วันส่งท้ายปี สิ้นสุดฤดูหนาว เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ก่อนวันปีใหม่ ตีกลองขับไล่ภูตผีโรคภัย ขับไล่สิ่งไม่ดี
เห็นได้ว่าวันส่งท้ายปีเป็วันที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวบ้าน วันนี้ไม่เพียงต้องขับไล่สิ่งอัปมงคล แต่ยังต้องติดกระดาษประดับหน้าต่าง ติดคำโคลงคู่ ติดเทพเฝ้าประตู จุดธูปแด่ทวยเทพและบรรพบุรุษ
หงป๋อกับหงหนิงรับผิดชอบติดคำโคลงคู่ ลายมือหงป๋อสวยเกินคาด ไม่ด้อยไปกว่าจวี่เหรินซิ่วไฉที่เรียนหนังสือท่องกวีเลย
ลายมือหงหนิงด้อยกว่าเล็กน้อย หลินหวั่นชิวจึงให้เขาเขียนแปะที่โรงเลี้ยงสัตว์กับห้องครัวแทน
สองพี่น้องช่วยกันเขียนคำโคลงคู่ หลินหวั่นชิวนั่งตัดกระดาษติดหน้าต่างในห้องโถง นางเคยเรียนวาดรูป รู้สึกสนใจในศิลปะดั้งเดิมอย่างการตัดกระดาษมากเช่นกัน ในอดีตจึงเคยไปเรียนกับจิตรกรเก่าในชนบท
จังหวะที่เจียงหงหย่วนเดินผ่านมา เห็นนางพับกระดาษแดงเป็ทบๆ แล้วใช้กรรไกรตัดอย่างคล่องแคล่ว เพียงครู่เดียว ภาพปลามงคลก็เสร็จสมบูรณ์
ภาพห้ามงคลที่เป็ค้างคาวห้าตัว ภาพอาชาที่มีลิงน้อยซุกซนน่ารักขี่หลัง ภาพกิ่งเหมยแดงที่มีนกกางเขนหันหัวส่งเสียงร้อง ภาพทุกสิ่งสมปรารถนาที่เป็กองลูกพลับ…ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยมือน้อยดุจหยกขาว
เขาอดจินตนาการถึงภาพที่มือน้อยคู่นี้กุมกระบี่ที่ออกจากฝักของอย่างคล่องแคล่วเช่นกันไม่ได้ มันคง…
ชายฉกรรจ์รู้สึกคอแห้งขึ้นมา เขากลืนน้ำลาย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง กระสับกระส่ายเล็กน้อย
เขารีบไปหยิบธนูที่วางริมกำแพง เดินออกจากบ้านขึ้นเขาไปล่ากระต่าย
เมื่อชายฉกรรจ์ล่าไก่ป่าและกระต่ายกลับมาได้อย่างละสองสามตัว หลินหวั่นชิวก็ตัดกระดาษเสร็จกองโต
“หย่วนเกอ พวกเราไปแปะกระดาษประดับหน้าต่างกันเถิด!” หลินหวั่นชิวพอใจกับฝีมือตัวเองมาก ไม่ได้ทำมานาน ฝีมือยังไม่ตก ดีแล้ว
“อืม” ตอนแรกเจียงหงหย่วนจะปฏิเสธ แต่เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาวันที่เขาหลบภรรยาตัวน้อยก็กลัวทันที
น่าเหลือเชื่อที่บุรุษผู้ซึ่งไม่กลัวแม้แต่เสือจะกลัวภรรยา
บ่งบอกได้ว่าภรรยาน่ากลัวยิ่งกว่าเสือ
ชายฉกรรจ์มอบสัตว์ที่ล่ามาได้ให้เจียงเป่า หลินหวั่นชิวมองแล้วคิดในใจว่าูเาด้านหลังเป็สวนหลังบ้านของพวกนางโดยแท้ ประหนึ่งเลี้ยงกระต่ายเลี้ยงไก่ป่าไว้เอง อยากกินก็ขึ้นเขาไปจับ ไม่มีครั้งใดที่เขากลับมามือเปล่า ทั้งยังใช้เวลาไม่มาก
หลินหวั่นชิวย่อมไม่คิดว่ากระต่ายป่ากับไก่ป่าจับง่าย เพราะหากจับง่ายจริง ในหมู่บ้านคงไม่มีครอบครัวที่ทั้งปีไม่ได้กินเนื้อเยอะแยะขนาดนั้น
สามีนางเก่งกาจ
ชายฉกรรจ์กลับมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า
งานที่ใช้แรงงานย่อมต้องให้เขาทำ หลินหวั่นชิวคอยสั่งอยู่ด้านข้าง สั่งให้ขยับขึ้นลงซ้ายขวา
เจียงหงป๋อมองคนทั้งคู่จากไกลๆ เขารู้สึกว่าแผ่นหลังของทั้งคู่เป็เหมือนภาพวาด ภาพที่ไม่มีผู้ใดแทรกเข้าไปได้
ต้าเกอได้แต่งงานกับสตรีเช่นพี่สะใภ้ เขารู้สึกดีใจแทนต้าเกอ
ดีใจจริงๆ
“เอ้อร์เกอ พวกเราไปติดคำโคลงคู่กันเถิด!” หงหนิงร้องเรียกเขา เจียงหงป๋อหยุดคิด หยิบของตามหงหนิงออกไป
“หย่วนเกอ ท่านอยากกินกระต่ายแบบใด?” หลินหวั่นชิวยืนมองเจียงหงหย่วนทำงานอยู่ด้านข้างพร้อมถาม
ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงตระหง่าน จะบอกว่าบึกบึนก็ไม่ใช่ เพราะรูปร่างเขาค่อนข้างสมส่วน เป็รูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ไม่อ้วนไปหรือผอมไป แต่ดูตัวใหญ่เพราะสูง
เขาสวมเสื้อยิงธนูสีเทาบางๆ ยืนตัวตรงหน้าหน้าต่างราวกับต้นสน
แสงแดดลอดผ่านชายคาลงมาที่หน้าเขาพอดี โครงหน้าเขาได้รูปมาก จมูกโด่ง ดวงตากำลังดี ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กเกินไป มีประกาย ขนตายาวราวกับผ้าม่านที่ลู่ลง
ริมฝีปากเขาเม้มเบาๆ สันกรามก็ดูเ็าแต่…ยั่วยวน
ความรักทำให้โลกกลายเป็สีชมพู แม้แต่แผลเป็บนหน้าก็ยังมีเสน่ห์ยั่วยวนสำหรับหลินหวั่นชิว
“ให้เ้าตัดสินใจว่าจะกินกระต่ายอย่างไร แต่ตัวเ้า…ข้าตัดสินใจเอง” ชายฉกรรจ์จดจ่อกับงานในมือ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เสียงเล็กทุ้มต่ำมีแรงดึงดูดเปล่งออกจากปาก
หลินหวั่นชิวผงะเล็กน้อย กินกระต่าย นางตัดสินใจ แต่กินนาง…ชายฉกรรจ์ตัดสินใจ…
คนทะลึ่ง!
