วันต่อมา
โถงรับรองใหญ่ของตระกูลเนี่ยมีเสียงมีผู้คนคับคั่งและมีเสียงเซ็งแซ่ครึกครื้นผิดปกติ
คนหนุ่มคนแก่ตระกูลเนี่ยกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ข้างกายของหลิ่วเยี่ยนผู้ที่มาจากสำนักหลิงอวิ๋น ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ด้วยความหวังว่าจะได้รับความรู้สึกอันดีจากหลิวเยี่ยน เพื่อ่ชิงโอกาสให้กับลูกหลานตนเพื่อได้เข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นในภายภาคหน้า
หลิ่วเยี่ยนผู้สวมชุดคลุมยาวสีเทานั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน มุมปากยกยิ้ม พูดคุยกับคนตระกูลเนี่ยที่พยายามหาเื่มาคุยด้วย ั์ตาฉายแววรำคาญเล็กน้อย
ั้แ่ต้นจนจบ หลิ่วเยี่ยนนั่งนิ่งไม่ลุกขึ้นเดิน ส่วนกลุ่มคนของตระกูลเนี่ยที่ยืนอยู่ข้างกายเขาต้องก้มตัวโค้งต่ำ แสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน
ตรงประตูของห้องโถง คนตระกูลเนี่ยพาเด็กเล็กที่อายุประมาณหนึ่งขวบเต็มทยอยเดินกันเข้ามาด้านใน
ทุกคนที่เข้ามาล้วนพาลูกหลานของตนมาพบหน้าหลิ่วเหยี่ยนก่อน แนะนำตัวกับหลิ่วเยี่ยนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะทักทายผู้าุโทั้งสามของตระกูลเนี่ยที่นั่งอยู่ข้างกายหลิ่วเยี่ยน
เนี่ยตงไห่และน้องรอง นามว่าเนี่ยเป่ยชวน น้องชายคนที่สาม นามว่าเนี่ยหนานซาน วางตัวตามฐานะของตนเอง มิได้ทำท่าประจบเอาใจหลิ่วเหยี่ยนแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าเมื่อใดที่สบตากับหลิ่วเหยี่ยนก็จะต้องส่งยิ้มเจิดจรัสให้กับหลิ่วเยี่ยน
แตกต่างไปจากเมื่อวาน วันนี้ใบหน้าของเนี่ยตงไห่แดงเปล่ง กระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ดูไม่ออกว่ามีอาการาเ็อยู่เลยแม้แต่น้อย
“เนี่ยเฉี่ยน? เ้าพาเนี่ยเทียนมาทำไมกัน?” ในเวลานี้เอง น้ำเสียงที่ไม่รู้กาลเทศะพลันดังขึ้นมา เนี่ยหลันที่เมื่อครู่เพิ่งแนะนำลูกของตนให้กับหลิวเหยี่ยนด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้านั้น มาบัดนี้หัวคิ้วก็พลันขมวดมุ่น หันหน้าไปทางประตูห้องโถงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เนี่ยหลันคือลูกชายของผู้าุโคนรอง เนี่ยเป่ยชวนคือผู้ที่อายุมากที่สุดในบรรดาคนรุ่นที่สองของตระกูลเนี่ย แต่ไร้พร์ในการฝึกบำเพ็ญตบะ ทุกวันนี้ตบะอยู่แค่หลอมลมปราณขั้นเก้าเท่านั้น ไม่สามารถฝ่าทะลุจุดสูงสุดเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นท้าย์ได้
และก็ด้วยเหตุนี้เอง ตัวเขาจึงยอมแพ้ที่จะฝึกบำเพ็ญตบะไปนานแล้ว ทว่ากลับเอาความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่ตัวของลูกชายทั้งสามแทน
ตอนนี้ลูกชายคนโตของเขาอายุสิบเอ็ดปี ได้เข้าสู่หลอมลมปราณขั้นเจ็ดแล้ว ขอแค่ในสี่ปีสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นที่เก้าก็จะได้รับความโปรดปราน กลายเป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋น และเมื่ออยู่ภายใต้การช่วยเหลือของสำนักหลิงอวิ๋นแล้วก็ย่อมสามารถเลื่อนขั้นสู่ท้าย์ได้อย่างราบรื่น ในอนาคตต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ลูกชายคนที่สองของเขาอายุหกขวบ ตอนนี้ฝึกบำเพ็ญตบะได้ถึงหลอมลมปราณขั้นสี่แล้ว เป็เด็กที่มีพร์ในการบำเพ็ญตบะที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ภายภาคหน้าจะต้องประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับลูกชายคนโตอย่างแน่นอน
