“พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ”ูเี่อันพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะวิ่งไปทางที่นั่งคนขับ
เธอก้มตัวลงโดยอาศัยแสงไฟจากด้านนอกจึงเห็นลู่เป๋าเหยียนที่กำลังหลับอยู่ในรถโครงหน้าด้านข้างของเขาเด่นชัด ภายใต้ความมืดมิดยิ่งทำให้ดูหล่อเหลา
ูเี่อันเคาะกระจกรถเพื่อเรียกเขา
“ลู่เป๋าเหยียน”
ลู่เป๋าเหยียนลืมตาขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเป็ูเี่อัน เขาจึงปลดล็อกประตูที่นั่งข้างคนขับ
“เสร็จแล้วเหรอ?”
“อื้มที่เหลือเดี๋ยวให้พวกเจียงเส้าข่ายจัดการต่อน่ะ” ูเี่อันขึ้นมาบนรถและลงมือรัดเข็มขัด
“ทำไมนายยังไม่กลับอีกล่ะ”
“ถ้าฉันกลับแล้วเธอจะกลับยังไงล่ะ”ลู่เป๋าเหยียนมองเวลา อีกสองสามชั่วโมงฟ้าก็คงสว่างถ้ากลับไปที่บ้านในชานเมืองคงจะเสียเวลา เขาเลยถามูเี่อันว่า
“พวกเราไปอพาร์ตเมนต์ในเมืองกันไหม”
ูเี่อันง่วงจนไม่ไหวแล้วจึงได้แต่“อืม” ตอบเขากลับไป เธอหาจุดที่พิงได้อย่างสบายก่อนจะหลับตาลง รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆไม่นานูเี่อันก็หลับสนิท
อพาร์ตเมนต์ของลู่เป๋าเหยียนอยู่ไม่ไกลนักอีกทั้ง่เช้ามืดแบบนี้ถนนจึงโล่งเป็พิเศษ ไม่ถึงสิบนาทีรถก็มาถึงจุดหมาย
ูเี่อันรู้สึกตัวตื่นขึ้นเองเธอเดินตามลู่เป๋าเหยียนเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเธอก็เอนกายพิงกับอกแกร่งของเขา
“ง่วงจัง...”
ท่าทางออดอ้อนแบบนี้ไม่รู้ว่าเธอทำมันออกมาอย่างเป็ธรรมชาติได้ั้แ่เมื่อไรเวลานี้เธอไม่ได้เขินอายอีกแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนโอบเอวเธอไม่ให้ล้มลงไปขณะที่แขนอีกข้างจับศีรษะเธอไว้ให้แนบกับอ้อมกอดของเขาโดยไม่พูดอะไรไม่ช้าลิฟต์ก็มาถึงชั้นบนสุดูเี่อันกึ่งเดินกึ่งโอบลู่เป๋าเหยียนเข้าไปในห้องพัก
“จะอาบน้ำก่อนไหม”ลู่เป๋าเหยียนรู้ว่าูเี่อันมีนิสัยชอบอาบน้ำหลังจากเสร็จงาน
ูเี่อันโน้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
“ไม่อาบแล้ว ง่วง”
ลมหายใจอุ่นร้อนของเธอลอดผ่านผ้าเนื้อบางปะทะกับอกแกร่งของลู่เป่าเหยียนมันทำให้เขาถึงกับชะงัก ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“งั้นพวกเราเข้าไปนอนในห้องเลยดีไหม”
ูเี่อันพยักหน้าเธอสะลึมสะลือจนไม่รู้ว่าเดินไปด้วยตัวเองหรือลู่เป๋าเหยียนอุ้มเธอเข้าไปในห้องกันแน่ไม่นานก็ััได้ถึงความอ่อนนุ่มของเตียงเธอรู้สึกสบายตัวก่อนจะดึงหมอนเข้ามากอดอย่างพอใจไม่นานหลังจากนั้นลู่เป๋าเหยียนก็เอนลงมานอนข้างกายเธอ
อาจเป็เพราะเคยนอนเตียงเดียวกันมาแล้วหลายครั้งทำให้เธอไม่รู้สึกประหลาดอะไร ไม่ก็เพราะความง่วงที่เข้าครอบงำจนเธอครองสติไว้ไม่ไหวจึงได้แต่พูดงึมงำกับลู่เป๋าเหยียนไปว่า
“ฉันเพิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุ...นายไม่ถือเหรอ?”
ลู่เป๋าเหยียนปรับอุณหูมิแอร์ให้พอเหมาะเขายกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอกับเขาและดึงเธอเข้ามากอด
“รีบนอนเถอะ”
ูเี่อันรู้สึกอบอุ่นและสบายใจจนเผลอยิ้มออกมาเธอถูหน้าไปมากับทรวงอกของลู่เป๋าเหยียนราวกับตัวไหม
ลู่เป๋าเหยียนหลับในรถมาหลายชั่วโมงแล้วจึงไม่ค่อยง่วงเท่าไรพอูเี่อันทำแบบนี้...
