จากนั้นต่อด้วยตำรา ‘รวมสุดยอดตำรับ’ ฉบับใหม่กับนิทานภาพสำหรับเด็ก
หลินหวั่นชิววาดออกมาเสร็จก็โยนเข้าไปทำซ้ำในเสียนอวี๋ทันที ผลิตสินค้าให้เพียงพอสำหรับขายสามเดือนออกมาก่อน เพราะไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลังจากนี้จะมีเวลามาทำของพวกนี้หรือไม่
จากนั้นไปรับภาพวาดจากพวกไต้หงเฟย ไต้หงเฟยมีไหวพริบดีมาก เขารู้สึกว่าแทนที่จะแนะนำผู้อื่นให้หลินหวั่นชิว พวกเขาสู้รับซื้อในสถานศึกษาเองเสียดีกว่า ทุกเดือนรับซื้อไม่มาก แค่สิบถึงยี่สิบชิ้นเป็พอ ขายต่อให้เถ้าแก่หลินแล้วจะได้เงินส่วนต่าง ขณะเดียวกันก็ไม่เพิ่มภาระให้เถ้าแก่หลินมากเกินไป
เขาไปคนริเริ่มความคิดนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากสี่คนที่เหลือจึงลงมือทำ
เพราะเื่นี้จะให้ทำแค่คนใดคนหนึ่งไม่ได้ เพราะหลินหวั่นชิวอนุญาตให้พวกเขาแนะนำเพื่อนได้เพียงหนึ่งคน หากมีคนใดไม่ร่วมด้วย เช่นนั้นคนนั้นอาจพาคนไปขายภาพเขียนให้เถ้าแก่หลิน เมื่อนั้นคนผู้นั้นรู้ว่าพวกไต้หงเฟยกำลังกินเงินส่วนต่าง หากเื่นี้แพร่ไปถึงสถานศึกษา ชื่อเสียงของพวกเขาคงไม่เหลือ
บัณฑิตให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากกว่าสิ่งอื่นใด หากชื่อเสียงถูกทำลาย อนาคตคงอยู่ยาก
ครอบครัวของพวกเขาทั้งห้าคนยากจน ทุกคนจึงถือว่าลงเรือลำเดียวกันหมด
ดังนั้น แม้จะมีคนไม่เห็นด้วย แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนเห็นด้วยมากกว่าครึ่งก็ไม่กล้าปฏิเสธ
พวกเขามาระบายสีให้เถ้าแก่หลินด้วยกัน หากคนอื่นเข้าร่วมแต่ตัวเองไม่ร่วม…เช่นนั้นต้องถูกขับไล่และไม่พอใจเป็แน่
ขัดลาภผู้อื่นก็เหมือนฆ่าบุพการี
หลินหวั่นชิวไม่ว่ากระไรพวกเขาอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม นางค้นพบว่าไต้หงเฟยตั้งเงื่อนไขไว้สูงมาก ภาพวาดภาพเขียนที่เด็กแต่ละคนแนะนำมาต้องผ่านสายตาเขาก่อน และภาพที่เขาเลือกออกมาล้วนแต่มีคุณภาพสูงทั้งสิ้น
เพราะมาจากสถานศึกษาเดียวกัน ภาพวาดภาพเขียนที่พวกเขารับมาจึงยังไม่ได้จ่ายเงิน บอกแค่่ราคาคร่าวๆ หากอีกฝ่ายยอมรับก็จะนำมาให้หลินหวั่นชิว รอหลินหวั่นชิวคิดบัญชีให้พวกเขาจึงนำกลับไปจ่าย
นับว่าเป็การจับเสือมือเปล่าเช่นกัน
แต่เด็กๆ ทั้งหลายก็ค่อนข้างมีหลักการ ไม่กดราคา หักราคาออกไปแค่หนึ่งส่วน
ทว่าทั้งที่เป็เช่นนี้ก็ยังทำให้เหล่านักเรียนในสถานศึกษาที่ขายภาพวาดภาพเขียนดีใจมาก เพราะราคาที่พวกเขาได้สูงกว่าราคาที่นำไปขายให้ร้านหนังสือเยอะ
ไต้หงเฟยบอกคนอื่นว่าเขาบังเอิญรู้จักจวี่เหรินเฒ่าคนหนึ่งจึงช่วยจวี่เหรินหาของพวกนี้ ท่านผู้าุโจะได้ช่วยชี้แนะความเรียงของตัวเอง
ห้ามพูดเื่เงินเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะโดนดูถูกว่าละโมบ
