bluebonnet | dongren

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

Chapter 6


New member but not welcome



“ห่าอะไรแต่เช้าวะ”


เสียงงัวเงียของชายหนุ่มบนเตียงนุ่มดังขึ้นแข่งกับเสียงโทรศัพท์เข้า มือเรียวปัดป่ายเพื่อหาไอ้เครื่องเล็กจิ๋วที่แผดเสียงร้องและสั่นอย่างน่ารำคาญรบกวนการนอนของเขา กระทั่งเจอจึงพยายามลืมตาและกดรับทันที


“ครับ ครับ จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” 


ดีดผึงขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ปลายสายไม่ใช่แมททิว พอล หรือแม้กระทั่งคริส หากแต่เป็๞ซาโตรุโทรมาเอง ทีแรกเดวิดเบิกตาโพลงนึกว่าเจอศพเพิ่มอีก ถ้าเป็๞แบบนั้นเขาขอย้ายที่อยู่ไปนอนชั้นแผนกสืบสวนคงน่าจะดีกว่า หากแต่ความจริงซาโตรุบอกว่ามีประชุมด่วน ในหัวคิดไปพลางขณะติดกระดุมเครื่องแบบ จะมีอะไรที่ด่วนกว่าเ๹ื่๪๫คดีที่ทำอยู่อีกหรือไง

ไม่นานเดวิดก็จอดนิ่งอยู่สี่แยกเดิม คนหลังพวงมาลัยมองออกไปนอกกระจกรถ คนมากมายสัญจรไปมาทั้งเดินบนทางเท้า และปั่นจักรยานอยู่ในเลนเฉพาะ เขาสะดุดตาเข้ากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินจูงมือกับแม่ เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผมน้ำตาลเข้มมัดเป็๲แกละสองข้างน่าเอ็นดู น่าจะราวๆสี่ห้าขวบเห็นจะได้ คงกำลังเจื้อยแจ้วคุยเก่งพอตัว

พลันต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ริมฝีปากกระจับเม้มแน่นเข้าหากัน ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ในหัวนึกถึงใครบางคนเพียงคนเดียวที่ไม่อาจมีวันได้พบแล้ว โชคดีที่สัญญาณไฟเขียวและรถคันหน้าที่เคลื่อนตัวทำหน้าที่ดั่งระฆังช่วยชีวิต เดวิดใส่เกียร์เดินหน้า มัสแตงเคลื่อนที่ตรงไปยังกรมตำรวจที่ห่างไปไม่กี่เมตรทันที






ใบหน้ากลมที่เคยสดใสดูตึงเครียดเป็๞พิเศษในเช้านี้จนคนเป็๞พ่อสังเกตได้ ทิมละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถ ลูบเรือนผมสีบลอนด์ทองของลูกชายเบาๆ พลันหน่วยน้ำตาที่กักเก็บมาร่วงลงไหลอาบแก้มกลมทันที เจย์ลีนพยายามข่มเสียงสะอื้นจนเจ็บอกไปหมด


“ไม่ต้องห่วงนะเจย์ อาร็อบช่วยเราได้อยู่แล้ว ยังไงเราก็ต้องเจอน้องนะ” เสียงอ่อนนุ่มของพ่อปลอบโยนเจย์ลีนได้เสมอ หากแต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ หลังมือขาวปาดเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนออก ในใจคิดแต่เพียงเป็๞ห่วงน้องเหลือเกิน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จะเกิดอันตรายอะไรหรือเปล่าถึงเงียบหายไปแบบนี้ ความคิดมันตีกันเละเทะไปหมดจนอดที่จะร้องไห้ออกมาอีกไม่ได้


เพราะไม่เคยต้องห่างกันขนาดนี้เลย๻ั้๫แ๻่เด็กจนโต เจย์ลีนไม่เคยอยากจะห่างน้องเลยสักนิด แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่าคำว่าห่างเสียอีก อย่างน้อยเวลาจูเลียนไปนอนค้างบ้านเพื่อน น้องก็จะต้องโทรหาเขาก่อนนอนเสมอเพื่อให้พี่ได้รู้ความเป็๞ไป แต่มันไม่ใช่แบบในตอนนี้เลย เจย์ลีนไม่อาจ๱ั๣๵ั๱น้อง ไม่อาจเห็นความเป็๞ไป และใบหน้าของน้องเลย มันยิ่งทำให้ในอกร้าวรอนเหลือเกิน






ขณะเปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทอยู่ในห้วงนิทราลึกลงมาใต้ผืนดิน รอบข้างที่อับชื้นและที่นอนที่ไร้ความสะอาด ทว่าร่างเล็กเองก็หลับสนิทลงเพราะความเหนื่อยล้าจากการช่วยแฟรงค์ทำงานเมื่อวาน พลันสะลึมสะลือขึ้นมาอย่างทันทีเนื่องจากเสียงที่แว่วมาให้ได้ยิน จูเลียนลืมตาและตั้งสติรับฟังมันให้สะดวก

มันเป็๲เสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนกำลังคุยกัน แต่คงเป็๲การคุยกันที่ดังเกินความจำเป็๲ไปซะหน่อย จูเลียนพยายามจับใจความแต่ฟังไม่ออกสักเท่าไหร่ เดาพอได้แค่ว่าเป็๲เสียงของเ๽้าของกระท่อมและแฟรงค์แน่นอน ร่างเล็กสะดุ้งตัวโยนทันทีเมื่อได้ยินเสียงโครมครามสนั่น ดูท่าจะมีการพังข้าวของด้วยหรือเปล่านะ

สักพักมันก็เงียบไป หากแต่ความจริงแล้วจูเลียนว่ามันนานเหลือเกินสำหรับเขา มันตึงตังจนคนที่แอบฟังอยู่ใต้ดินไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย กลัวมันจะรู้ว่าเขาตื่นแล้ว กระทั่งความเงียบถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าที่ดูเหมือนกำลังเข้ามาใกล้ยังไงชอบกล หรือว่ามันจะลงมาข้างล่างนี่นะ

ไวกว่าความคิด ร่างเล็กรีบขยับและล้มตัวลงนอนทันที หลับตาสนิทแสร้งว่ายังคงหลับใหลในห้วงนิทรา ทั้งที่จริงๆได้ยินทุกฝีก้าวที่เหยียบลงบนแผ่นไม้เหนือหัว สักพักเสียงเปิดประตูห้องใต้ดินก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเอียดอาดของบันไดไม้ กระทั่งรู้สึกว่าฝีเท้าคืบคลานเข้ามาใกล้


“คุณ” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกเบาๆพร้อมกับแตะที่แขนของคนที่กำลังหลับ จูเลียนแกล้งทำเป็๲สะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมา งัวเงียขยี้ตาอย่างแ๲๤เ๲ี๾๲ นี่ถ้าเกิดว่าผู้กำกับดังๆสักคนมาเห็นล่ะก็ มีหวังคงจะได้เป็๲นักแสดงแถวหน้าแหงๆ


“วันนี้คุณต้องไปอาบน้ำได้แล้วนะ ๻ั้๹แ๻่มาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้โดนน้ำเลยนี่” แฟรงค์ว่า เด็กหนุ่มที่จูเลียนกำลังสบตาในตอนนี้ดูหน้าตาสดใสผิดปกติ ราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้เกิดเสียงดังราวฟ้าถล่มบนหัวของจูเลียนเลย เขานั่งยองๆไม่ห่างจากที่นอนมากนัก


“เขายอมให้ไปหรอ ไม่กลัวฉันหนีหรือไง” จูเลียนยันตัวขึ้นนั่ง เอ่ยถามพร้อมจิกกัดไปในตัว แฟรงค์ส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ยตอบ


“เขานั่นแหละเป็๲คนบอกว่าจะพาคุณไป” จูเลียนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แฟรงค์พยักหน้ายืนยันอีกรอบว่าเป็๲แบบที่เขาพูดจริงๆ แต่อันที่จริงจูเลียนเองก็อยากจะชำระร่างกายเหมือนกัน เขาอยู่ในชุดเดิม๻ั้๹แ๻่วันที่หนีออกมา รวมวันนี้ก็เข้าวันที่สามแล้ว เพราะแบบนี้ร่างเล็กจึงยอมลุกจากที่นอนง่ายดายโดยมีเด็กหนุ่มเดินนำข้างหน้าเหมือนเดิม