เขารีบจับตัวเธอเอาไว้“เจี่ยนอัน อยู่นิ่งๆ”
“อื้อ”อาจเพราะน้ำเสียงของเขาดูไม่น่าไว้ใจ ูเี่อันจึงไม่กล้าขยับตัวอีก
ลู่เป๋าเหยียนจูบหน้าผากของเธอแ่เบาก่อนจะหลับตาลง
สองชั่วโมงกว่าผ่านไปดวงอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทั้งเมือง
เจ็ดโมงตรงนาฬิกาปลุกของูเี่อันกำลังส่งเสียงร้องอยู่ที่บ้านแต่เ้าตัวกลับนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอพาร์ตเมนท์ใจกลางเมืองเธอหลับยาวจนเก้าโมงแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวคนที่กอดเธอเอาไว้อย่างลู่เป๋าเหยียนก็เช่นเดียวกัน
เก้าโมงครึ่งมือถือที่อยู่บนหัวเตียงของลู่เป๋าเหยียนก็เริ่มสั่นอย่างเอาเป็เอาตายเสียงสั่นของมันทำใหู้เี่อันตื่นขึ้นมาในที่สุด
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของลู่เป๋าเหยียนูเี่อันนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะนึกเื่เมื่อวานขึ้นมาได้ความซาบซึ้งเริ่มเข้าสู่หัวใจของเธอ
เมื่อวานลู่เป๋าเหยียนทำงานหนักมาทั้งวันเขาเองก็เหนื่อยมาก เธอถูกเรียกตัวด่วนก็จริง แต่เขาไม่จำเป็ต้องตามมาด้วยก็ได้
จะว่าไปหากไม่มีลู่เป๋าเหยียนแล้วต้องขับรถคนเดียวจากชานเมืองตอนตีสามเธอก็คงกลัวอยู่เหมือนกัน
นี่ถ้าขาดลู่เป๋าเหยียนไปเธอจะอยู่อย่างไร?
ครืด ครืด ครืด...
มือถือของลู่เป๋าเหยียนเริ่มสั่นอีกครั้งทว่าคนที่อยู่ข้างกายเธอยังไม่มีทีท่าจะตื่น
ูเี่อันจึงหยิบถือวิสาสะหยิบมือถือของเขาเมื่อเห็นว่าเสิ่นเยว่ชวนเป็คนโทรมาจึงกดรับสาย
“รับสายสักทีนะครับท่านผอ.!”เสิ่นเยว่ชวนแทบคลั่งอยู่ในห้องทำงาน “จะเริ่มประชุมแล้วนะ นายอยู่ที่ไหนเนี่ย!ทำไมยังไม่โผล่มาฮะ!”
“เอ่อ ลู่เป๋าเหยียนเขา...”
“เจี่ยนอัน!?”เสิ่นเยว่ชวนอึ้งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า“อย่าบอกนะว่าลู่เป๋าเหยียนยังไม่ตื่น...”
“เอ่อ เขายังไม่...”
ูเี่อันพูดได้ครึ่งประโยคก็ถูกใครบางคนแย่งมือถือไปเธอหันไปมองลู่เป๋าเหยียนที่ตื่นแล้วอย่างงงๆ
“เสิ่นเยว่ชวนกำลังเร่งให้นายไปทำงานน่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนกดวางสายโทรศัพท์สีหน้าเรียบก่อนจะดึงูเี่อันเข้าสู้อ้อมกอดอีกครั้งูเี่อันร้องประท้วงเล็กน้อยพลางดิ้น แต่เขากลับกอดเธอแน่น
“ไม่ง่วงเหรอ”
“ง่วงสิ”ูเี่อันพูดอย่างน่าสงสาร “แต่ฉันโดนโทรศัพท์นายปลุก”
ลู่เป๋าเหยียนจูบหน้าผากเธอเบาๆคนในอ้อมกอดของเขาจึงเลิกดิ้น เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอ
“นอนเป็เพื่อนฉันก่อนเที่ยงเมื่อไรค่อยปลุกฉัน”
เขามีเวลานอนได้ถึงเที่ยงเลยอย่างนั้นเหรอ?
“แล้วงานของนายล่ะ?” ูเี่อันถามอย่างสงสัย เมื่อคืนเธอโดนเรียกตัวด่วนวันนี้จึงไม่ต้องไปทำงาน่เช้า แต่ลู่เป๋าเหยียน...ไม่ใช่ว่ามีคนกำลังรอประชุมกับเขาอยู่งั้นเหรอ?