วันนี้ที่เขาพามาด้วยคือลูกชายคนเล็กที่เพิ่งจะอายุขวบเต็มไปเมื่อไม่นานมานี้ เนี่ยหง
การที่ลูกชายของเขาได้เกิดมา ล้วนผ่านการคิดคำนวณมาอย่างรอบคอบ ทุกคนอายุประมาณขวบปีเมื่อใดก็ล้วนทันงานเลี้ยงจับฉลากที่จัดขึ้นห้าปีครั้งอย่างพอดิบพอดี อีกทั้งสองคนก่อนหน้านี้ก็ได้รับรางวัลที่ไม่ธรรมดา
ครั้งนี้ถึงคราวของเนี่ยหงบ้างแล้ว
หลังเสียงตวาดเบาๆ ของเนี่ยหลัน สายตาของทั้งคนหนุ่มและคนแก่ตระกูลเนี่ยทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนั้น ล้วนหันมามองเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเที่ยนที่เพิ่งเดินเข้าประตูเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง
“พี่ใหญ่ ข้าพาเนี่ยเทียนมาร่วมงานจับฉลากด้วย” เนี่ยเฉี่ยนตอบด้วยเสียงอันดัง
เนี่ยเทียนที่อยู่ข้างกายของนาง ตัวใหญ่อ้วนท้วนสมบูรณ์ อายุประมาณหนึ่งขวบเช่นกัน เนี่ยเทียนไม่เพียงแต่สูงกว่าเด็กเจ็ดแปดคนที่มาร่วมงานจับฉลากอยู่ แต่ยังแข็งแรงล่ำสันกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
ภายใต้การจับตามองของทุกคน แม้ว่าเนี่ยเฉี่ยนจะพูดเสียงดังเพียงใด แต่สีหน้ากลับกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย
กลับเป็เนี่ยเทียนเสียอีกที่อ้าปากหัวเราะชอบใจ ไม่รู้สักนิดเลยว่าสายตาแต่ละคู่ที่สาดเข้ามานั้น หามีความเป็มิตรกับตนไม่ เหมือนรู้สึกว่าโดนจับจ้องราวกับผู้มีชื่อเสียง โดยไม่มีความประมาทเลยแม้แต่น้อย
“เนี่ยเทียน?” เนี่ยหลันฝืนพูดด้วยเสียงเบา สีหน้าดำคล้ำ “แม้ว่าเขาจะแซ่เนี่ย ทว่านั่นเป็เพราะพวกเราไม่รู้ว่าบิดาแท้ๆ ของเขาคือใคร จึงจำต้องให้เขาใช้แซ่เนี่ย ในความเป็จริงแล้ว เขาไม่ถือว่าเป็คนของตระกูลเนี่ย ตามกฎของตระกูล ลูกหลานฝั่งตาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงจับฉลาก เ้าอย่าสร้างความวุ่นวาย รีบพาเนี่ยเทียนออกไปเสียเถิด อย่าให้ท่านหลิ่วและทุกคนต้องเสียเวลาเลย”
“ท่านพ่อ!” เนี่ยเฉี่ยนพลันหันไปหาเนี่ยตงไห่
“ไม่ว่าลูกเขยของข้าผู้นั้นจะเป็ใคร ก่อนที่จิ่นเอ๋อจะจากไป นางเคยบอกไว้ว่าบิดาของเนี่ยเทียนยินดีแต่งเข้าตระกูลเนี่ยของพวกเรา ฉะนั้นเนี่ยเทียนจึงถือว่าเป็ลูกหลานตระกูลเนี่ย” เนี่ยตงไห่พูดด้วยท่าทางมีอำนาจ
“พี่ใหญ่ เท่าที่ข้ารู้มา ท่านแทบอยากจะเขมือบเ้าคนไม่รู้ชื่อแซ่นั้นทั้งเป็ ่ที่ผ่านมาเห็นท่านเอาแต่พร่ำพูดว่าจะหาตัวเขาให้เจอ ไม่ว่าต้องเสียค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ต้องฆ่าเสียให้ได้มิใช่รึ” ผู้าุโคนที่สามของตระกูลเนี่ย เนี่ยหนานซานกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ “ทำไมอยู่ๆ ท่านถึงได้เปลี่ยนท่าที ยอมรับว่าเขาคือลูกเขยเสียแล้วเล่า? อีกอย่าง แต่งเข้าตระกูล... ก็ต้องทำตามกฎมิใช่หรือ? ข้าไม่เห็นจำได้ว่าคนผู้นั้นเคยเอ่ยคำสาบานต่อหน้าบรรพบุรุษตระกูลเนี่ยมาก่อน”
“นั่นสิๆ ไม่ได้เอ่ยคำสาบานต่อหน้าบรรพบุรุษ ไม่ได้ทำพิธีให้เสร็จสมบูรณ์ก็ไม่ถือว่าเป็เขยที่แต่งเข้าตระกูลเนี่ย”
“ท่านประมุข เพียงเพื่อให้เนี่ยเทียนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงจับสลาก ท่านอย่าถึงขนาดยอมรับคนที่มีความแค้นต่อกันเป็ลูกเขยอย่างส่งเดชเลย ท่านอย่าลืมสิว่าเขาเป็คนทำร้ายเนี่ยจิ่น!”