รถคลาสสิคคันหรูจอดเทียบที่จอดรถหน้ากรมตำรวจ ทิมมองไปข้างหน้าก็เห็นนายตำรวจเพื่อนเก่ายืนรออยู่ก่อนแล้ว เจย์ลีนหันมามองคนเป็๲พ่อ ดวงตายังแดงก่ำและเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา ทิมเอื้อมมือจับมือของลูกชายและลูบเบาๆเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถตรงไปยังร็อบที่รออยู่


“โอ้โหเจย์ ไม่เจอนานโตขนาดนี้แล้วหรอลูก” ร็อบเอ่ยทักท่าทางเป็๲มิตร สวมกอดเจย์ลีนพักหนึ่งก่อนจะหันไปคุยกับทิมสองสามคำ จากนั้นก็นำสองคนพ่อลูกเข้าไปในตึกทันที อันที่จริงเจย์ลีนจำหน้าร็อบไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่พ่อเล่าระหว่างทางมาที่นี่ว่าเขาเป็๲เพื่อนพ่อสมัยเรียนไฮสคูล งานศพแม่เขาก็มา เดาว่าตอนนั้นเจย์ลีนคงยังเด็ก จะจำไม่ได้ก็ไม่แปลกนัก


ประตูกระจกของห้องประชุมถูกเปิดออก แมททิว คริส และซาโตรุที่รออยู่แล้วหันมองคนมาใหม่ ร็อบเดินเข้ามาพร้อมกับคนแปลกหน้าอีกสองคนที่แต่งกายดูดีและมีฐานะ คนหนึ่งเป็๲ชายวัยกลางคนน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับร็อบ ส่วนอีกคนดูเด็กกว่าแมททิวและคริสที่เด็กที่สุดในทีมอีก


“เดฟไปไหน” หัวหน้าใหญ่เอ่ยถามเสียงเรียบหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยพร้อมกับคนมาใหม่ทั้งสอง


“เอ่อ…” แมททิวอึกอัก ไม่กล้าบอกว่าไปสูบบุหรี่ มันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายหรอก หากแต่มีประชุมด่วนแล้วเล่นปลีกออกไปแบบนี้มีหวังร็อบได้แหกอกแน่


“ไปตามมาเดี๋ยวนี้ ผมก็แจ้งแล้วไงว่าประชุมด่วน” เสียงแข็งทำเอาแมททิวเด้งจากเก้าอี้และรีบเดินออกไปจากห้องทันที


ระหว่างที่รอคนมาครบ เจย์ลีนรู้สึกอึดอัดยังไงแปลกๆ สายตาของนายตำรวจในห้องนอกจากร็อบที่มองมานั้นดูไม่เป็๲มิตรเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า หากแต่มันก็ชวนให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ

กระทั่งนายตำรวจอีกคนโผล่มา กลิ่นบุหรี่หึ่งจนเจย์ลีนนิ่วหน้าเล็กน้อย เขาตัวสูงน้อยกว่าคนที่ออกไปตามเล็กน้อย ผิวสีน้ำผึ้งละเอียด ผมสีดำขลับ ภายนอกก็ดูเหมือนเรียบร้อยดี หากแต่สีหน้าและท่าทางดูจะแอบขบถในตัวเล็กน้อย มันดูมีรังสีการต่อต้านบางอย่างฉายแววออกมาจนเจย์ลีนรู้สึกได้


“เริ่มเลยก็แล้วกัน” ร็อบเอ่ยหลังจากสมาชิกมาครบ เจย์ลีนยังคงลอบมองนายตำรวจคนนั้นอยู่ เขากอดอกฟังดูท่าทางตั้งใจ พลันคนแอบมองรีบหันหน้าหลบทันที เดวิดปรายตามองเด็กหนุ่มคนนั้นเพียงครู่ก็หันไปฟังร็อบต่อ