“เสิ่นเยว่ชวนจัดการได้ฉันโดดงานสักครึ่งวันบริษัทคงไม่ล้มละลาย” ลู่เป๋าเหยียนตอบเพียงเท่านี้
ูเี่อันพูดไม่ออกเมื่อก่อนลู่เป๋าเหยียนออกจะเป็คนบ้างานไม่ใช่หรือไง?
คนบ้างานมาโดดงานซะเองแบบนี้ไม่ใช่แคู่เี่อันคนเดียวที่ประหลาดใจ คนทั้งเครือลู่ก็ฮือฮาเสิ่นเยว่ชวนชักสงสัยแล้วว่าโลกจะแตกหรือเปล่า
แต่เมื่อกี้เขาได้ยินเต็มสองหูว่าคนที่รับสายคือูเี่อันเธอใช้น้ำเสียงเหมือนคนที่เพิ่งตื่นบอกเขาว่าลู่เป๋าเหยียนยังไม่ตื่น!
ให้ตายคนที่เป็เ้าของบริษัทกำลังนอนกอดเมียอยู่บ้านส่วนผู้ช่วยอย่างเขาต้องมาทำงานแทนเนี่ยนะ?
ไร้มนุษยธรรมที่สุด!
เสิ่นเยว่ชวนเดินเข้าห้องประชุมไปอย่างหงุดหงิดก่อนจะประกาศเลื่อนการประชุมเป็ตอนบ่ายแทน มีคนถามเขาถึงเหตุผลเขาจึงหัวเราะในลำคอ
“พวกนายต้องทำใจให้ชินกับผอ.ลู่คนใหม่หน่อยนะคนเขามีเมียแล้ว จะมาสายบ้าง โดดงานบ้าง เดี๋ยวคงได้เห็นเป็เื่ปกติ”
“...”
เสิ่นเยว่ชวนรวบเอกสารทั้งหมดและเดินเข้าไปในห้องทำงานเพื่อจัดการสะสางงานแทนลู่เป๋าเหยียน เขาทำงานพลางบ่นในใจ
ลู่เป๋าเหยียนได้สาวในฝันมาอยู่ในอ้อมกอดจนถึงขนาดทิ้งบริษัทซูอี้เฉิงเองก็หารักแท้เจอแล้ว ส่วนเขา...บ้าชะมัด...เขาก็อยากมีความรักเหมือนกันนะจะได้หาเื่โดดงานแบบนี้ได้บ้าง!
เฮ้อหนุ่มโสดรูปหล่อหน้าตาดีมีเงินใช้แบบเขา ทำไมไม่มีสาวคนไหนหันมาสนใจบ้างนะ?
คิดแล้วชีวิตของเขามันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายเหลือเกิน
ในชั่วพริบตาเวลาเที่ยงก็มาถึง
ถึงูเี่อันจะชอบนอนลากยาวแค่ไหนเธอก็ไม่เคยนอนยาวถึงขนาดนี้ หลังตื่นขึ้นมามองนาฬิกาเธอจึงอดใไม่ได้
ทว่าลู่เป๋าเหยียน...เขายังหลับอยู่เลย
เธอคิดอะไรดีๆ ออกจึงพลิกตัวนอนคว่ำพลางเท้าคางจ้องหน้าลู่เป๋าเหยียน
คงเพราะได้นอนชดเชยอย่างเต็มที่ความอ่อนเพลียจึงได้จางหายไปจากใบหน้าของเขาแล้วตอนนี้เธอจึงเห็นแค่โครงหน้าได้รูปอันหล่อเหลาและผิวนวลเนียนเสียจนผู้หญิงต้องอิจฉาของเขาเท่านั้น
นี่เขาไม่มีรูขุมขนบ้างหรือยังไง!
ูเี่อันไม่อยากจะเชื่อจึงเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อพิจารณาอย่างละเอียดเธอจะต้องหาข้อบกพร่องสักอย่างให้ได้
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็ลืมตาขึ้นมา
ูเี่อันใแทบสะดุ้งเธอกำลังจะลุกขึ้นแต่กลับถูกลู่เป๋าเหยียนรั้งเอาไว้เพราะไม่อาจฝืนพละกำลังของเขาได้ เธอจึงล้มลงไปทับเขาเต็มๆ
ตอนนี้เลยเป็เหมือนว่าเธอขึ้นไปนอนบนตัวเองอย่างสมัครใจไม่มีผิด
เอ่อ...มันดูจะ...