“ต่อให้ท่านจะเป็ประมุขตระกูล ก็ไม่ควรมองข้ามกฎของตระกูล กระทำการบุ่มบ่ามตามใจตนกระมัง?”
“...”
ในห้องโถง คนตระกูลเนี่ยทั้งที่เป็ญาติโดยตรงและญาติทางอ้อมซึ่งพาลูกหลานมาร่วมงานต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความไม่พอใจ ตำหนิการกระทำซี้ซั้วของเนี่ยตงไห่
มีเด็กเพิ่มเข้ามาในงานเลี้ยงจับฉลากหนึ่งคน นั่นหมายความว่าลูกหลานของพวกเขาอาจจะเสียโอกาสไป แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ยินดี
หากเปลี่ยนเป็เมื่อก่อน เนี่ยตงไหมิได้รับาเ็หนัก บารมีและอำนาจยังคงอยู่ บางทีพวกเขาอาจไม่กล้าถึงเพียงนี้
แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนรู้สถานการณ์ของเนี่ยตงไห่เป็อย่างดี และยังรู้อีกว่าอีกไม่นานนัก พลังของเนี่ยตงไห่ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เขาก็จะต้องถูกบีบให้ลงจากตำแหน่งประมุขของตระกูล จึงไม่จำเป็ต้องไว้หน้ากันอีกต่อไป
ผู้าุโคนที่สองของตระกูลเนี่ย เนี่ยเป่ยชวนนั่งฟังเสียงที่ดังเอ็ดอึงในห้องโถงอย่างนิ่งๆ แต่กลับไม่คิดจะห้ามปราม
ขณะที่เสียงถกเถียงยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ นั้นเอง หลิ่วเหยี่ยนจากสำนักหลิงอวิ๋นพลันกระแอมไอออกมาเบาๆ หนึ่งครั้ง
เสียงวุ่นวายทั้งหมดหยุดชะงักลงในทันที
แม้แต่ผู้าุโคนที่สามของตระกูลอย่างเนี่ยหนานซานซึ่งกำลังจะเอ่ยถามด้วยความลำบากใจก็ยังรีบหุบปาก มองหลิ่วเหยี่ยนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
หลิ่วเยี่ยนที่มีใบหน้าอ่อนโยนดุจหยกมณี ยามนี้สีหน้ามีร้อยยิ้มเล็กน้อย มองเนี่ยเทียนที่ยืนอยู่ข้างเนี่ยเฉี่ยนอย่างจริงจัง “เขาคือ... ลูกชายของศิษย์น้องหญิงเล็กหรือ?”
