอุทานพร้อมชี้นิ้วไปที่เย่เฟิง นาทีต่อมาผู้คนพบว่าไฟบนหินวัดพลังที่อยู่ด้านหน้าเย่เฟิงสว่างขึ้นมาเจ็ดดวง ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ลองสามครั้ง เย่เฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
“เห็นทีเย่เฟิงผู้นี้จะแสดงฝีมือออกมาแล้ว ถึงทำให้ไฟสว่างเจ็ดดวงได้” ผู้คนคิดในใจ
“เจ็ดดวงน่าจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงคนหนึ่งกล่าว เย่เฟิงอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 แต่ทำให้ไฟสว่างเจ็ดดวงได้ คะแนนเช่นนี้ดีกว่าหลงเซ่าเจี๋ยและิเสวียนที่ทำไว้มาก ต้องรู้ก่อนว่าสองคนนี้คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ มีช่องว่างที่ห่างชั้นกันมากโข แต่นี่ก็พิสูจน์พร์ของเย่เฟิงแล้วว่าอยู่เหนือกว่าสองคนนี้ ดังนั้นหลงเซ่าเจี๋ยและิเสวียนเห็นเย่เฟิงจุดไฟเจ็ดดวงได้ก็เผยสีหน้าดูไม่ได้
“เจ็ดดวงแล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายก็ยังห่างกับแปดดวง” มู่เยี่ยนและเจียงเซิ่งหลิงต่างคิดในใจเช่นนี้
“การโจมตีสองครั้งเมื่อครู่ข้าออกแรงเพียงสามส่วนและห้าส่วน เห็นทีจะจุดไฟห้าดวงขึ้นไปคงต้องสำแดงพลังให้มากกว่านี้ การโจมตีครั้งสุดท้ายนี้ข้าจะใช้พลังสิบส่วน ดูซิว่าไฟจะสว่างกี่ดวง?” เย่เฟิงคิดในใจ จากนั้นเขาระดมพลังที่แข็งแกร่งสุดของตัวเอง ก่อนจะปล่อยรังสีหมัดออกไป พลันห้วงอากาศสั่นไหวเล็กน้อยคล้ายกับมีพลังทำลายล้างแพร่กระจาย
“หมอนี่จะโจมตีอีกครั้งแล้ว การโจมตีนี้คงจุดไฟได้ไม่เกินเจ็ดดวงเป็แน่!” ผู้คนเห็นเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดโจมตีอีกครั้งก็เผยสีหน้าดูถูก พวกเขาต่างคิดว่าเย่เฟิงไม่เจียมตัวเอง แม้แต่มู่เยี่ยน เจียงเซิ่งหลิง และจ่านเฉินยังหัวเราะเยาะเย้ย
“ตูม!!!” ฉับพลันนั้นเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นผู้คนเห็นรังสีหมัดของเย่เฟิงจู่โจมหินวัดพลัง พร้อมกับมีพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วหินวัดพลัง ทำให้หินวัดพลังสั่นคลอนอย่างแรง
“หนึ่งดวง สองดวง สี่ดวง... เจ็ดดวง!” หมัดนี้ทำให้ไฟสว่างขึ้นมาเจ็ดดวง
“เจ็ดดวง เย่เฟิงจุดไฟได้เพียงเจ็ดดวง การกระทำไร้สาระนี้ทำเสียเวลาจริง ๆ!” ผู้คนดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาต่างคิดว่าเย่เฟิงทำเกินความจำเป็
“วูบ!” ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงของพวกเขา จู่ ๆ ลวดลายแห่งการทำลายล้างได้ขยายตัวไปทั่วหินวัดพลัง ก่อนไฟดวงที่แปดจะสว่างขึ้นมา
“เป็ไปได้อย่างไร?” เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง พวกเขามองไฟดวงที่แปดที่สว่างจ้านั่นด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“พลังโจมตีของเขาหนักถึง 80,000 จิน!” มู่เยี่ยนและเจียงเซิ่งหลิงนิ่งอึ้ง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้
“แปดดวง เย่เฟิงผู้นี้อยู่เพียงจุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 7 แต่ทำในสิ่งที่โอวหยางเจินและมู่เยี่ยนทำได้ พลังโจมตีเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวนัก!”