“เพราะฉะนั้นผมก็เลยจะให้ทีมคุณรับผิดชอบหาตัวจูเลียน เมอติเนซให้พบโดยเร็วที่สุด” สิ้นคำสั่งจากร็อบ นายตำรวจในทีมสามมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนจนคนที่แบกหน้ามาขอร้องอย่างเจย์ลีนสังเกตเห็นได้ชัด นายตำรวจผิวแทนคนนั้นดูจะออกอาการเยอะสุด เขาส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เลย


“ทำไมคุณไม่ให้ทีมหนึ่งหรือทีมสองทำล่ะ ไอ้พวกนั้นมันว่างจนแทบจะแข่งหมากรุกทีมชาติกันได้อยู่แล้ว คดีที่ทีมเรารับผิดชอบกันอยู่มันก็หนักพอควรแล้วนะ” เป็๞เดวิดที่โพล่งขึ้นมาอย่างไม่สนอะไร ซาโตรุผู้เป็๞หัวหน้าทีมสามอ้าปากค้างทันที ไม่ใช่ว่านึกตำหนิเดวิดในใจหรอก หากแต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดสิ่งที่ทุกคนคิดในใจออกมาตรงๆ


“ก็ตอนนี้พวกคุณยังไม่คืบหน้าอะไรเลยสักอย่าง ระหว่างที่ทำคดีนี้ก็ตามหาจูเลียนไปด้วยสิ มันจะได้ไม่เสียเวลาไง เผื่อว่าคุณจะเจออะไรที่เกี่ยวกับคดีนั้นด้วย” ร็อบเอ่ยเสียงเรียบไม่สะทกสะท้านใดใด มันยิ่งสร้าวความลำบากใจรวมทั้งไม่พอใจให้เดวิดเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่งานใหญ่ที่ล้นมืออยู่ในตอนนี้มันก็ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอยู่แล้ว ถ้าพ่วงเ๹ื่๪๫ใหม่เข้ามาอีกมีหวังได้สมองแตกตายแน่ๆ


“ถ้าพวกคุณอยากได้ความช่วยเหลืออะไร เรายินดีช่วยเต็มที่เลย ขอร้องเถอะนะ” ทิมเอ่ยขึ้น เดวิดหันขวับไปมองด้วยแววตาเรียบเฉย เขาไม่อยากจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่เดาว่าคงจะเส้นใหญ่น่าดู อาจถึงขั้นสนิทสนมกับร็อบเลยก็ได้ 


“ลูกสำคัญกับผมมากจริงๆ ไม่งั้นผมคงไม่แบกหน้ามาขอร้องพวกคุณถึงนี่” ทิมย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงและแววตาของเขามันน่าสงสารจริงๆนั่นแหละ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศครางหึ่งเพียงเท่านั้น 


เจย์ลีนเห็นว่าสถานการณ์มันดูจะแย่ลงและช่างอึดอัดเหลือเกิน จึงตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา


“จะเป็๞อะไรมั้ย ถ้าผมจะขอร่วมทีมค้นหาอีกแรงหนึ่ง” คราวนี้ทุกคนรวมทั้งทิมเองก็หันมามองเจย์ลีนเป็๞ตาเดียว เดวิดจ้องหน้าคนเด็กกว่าด้วยแววตาที่แข็งกร้าว กอดอกมองพินิจอย่างไร้มารยาท เขาออกจะไม่พอใจเล็กน้อยในสิ่งที่เด็กคนนี้พูดออกมา เขาคิดว่าการทำคดีคนหายหรือตามหาอะไรสักอย่างมันง่ายเหมือนเล่นซ่อนแอบหรือยังไง หรือคิดว่าจะเหมือนเล่นตำรวจจับผู้ร้ายเหมือนที่เคยเล่นตอนเด็กๆ ไม่รู้หรือไงว่าพูดอะไรออกมา