ขณะที่พูดนั้น ั์ตาของหลิ่วเยี่ยน มีความเ็ปยากที่จะจับสังเกตได้
คำพูดนี้เมื่อเปล่งออกไป ทุกคนของตระกูลเนี่ยถึงขั้นนึกขึ้นได้อย่างกะทันหันว่า เนี่ยจิ่นผู้มีพร์น่าตะลึงที่สุดในบรรดาคนรุ่นที่สองของตระกูล ตอนอายุสิบขวบก็สามารถฝึกหลอมลมปราณได้ถึงขั้นเก้า นับแต่นั้นจึงถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับเข้าเป็ลูกศิษย์ก่อนกำหนด
และหลิ่วเหยี่ยนก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของเนี่ยจิ่น
“เรียนนายท่าน เนี่ยเทียนก็คือลูกชายที่น้องสาวผู้น่าสงสารของข้าทิ้งเอาไว้” เนี่ยเฉี่ยนตอบอย่างสลดใจ
หลิ่วเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ มองเนี่ยเทียนอย่างละเอียดด้วยสีหน้าอันซับซ้อน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รอบนี้ เดิมทีข้าคิดจะเอาของเล่นออกมาห้าอย่าง แต่ข้ากับศิษย์น้องหญิงเล็กของข้าสนิทสนมกันนัก เพื่อเนี่ยเทียน ข้าจึงตัดสินใจโดยพลการ เอาของวิเศษอีกสองอย่างที่ข้าเก็บไว้ออกมาพร้อมกัน พวกเ้าเห็นว่าอย่างไร?”
เขาหันหน้าไปมองเนี่ยเป่ยชวนและเนี่ยหนานซานที่อยู่ด้านข้าง
“ในเมื่อท่านหลิ่วเอ่ยปากแล้ว พวกข้าน้อยย่อมทำตามประสงค์” เนี่ยเป่ยชวนรีบพูด
เนี่ยหนานซานเองก็รีบพยักหน้าด้วยสีหน้าปลื้มปิติ แล้วรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดทำตามที่ท่านหลิ่ว้า”
ทุกคนที่เหลือจึงไม่มีใครคัดค้านอีก
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มงานเลี้ยงจับฉลากตระกูลเนี่ยครั้งนี้เถิด” หลิวเยี่ยนเองก็ไม่พูดมากความ โบกมือหนึ่งครั้ง ในปลายแขนเสื้อข้างซ้ายพลันมีลำแสงเจ็ดเส้นลอยออกมา
ลำแสงเจ็ดเส้นนั้นสีสันแตกต่างกันออกไป พริบตาเดียวก็สาดส่องในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเนี่ยเป็ประกายระยิบระยับ
ลำแสงตกกระทบลงบนพื้นหินชนวนกลางโถงใหญ่ กลายร่างออกมาเป็อาวุธวิเศษส่องประกายเจ็ดชิ้น แบ่งออกเป็กระบี่หนึ่งเล่ม มีดหนึ่งเล่ม พัดหนึ่งด้าม ถุงมือหนึ่งข้าง ไม้เท้าหนึ่งแท่ง ไข่มุกหนึ่งเม็ด กระดูกสัตว์หนึ่งชิ้น
วินาทีที่อาวุธวิเศษเจ็ดอย่างตกลงบนพื้น ทุกคนของตระกูลเนี่ยต่างพากันขยับออกเพื่อเว้นที่ว่างไว้ตรงกลางห้องโถง จากนั้นก็ล้อมวงโอบล้อมอาวุธเจ็ดชิ้นเอาไว้ทันที
พริบตานั้น สายตาของทุกคนพลันไปรวมตัวกันอยู่บนอาวุธวิเศษที่งดงามทั้งเจ็ดชิ้น ไม่มีใครมองเนี่ยเทียนอีก
แม้แต่สามพี่น้องเนี่ยตงไห่ยามนี้ก็ยังลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว ในร่างของแต่ละคนแผ่คลื่นพลังิญญาออกมาหนึ่งระลอก เพื่อััให้รู้ถึงธาตุและระดับของอาวุธทั้งเจ็ดชิ้น
ดวงตาทุกคู่ของคนตระกูลเนี่ยเปล่งประกาย ใช้พลังิญญาในร่างออกมาััเช่นกัน
เขียว ม่วง แดง ฟ้า ปราณของลำแสงวิเศษที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป ภายใต้การรับััจากพลังผู้ฝึกลมปราณของตระกูลเนี่ย ต่างก็พากันกะพริบวาบอยู่บนอาวุธวิเศษทั้งเจ็ดชิ้น
“ขั้นต่ำระดับห้า!”