ตอนที่ไฟดวงที่แปดสว่างขึ้นมา ทั้งลานประลองพลันเดือดพล่านอีกครั้ง ทางฝั่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พวกเขาต่างดีใจกันถ้วนหน้า อันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์พวกเขาไม่ด้อยกว่าผู้อื่นเลย
คนเ่าั้ที่เคยดูถูกเย่เฟิงต่างหุบปากสนิท ไฟแปดดวง เย่เฟิงใช้คะแนนนี้มาตบหน้าพวกเขาทางอ้อม แม้แต่องค์ชายใหญ่จ้าวหยางยังตะลึงงัน และเป็ครั้งแรกที่รู้สึกสนใจเย่เฟิง แต่ขณะนั้นมีหญิงสาวสองคนเผยรอยยิ้มสุกสกาว ทั้งยังสวยงดงามดุจบุปผาเบ่งบานก็ไม่ปาน
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเหมือนยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในขณะที่ผู้คนตื่นใ จู่ ๆ ลวดลายแห่งการทำลายล้างบนหินวัดพลังเปลี่ยนไปแกร่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเข้าปกคลุมหินวัดพลังในพริบตา นาทีต่อมาไฟดวงที่เก้าก็สว่างขึ้น
“นี่...” เมื่อไฟดวงที่เก้าสว่างขึ้น ผู้คนทั่วทั้งลานประลองก็มิอาจสงบนิ่งได้อีก พวกเขาต่างมองหินวัดพลังตรงหน้าเย่เฟิงตาไม่กะพริบ
“ไฟเก้าดวงสว่างทั้งหมด พลังโจมตีของเย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ เขาทำสำเร็จเฉกเช่นองค์ชายใหญ่ในงานเมื่อปีที่แล้ว นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!” หลังจากเงียบไปชั่วครู่ จู่ ๆ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องทั่วพื้นที่ พวกเขากลายเป็พยานการผงาดของอัจฉริยะ
บนอัฒจันทร์หลัก ในที่สุดจ่านเฉินก็อยู่ไม่นิ่ง หินวัดพลังนี้เขาย่อมเคยใช้ แต่การที่เย่เฟิงทำให้ไฟสว่างทั้งเก้าดวงในหนึ่งการโจมตี มันอดไม่ได้ที่จะทำให้จ่านเฉินเทียบตัวเองตอนอยู่ระดับเดียวกับเย่เฟิง
“ตบะของคนผู้นี้ไม่สูง แต่พลังโจมตีกลับทรงอานุภาพมาก ช่างน่าสนใจจริง ๆ”
เมื่อผู้าุโเฉียนได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่นก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นไฟเก้าดวงบนหินวัดพลังสว่างจ้าทั้งหมด ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมา แต่องค์ชายใหญ่จ้าวหยางกลับหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาไม่ใช่ผู้รักษาสถิติที่จุดไฟเก้าดวงได้อีกต่อไปแล้ว
“ครืน วูบ!”
หลังจากไฟเก้าดวงสว่างทั้งหมด พลังแห่งการทำลายล้างที่เกิดจากรังสีหมัดของเย่เฟิงก็โผล่ออกมาจากด้านหลังหินวัดพลัง ก่อนจะกลายเป็ลวดลายแล้วขยายตัวไปทั่วหินวัดพลัง
“แครก!” นาทีต่อมาได้ยินเสียงดังแครกออกมาจากภายในหินวัดพลัง จากนั้นลวดลายตาข่ายปรากฏโดยมีจุดโจมตีของหมัดเย่เฟิงเป็ศูนย์กลาง ตามมาด้วยเสียงดังตูม หินวัดพลังถล่มจนแตกเป็ก้อนหินน้อยใหญ่ก่อนจะสลายเป็ผุยผง
ทั่วทั้งลานประลองเงียบกริบอย่างฉับพลัน ผู้คนต่างเบิกตาโพลงและขยี้ตาตัวเองไม่หยุดราวกับรู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน
“ในหนึ่งการโจมตีไม่เพียงแต่จุดไฟทั้งเก้าดวง แต่ยังทำให้หินวัดพลังแตกสลาย พลังโจมตีนี้จะน่ากลัวเพียงใด เว้นแต่ว่าพลังโจมตีของเย่เฟิงจะหนักถึงแสนจิน ถึงทำเื่เช่นนี้ได้” ขณะที่ผู้คนเงียบกริบก็มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
ทุกคนที่ผ่านการทดสอบรอบที่หนึ่งรวมถึงมู่เยี่ยนและเจียงเซิ่งหลิงต่างก็ตกตะลึง รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่ยากจะเกิดขึ้นในโลกใบนี้