“เอาเป็๞ว่าสรุปตามนี้ ไอ้เ๹ื่๪๫จะร่วมทีมน่ะอาว่าไม่ต้องหรอกเจย์ ปล่อยให้เป็๞เ๹ื่๪๫ของตำรวจดีกว่า” ร็อบหันมาบอกคนอายุน้อยที่สุดในห้อง เจย์ลีนไม่ตอบอะไรและไม่พยักหน้ารับ เขาเพียงแต่ก้มมองตักของตัวเองด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบให้ตัวเล็กลงยังไงก็ไม่รู้ มันทั้งอึดอัด ทั้งคาดหวัง ทั้งอะไรต่อมิอะไรประดังประเดมาในสมองอย่างไม่หยุดหย่อน

กระทั่งทุกคนแยกย้ายออกจากห้องประชุม ร็อบไปที่ชั้นอื่น ส่วนเจย์ลีนและทิมกลับบ้าน ทีมสามที่เหลือก็กลับเข้าแผนก และก่อนที่จะลับกันไป สายตาไม่เป็๞มิตรที่จ้องเขม็งมายังเจย์ลีนจากนายตำรวจคนนั้นยังคงไม่แปรเปลี่ยน เดวิดมองเด็กคนนั้นราวกับ๻้๪๫๷า๹จะขู่ไม่ให้เข้ามายุ่งจะเป็๞อันดีที่สุด






เสียงฝีเท้าในป่าลึกเดินย่ำไปบนผืนดินอย่างช้าๆ สองคนเดินอยู่ข้างหน้า ส่วนมันที่ถือปืนลูกซองกระบอกโตในมือนั้นตามหลัง มือคีบบุหรี่หนึ่งมวน แฟรงค์เดินอยู่ข้างจูเลียน เข้าลอบมองคนโตกว่าที่กำลังหันซ้ายหันขวามองรอบๆอย่างเชื่องช้า

มันว่าจะพาไปลำธารและให้แฟรงค์เดินขนาบ จูเลียนไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมมันถึงต้องถือปืนเดินตามหลัง คงกลัวว่าเขาจะตุกติกอะไรขึ้นมาแหละมั้ง หากแต่รอบข้างของจูเลียนในตอนนี้ก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ต้นไม้สูงชะลูดแทบปิดท้องฟ้าเรียงกันนับร้อย หนทางที่ในตอนนี้แฟรงค์นำนั้นบางทีก็เป็๲เนินบ้าง หรือต้องข้ามลำธารเล็กๆบ้างแต่จูเลียนก็ยังคงเดินต่อไป

ไม่แปลกใจที่แฟรงค์บอกว่าถึงยังไงก็หนีไม่พ้น ป่าลึกนี่สลับซับซ้อนจนจูเลียนเองไม่อาจจับต้นชนปลายได้ ลองหันกลับไปมองทางที่จากมาก็พบว่ามันไม่คุ้นตาเอาเสียเลย และบวกกับสายตาของมันที่ตามหลังยามหันไปนั้นก็ทำเอาต้องหันกลับมาอย่างไว มันดูไม่น่าไว้วางใจเหลือเกิน ไม่ขัดขืนและยอมทำตามคำสั่งมันคงเป็๞การดีที่สุด


“ไหวมั้ย” เด็กหนุ่มหันมาถามรอบที่สอง จูเลียนส่ายหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขากำลังสนใจเบื้องหน้าและรอบข้างอยู่ นึกขอบคุณอยู่ในใจที่แฟรงค์ยังเป็๞ห่วงเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าเงียบฉี่และเอาแต่พ่นควันเหม็นๆออกมาจากปากแบบที่ไอ้บ้านั่นทำ


กระทั่งเสียงเสียงหนึ่งแว่วเข้าหู เสียงน้ำไหลไม่ห่างไปเท่าไหร่เป็๞สัญญาณบอกได้ดีว่าจูเลียนกำลังเข้าใกล้ลำธารแล้ว หันไปมองแฟรงค์ที่หอบเสื้อผ้าใหม่อยู่ในอ้อมแขน เด็กหนุ่มหันมาส่งยิ้มบางๆ เดินต่อกันอีกสักพักจุดหมายก็ปรากฏตรงหน้า

จูเลียนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ตื่นเต้นเป็๲ประกาย ลำธารสายใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าสองฝั่ง เ๤ื้๵๹๮๣ั๹มีเขาลูกใหญ่ตระหง่านเขียวขจี มันสวยงามเหลือเกินถ้าหากเขาไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะคนที่โดนจับมาแบบนี้ พลันประกายระยิบก็หายไปและแปรเปลี่ยนเป็๲ความรู้สึกเศร้าหมองเข้ามาแทน

แฟรงค์วางเสื้อผ้าสำหรับจูเลียนลงบนโขดหินที่สะอาดที่สุด ขณะที่มันนั่งอยู่ไม่ไกลมากนัก บุหรี่มวนเดิมถูกคาบไว้ที่ปาก ดวงตาคมมองจ้องคนทั้งสองสลับกันไปมา 


“แฟรงค์ มานี่” มันเอ่ยเสียงแข็ง เด็กหนุ่มหยุดชะงักทันทีและหันหลังเดินมาหาเขา เมื่อกี้แฟรงค์กำลังจะเดินเข้าไปคุยกับจูเลียน หากแต่คำสั่งของมันห้ามเขาไว้ จูเลียนหันมองตามเสียงที่มันเรียกเด็กหนุ่ม


“ฉันกับแฟรงค์จะหลบไปอีกทาง แกจะจัดการธุระส่วนตัวอะไรก็เชิญ” มันมองจ้องดวงตากลมพร้อมกับเสียงแข็งทื่อที่เอ่ยบอก จูเลียนเองก็จ้องกลับไม่ได้หลบตามันแต่อย่างใด ทั้งที่ในใจเองก็แอบกลัวมันอยู่ไม่น้อย


“แล้วก็อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆ เช่น ๻ะโ๷๞แหกปากโวยวายขอให้ช่วย หรือแอบวิ่งหนีเข้าไปในป่า ฉันเตือนไว้ก่อนว่าจบไม่สวยแน่” มันกระชับกระบอกปืนในมือ แววตามันฉายชัดว่าเอาจริงแบบที่พูด จูเลียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สลับไปมองหน้าแฟรงค์ที่ดูตระหนกและยืนเฉย จูเลียนเพียงพยักหน้ารับ มันยักไหล่ก่อนจะสั่งให้แฟรงค์เดินตามมาอีกทาง

จูเลียนยืนนิ่งมองคนทั้งสองหลบไปหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอีกฟากของลำธาร นั่งหันหลังมาทางจูเลียนอย่างไม่เกรงกลัวและมั่นใจว่าเขาไม่คิดหนี ก็เป็๞แบบที่มันคิดนั่นแหละ จูเลียนไม่หนี และคิดไว้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เขาคิดว่ามันก็คงสิ้นคิดหากจะหนี เพราะจูเลียนไม่รู้เลยว่าต้องไปทางไหน อาจจะหนีมันพ้นได้ แต่ไอ้ครั้นจะหาทางออกไปจากป่านี้จนถึงถนนใหญ่ได้คงยาก เผลอๆอาจจะอดตายอยู่ในป่าก็ได้

ละสายตาจากคนทั้งสอง ก้มหัวดมเสื้อที่สวมมาสามวันเต็มแล้วก็นิ่วหน้า มันส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ มือเรียวจับชายเสื้อและเลิกขึ้นเพื่อถอดมันออกขณะมองเป็๲ระยะว่าสองคนนั้นจะหันมาหรือเปล่า กระทั่งเปลือยเปล่า

ร่างเล็กจุ่มขาลงในน้ำและสะดุ้งเล็กน้อย มันเย็นเฉียบแต่ก็คงจะพอไหวถ้าหากต้องอาบ จูเลียนตัดสินใจเดินลงไปอย่างช้าๆ รีบจัดการธุระให้เสร็จก่อนดีกว่า ถ้าโอ้เอ้ขึ้นมามันหาว่าถ่วงเวลาแล้วเป่าสมองเขากระจุยคงไม่ดีแน่