เอะอะก็ลากเข้าเื่ลามก!
มิกล้าแหย่ มิกล้าแหย่
หลินหวั่นชิวเงียบปากไว้ดีกว่า
เจียงหงหย่วนติดกระดาษเรียบร้อยแล้วถอยออกไปมองอย่างตั้งใจ พอใจกับผลงานมาก
วันส่งท้ายปีปีก่อน พวกเขาสามพี่น้องยังอยู่ในบ้านซอมซ่ออยู่เลย
กินเหยื่อที่ล่าได้จากูเา ส่วนกระดาษแดงติดหน้าต่าง…เหอะๆ นั่นเป็สิ่งที่อยู่ห่างไกลจากพวกเขายิ่งนัก
ผ่านมาแค่ปีเดียว…นึกย้อนถึงวันเวลาในอดีตแล้ว ชีวิตตอนนี้ราวกับความฝัน
หากเป็ความฝัน เขาหวังว่าจะไม่ตื่นชั่วชีวิต
“จะกินกระต่ายแบบใด?” เจียงหงหย่วนหันไปหาหลินหวั่นชิว เห็นนางพองแก้มเหมือนกำลังโกรธก็ใจอ่อนระทวย อดใจยื่นมือไปยีหัวนางไม่ได้ จากนั้นก้มลงหอมแก้มกับมุมปากนางเบาๆ
“อยู่ด้านนอกนะ!” หลินหวั่นชิวรีบยกมือผลักเขา แต่ไม่ว่านางจะออกแรงผลักหน้าอกเขาอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อน กลายเป็ว่าถูกชายฉกรรจ์จับข้อมือไม่ให้หนีเสียเอง
“เช่นนั้นก็เข้าด้านใน!” ชายฉกรรจ์พูดจบก็โค้งตัวลงอุ้มนางเข้าห้องปิดประตู
ห้องนี้ไม่ได้ใช้ทำกระไร เก็บของจิปาถะ
เขาวางภรรยาตัวน้อยลง มือหนึ่งดันกำแพง อีกมือจับคางหลินหวั่นชิวเชยขึ้นและประกบริมฝีปากลงไป
เขาอยากทำมาั้แ่เช้าแล้ว
อยากทำตลอดเวลา
คะนึงถึงนาง
อยากจูบนาง
อยากเรียกหานาง
นางเป็ยาพิษของเขา ลิ้มลองไปแล้วไม่มีทางขจัดตลอดชีวิต
“ภรรยาจ๋า…ปีใหม่นี้เ้าก็อายุสิบห้าแล้ว” ผ่านไปสักพัก เจียงหงหย่วนผละจากริมฝีปากนาง ก้มหน้าพึมพำข้างหูนางเบาๆ
“ยังไม่เต็มก็ไม่นับ” หลินหวั่นชิวรีบพูด
ชายฉกรรจ์หัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะมีความจนใจแต่ก็อดกลั้น
จากนั้นติ่งหูนางก็ถูกชายฉกรรจ์ขบ ทั้งยังใช้ฟันเสียดสีไปมา
“เจ็บ…” หลินหวั่นชิวตีเพียงสองครั้งเขาก็ยอมปล่อย ร่างกายชายฉกรรจ์แข็งราวกับแผ่นเหล็ก ตีแล้วเจ็บมือ
“เ้าจะให้ข้าอัดอั้นตาย” ชายฉกรรจ์ปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจ นิ้วลูบรอยฟันบนติ่งหูที่แดงก่ำ
นิ้วมือเขาเรียวยาว รอยด้านที่นิ้วมือเสียดสีไปมาอาการขนลุกซู่แพร่กระจายไปทั้งตัวประหนึ่งต้องมนตร์
หลินหวั่นชิวอ่อนระทวย
ท่านนั่นแหละที่จะฆ่าข้า!
นางพูดในใจ
ตอนนี้นางไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะทนได้นานเพียงใด…หรือว่าจะ…หาวิธีคุมกำเนิดก่อนดี?
แต่คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้
ช่างเถิด ทนไปก่อนแล้วกัน
หลินหวั่นชิวคิดเห็นใจตัวเอง เหลือบมองชายฉกรรจ์อย่างเห็นใจเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้