ูเี่อันยิ้มแห้งเธอลองพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแต่ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆเธอส่งยิ้มให้เขาอย่างเอาใจจนหน้าเกร็งไปหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
“ฉันต้องไปทำงานตอนบ่ายโมงตรงนะ”เธอจึงต้องใช้ไม้แข็ง
“อีกอย่างถ้าตอนบ่ายนายยังไม่ไปบริษัทอีก เครือลู่คงไม่ล้มละลายก็จริงแต่พวกพนักงานจะคิดยังไง?”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ปล่อยใหู้เี่อันเปลี่ยนเื่
“เมื่อกี้เธอดูอะไรอยู่?”เขาใช้มือเรียวยาวรัดเอวเธอไว้แน่นขณะถาม
จะให้ตีเนียนต่อก็คงไม่ไหวูเี่อันจึงตอบตามจริง
“ดูนายไง”
ลู่เป๋าเหยียนเหมือนจะพอใจกับคำตอบเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย
“นอนไปแค่ครึ่งวันเธอก็คิดถึงฉันขนาดนี้แล้วเหรอ?”
ูเี่อันอดขำไม่ได้เธอหยิบขนตาที่ติดอยู่บนหางตาของเขาออกมา
“เพราะขนตานายร่วงมาติดอยู่ตรงนี้ต่างหาก”
ูเี่อันยกมันขึ้นมาดูอย่างละเอียด
“ไม่เลวนี่ขนตานายเริ่มยาวพอๆ กับของฉันแล้วนะ”
“…”
ูเี่อันยิ้มก่อนจะวางขนตาลงบนมือเขา
“ฉันไปแปรงฟันก่อนนะ”
เมื่อเดินออกจากห้องนอนเธอก็มองไปรอบๆ อพาร์ตเมนต์อย่างสำรวจ
ที่นี่กว้างขวางแต่มีห้องนอนแค่ห้องเดียว ห้องครัวกับห้องรับแขกอยู่ติดกัน ซึ่งเป็ครัวแบบเปิดการตกแต่งภายในเป็สไตล์ยุโรปเรียบง่ายดูโมเดิร์นเหมาะสำหรับให้ลู่เป๋าเหยียนมาพักเป็ครั้งคราว
ูเี่อันเดินไปที่หน้าห้องก่อนจะเปิดตู้รองเท้าออกมาจึงได้เห็นรองเท้าแตะสำหรับผู้หญิงสีชมพูเบอร์ 37 คู่หนึ่งวางอยู่แต่ขนาดรองเท้าเธอคือเบอร์ 36...
เธอลังเลว่าจะสวมมันดีหรือไม่เธอกำลังข้องใจ เพราะที่นี่ดูอย่างไรก็เหมือนสถานที่ที่ลู่เป๋าเหยียนเอาไว้นอนพักชั่วคราวเวลาี้เีกลับบ้านเท่านั้นแล้วทำไมถึงมีรองเท้าแตะของผู้หญิงอยู่ล่ะ?
ว่าแล้วเธอจึงสวมมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำที่ชั้นวางมีอุปกรณ์อาบน้ำสำหรับผู้ชายวางเรียงอยู่ที่อ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟันไฟฟ้าอยู่หนึ่งด้าม ซึ่งเป็แบบเดียวกับที่ลู่เป๋าเหยียนใช้อยู่เป็ประจำ
นอกจากรองเท้าแตะคู่นี้แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีก
ูเี่อันถอนหายใจอย่างโล่งใจนี่ถ้าเธอพบร่องรอยอะไรเพิ่มเติม เธอเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
ตอนนั้นเองลู่เป๋าเหยียนก็โผล่มาที่หน้าประตูห้องน้ำ
“มีแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ในลิ้นชักซ้ายมือแต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวสำรอง เธอจะใช้ของฉันหรือจะเรียกคนให้เอามาให้?”
ูเี่อันมองเวลาที่กระชั้นชิดก่อนตอบ
“ฉะ...ฉันใช้ของนายแล้วกัน”ถึงอย่างไรมันก็เป็ผ้าเช็ดตัวที่ซักแห้งเอาไว้แล้ว
“อืม”ลู่เป๋าเหยียนตอบรับก่อนจะเดินจากไปูเี่อันได้ยินเสียงเขาโทรหาสักคนให้เอาอาหารเที่ยงหรืออะไรสักอย่างมาให้เธอปิดล็อกประตูห้องน้ำก่อนจะอาบน้ำแปรงฟันอย่างง่ายๆเมื่อออกมาก็เห็นอาหารเที่ยงถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะแล้วเรียบร้อย
ลู่เป๋าเหยียนมือหนึ่งยืนถือเนกไทอีกมือถือโทรศัพท์พลางคุยสั่งงาน เมื่อเห็นเธอออกมาแล้ว เขาจึงยื่นเนกไทมาให้
พวกเธอใช้ชีวิตร่วมกันมาได้สักระยะแล้วูเี่อันจึงรับมันมาอย่างเข้าใจ และเริ่มลงมือผูกเนกไทให้เขา
แต่เธอสงสัยอยู่อย่างหนึ่งทำไม่นี้ลู่เป๋าเหยียนชอบให้เธอผูกเนกไทให้เขาจัง?