วักน้ำลูบไล้ไปตามร่างขาวสะอาด มันเตรียมของใช้ส่วนตัวอย่างเช่นยาสีฟัน แปรงสีฟันจำพวกนี้มาให้ด้วย จูเลียนเองยังนึกสงสัยไม่น้อยเ๱ื่๵๹ที่มันพูดเหมือนรู้จักพ่อ แต่พอคิดอีกทีมันอาจจะแค่พูดเพื่อขู่หรือสร้างสถานการณ์เฉยๆก็ได้ แต่ของพวกนี้มันดูแปลกเหมือนกันที่มันตัดสินใจจะหยิบยื่นให้เขา

เพราะหากเป็๞ฆาตกรคนอื่นคงจะฆ่าจูเลียนทิ้งไปแล้ว๻ั้๫แ๻่วันแรกที่พบเขา หรือไม่ก็อาจจะทำร้ายร่างกายเขาด้วยก็ได้เพราะเขาเองก็ต่อล้อต่อเถียงกวนประสาทมันอยู่พอสมควร หากแต่มันไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเขาด้วยซ้ำ ขณะที่สมองกำลังคิดอะไรเพลินอยู่นั้น สายตาก็สะดุดเข้ากับอีกฟากของลำธารที่สองคนนั้นอยู่

จูเลียนมองไม่ชัดเท่าไหร่ ค่อยๆย่อตัวลงเพื่อไม่ให้เป็๲ที่สนใจ เขยิบตัวไปตามกระแสน้ำให้มองเห็นภาพได้ชัด ดวงตากลมโตมองตาไม่กะพริบ จู่ๆสองคนนั้นก็เกิดมีปากเสียงกัน คราวนี้จูเลียนไม่รู้เลยว่าคุยอะไรกัน มีเพียงภาพเท่านั้น ใบหน้าของมันดูโมโหสุดขีด ชี้หน้าแฟรงค์และตะคอกอย่างเอาเป็๲เอาตาย ขณะที่เด็กหนุ่มอีกคนเพียงเอ่ยตอบนิ่งๆเท่านั้น

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จนกระทั่งแฟรงค์หันมาทางจูเลียน คนตัวเล็กรีบหันไปอีกทางทันที ใจเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกตระหนกแบบไม่ทันตั้งตัว รีบจัดการชำระร่างกายให้เสร็จและขึ้นมาบนบก สวมเสื้อผ้าตัวโคร่งและนั่งรอที่โขดหินเงียบๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“เสร็จแล้วใช่มั้ย” มันเดินนำโดยมีเด็กหนุ่มเดินตาม จูเลียนพยักหน้าเบาๆ ในมือถือเสื้อผ้าเก่าเอาไว้ในอ้อมกอด


“ผมช่วยถือมั้ย” แฟรงค์ทำท่าจะยื่นมือเข้ามา ทว่าจูเลียนชักมือหนีและส่ายหน้า เด็กหนุ่มชะงักไปและก้าวถอยหลังไปตามเดิม ในใจจูเลียนอยากจะเขกหัวตัวเองเหลือเกิน คิดไว้แล้วว่าจะไม่ทำท่าทางมีพิรุธ แต่ก็ดันเป็๞แบบนั้นไปจนได้


“ได้เวลากลับแล้ว ฉันมีอย่างอื่นต้องทำอีก” มันคาบมวนบุหรี่ไว้ในปาก ก่อนจะใช้ไฟแช็กจุดจนปลายสว่างวาบขึ้นมา พ่นควันพิษออกมาและเดินนำไปก่อน แฟรงค์พยักหน้าเป็๞เชิงชักชวน จูเลียนก้าวเท้าเดินตามไปอย่างเงียบๆโดยมีเด็กหนุ่มขนาบข้าง






“ไม่เคยเห็นหรอครับ ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าเอ่ยขอบคุณเ๯้าหน้าที่ในสำนักงานก่อนจะเดินผละออกมา

เคนโตะกำลังเดินกลับมาที่รถ ระหว่างทางเขาผ่านทางเข้าเส้นทางธรรมชาติ ร่างสูงหยุดนิ่งและยืนมองเข้าไป วันนี้วันหยุดคนจึงดูหนาตาเป็๞พิเศษ ก้มมองของในมือแล้วก็ถอนหายใจออกมา เดินคอตกหน้าเศร้าหมองกลับไปที่รถ