เนี่ยหลันเบิกตากว้าง จ้องเขม็งไปยังไข่มุกสีเขียวที่หลิ่วเยี่ยนเอาออกมาเป็ชิ้นสุดท้ายเม็ดนั้น ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย
“โอ้! ์ ระดับห้าจริงหรือนี่?”
“ตามธรรมเนียมที่ผ่านมา อาวุธวิเศษทุกชิ้นควรจะเป็ขั้นต่ำระดับสามทั้งหมดมิใช่หรือ? อาวุธวิเศษระดับห้า ต่อให้เป็ขั้นต่ำ มูลค่าก็ไม่ธรรมดา ทั้งเป็สิ่งที่สำนักหลิงอวิ๋นจะมอบให้กับลูกศิษย์ตัวจริงแล้วเท่านั้น ครั้งนี้...”
“ท่านหลิ่วช่างใจกว้างยิ่งนัก!”
ไข่มุกสีเขียว ภายใต้การรับััจากพลังิญญาของทุกคน ด้านในของมันคล้ายจะมีสายฟ้าเป็เส้นๆ แลบแปลบๆ ยิ่งทำให้ดูไม่ธรรมดา และยิ่งทำให้คนตระกูลเนี่ยดวงตาลุกโชนขึ้น
ผู้าุโคนรองตระกูลเนี่ย เนี่ยเป่ยชวนจ้องเขม็งไปที่ไข่มุกเม็ดนั้น ั์ตามีประกายแสงแปลกประหลาดวาบผ่าน
เนี่ยหลันคือลูกชายของเขา แน่นอนว่าเนี่ยหงย่อมเป็หลานชายของเขา หลังจากที่เนี่ยหงเกิดมาได้ไม่นาน เขาก็ใช้วิชาลับแอบประเมินพร์ของเนี่ยหงเอาไว้แล้ว
เนื่องจากขอบเขตพลังของเขามีจำกัด จึงต้องใช้ยาที่ไม่ธรรมดากินไปหนึ่งเม็ด ถึงมั่นใจได้ถึงเจ็ดส่วนว่าในร่างของเนี่ยหงมีธาตุสายฟ้าแฝงเร้นอยู่
และไข่มุกสีเขียวขั้นต่ำระดับห้าเม็ดนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็อาวุธวิเศษที่มีพลังสายฟ้า สอดคล้องกับธาตุในการบำเพ็ญตบะของเนี่ยหงอย่างเหมาะเจาะ
ใจของเนี่ยเป่ยชวนยิ้มเล็กน้อย รีบหันไปมองหลิ่วเหยี่ยน โค้งกายกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านหลิ่วที่เมตตา”
หลังจากที่เนี่ยเป่ยชวนกล่าวจบ ทุกคนที่คืนสติกลับมาต่างก็พากันหันไปขอบคุณความใจกว้างของหลิ่วเหยี่ยน
หลิ่วเหยี่ยนโบกมือ ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง จากนั้นก็กล่าวว่า “นับแต่นี้ไป ทุกคนห้ามใช้การรับััของพลังิญญาในร่างกายอีก ห้ามทำให้บรรยากาศวุ่นวาย ตอนนี้ มอบให้เป็หน้าที่ของเด็กทั้งแปดคน ต้องดูที่โชควาสนาของตัวพวกเขาเองแล้ว”
“ให้เด็กทั้งแปดคนลงสนาม!” เนี่ยตงไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ไปเถอะ!” เนี่ยเฉี่ยนแอบผ่อนลมหายใจ ปล่อยมือเนี่ยเทียนในที่สุด
วินาทีที่อาวุธวิเศษทั้งเจ็ดชิ้นนั้นตกลงบนพื้น เนี่ยเทียนที่อยู่ข้างกายนางก็ดวงตาเป็ประกาย ทำท่าอยากจะพุ่งเข้าไปในวงทันทีทันใด หากไม่เพราะนางจับแขนของเนี่ยเทียนเอาไว้แน่น เกรงว่าไม่ต้องรอให้ทุกคนพูดจบ เนี่ยเทียนก็คงพุ่งเข้าใส่นานแล้ว
ในยามนี้ นางถึงจะต้องปล่อยมือเนี่ยเทียน เนี่ยเทียนจึงอ้าแขนทั้งสองออกกว้าง ตั้งท่าราว้าโอบกอดฟ้าดิน วิ่งทะยานเข้าไปใส่เสียงดัง “ตึง ตึง ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้