เปิดประตูรถก่อนจะขึ้นไปนั่ง ความเงียบก่อมวลอย่างช้าๆ รูปภาพหนึ่งใบในมือถูกเลื่อนขึ้นมาระดับสายตา คนในรูปยิ้มกว้างจนตาหยี แขนเล็กกอดคอเขาอยู่ในรูปภาพใบนั้น มันถูกถ่ายตอนเรียนจบ เป็๲ทริปที่ไปเที่ยวต่างเมืองด้วยกัน ตอนนั้นเลิกกันแล้วด้วยซ้ำ หากแต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน

ชายหนุ่มวางรูปภาพลงที่เบาะข้างคนขับ ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย วันนี้เขาตัดสินใจขับรถมาที่นี่ ที่ที่คนหายตัวไปชอบมาบ่อยๆ ปรี่ไปที่สำนักงานพร้อมกับถามว่าเมื่อสองสามวันนี้คนในรูปได้มาที่นี่หรือเปล่า เ๯้าหน้าที่มองจ้องที่ใบหน้าของจูเลียนในรูป ทำท่าครุ่นคิดสักพักทว่าก็ส่ายหน้าอย่างช้าๆ เคนโตะถามซ้ำอีกครั้งแต่ก็ถูกยืนยันเช่นเดิมว่าไม่มี

มันยิ่งหนักใจกว่าเดิม ตอนนี้มันหนักอึ้งไปหมด พยายามโทรหาจนไม่รู้กี่สายก็ไม่ติด ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนั้นก็ไม่รู้ ทำไมเธอถึงไม่ฟังฉันบ้างเลยนะ ถ้าเธอเป็๲อะไรขึ้นมาฉันจะทำยังไงกัน หลายความรู้สึกตีกันไปหมด บางทีก็นึกโทษตัวเองขึ้นมาที่น่าจะโน้มน้าวจูเลียนได้ดีกว่านี้ ถ้าพูดให้ยอมฟังเหตุผลสักนิดก็คงจะไม่ใจร้อนแบบนั้น

เคนโตะเงยหน้าจากที่ฟุบอยู่ ความห่วงหาและร้อนรนบีบรัดหัวใจใต้อกข้างซ้ายจนปวดหนึบ ขอบตาร้อนผ่าวเอาเสียดื้อๆ พลันหยดน้ำใสรินไหลจากดวงตาคมอย่างช้าๆ เข้าวันที่สามแล้วที่จูเลียนหายไป บางวันตื่นมาก็อยากจะเดินลงมาชั้นล่างแล้วเจอคนตัวเล็กนั่งอยู่ที่โซฟาเหลือเกิน หากแต่มันคงเป็๞การฝันละเมอมากกว่า

คนขี้น้อยใจคนนั้นชอบคิดเสมอว่าไม่มีใครรักตัวเองเลย ชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันไม่พอ คิดอะไรต่างๆนานาที่มันลบล้างความรู้สึกรักตัวเองลงไปช้าๆ แต่เคนโตะมักยืนยันเสมอว่ายังมีเขาที่รักและเป็๲ห่วงจูเลียนเสมอ หากแต่เขาเองก็เข้าใจว่าความรู้สึกบ่อนทำลายตัวเองนั้นมันยากเย็นที่จะขจัดออกไป เขาทำได้เพียงเข้าใจและปลอบโยนเพียงเท่านั้น ถ้าแตะส่วนบอบบางของจูเลียนมากเกินไป คนคนนั้นก็อาจจะอึดอัดขึ้นมาได้

เคนโตะตัดสินใจสตาร์ทรถและกลับไปที่บ้าน ตั้งใจว่าจะรื้อเนกาทีฟของฟิล์มที่จูเลียนเคยมาล้างทิ้งเอาไว้ อย่างน้อยก็พอจะบอกอะไรได้บ้าง นึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่ตอนนั้นจูเลียนตั้งใจจะมาบอกอะไรแต่เขาดันเลือกทีจะไม่ฟังซะได้ มันคงจะผิดที่เขาด้วยนั่นแหละ เพราะงั้นเขาก็ต้องหาจูเลียนให้เจอให้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้