เนื่องจากราคาที่ไต้หงเฟยให้สูงกว่าร้านหนังสือ นักเรียนทั้งหลายย่อมไม่สงสัยเขา
ทั้งรับซื้อภาพ ทั้งสอนเด็กพวกนี้จับคู่สีหนังสือภาพเล่มอื่น บวกกับมีงานต่างๆ หลินหวั่นชิวหัวหมุนเป็ลูกข่าง
แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังดี
ระหว่างนี้ เจียงหงหย่วนไปพบหลิวเฉียงกับหวงจ้งซานที่หัวเมือง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า น้องเจียง เ้าสบายดีหรือไม่?” ภายในห้องส่วนตัวในหอสุรา หวงจ้งซานลุกขึ้นพาเจียงหงหย่วนเข้าไปนั่งและตบไหล่เขาหัวเราะเสียงดัง
ไอ๊หยา…คงตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่หมดแล้ว
ผู้ใดจะไปคิดว่าชายฉกรรจ์ไม่ค่อยพูดผู้นี้จะคิดค้นการละเล่นเยี่ยมยอดอย่างไพ่นกกระจอกออกมา ช่วยให้เขาได้หน้าไปด้วย!
เขาถือหุ้นบ่อนซิงหลงสาขาอำเภอและหัวเมือง ด้วยเหตุนี้จึงใช้เส้นสายดันเจียงหงหย่วนเข้าไปเป็หัวหน้าผู้คุมบ่อน
แต่หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วยที่ให้เจียงหงหย่วนเข้ามา
เพราะมีหลายคนที่อยากดันคนของตัวเองเข้ามาในบ่อนซิงหลง
ว่ากันตามตรง เดิมทีเขาก็กังวลเช่นกันว่าเจียงหงหย่วนจะอยู่รอดในบ่อนได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงกำชับเหลียงหู่ให้ช่วยดูแลเขาโดยเฉพาะ ต้องสอนงานจนเก่งแล้วเท่านั้นจึงจะย้ายมาหัวเมืองได้
นึกไม่ถึงว่าเจียงหงหย่วนจะทำให้เขาต้องประหลาดใจถึงเพียงนี้
ไพ่นกกระจอกทำให้เถ้าแก่ที่อยู่เื้ัได้รับรางวัลจากฮ่องเต้และไทเฮา นี่หมายถึงว่าอย่างไร?
หมายถึงเกียรติยศสูงสุด ตอนนี้ คนที่เคยสงสัยเขา ตำหนิว่าเขายัดคนเข้ามาตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของบ่อนพากันเงียบปากหมด
ทำถึงขนาดนี้ ยังจะมีผู้ใดไม่เข้าใจความหมายของไพ่นกกระจอกอีกหรือ?
เบื้องบนมอบไพ่นกกระจอกที่ทำจากไม้ไผ่ลงมาชุดหนึ่ง เขาลองเล่นดูแล้วเช่นกัน บอกตามตรงว่าเล่นแล้วแทบไม่อยากลุกจากโต๊ะ
ต้องหลั่งเืสุดใจขาดดิ้นจนถึงที่สุด(วิธีเล่นไพ่นกกระจอกในเสฉวนมีผู้เล่นโต๊ะละสี่คน ต้องชนะทั้งสามคนก่อนจึงจะเริ่มตาถัดไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่าหลั่งเืสุดใจขาดดิ้นจนถึงที่สุด)…ให้ตาย เล่นแล้วเสพติดมาก
“ไพ่นกกระจอก…เ้าคิดออกมาได้อย่างไร?” เขาดึงเจียงหงหย่วนไปนั่ง รินชาให้พร้อมกับถามด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“หลังจากทำงานในบ่อนได้สักพัก เห็นแขกเล่นไพ่ผายจิ่ว[1]ก็คิดกับตัวเองว่าเปลี่ยนวิธีเล่นได้หรือไม่ ขนาดแผงขายซาลาเปาแถวประตูเมืองยังมีไส้ขายหลายแบบ เช่นนั้นไพ่ผายจิ่วก็ต้องเปลี่ยนลวดลายได้เช่นกัน… ท่านก็รู้ว่าหากไม่ได้ออกไปทวงหนี้ข้าก็อยู่แต่ในบ่อน เมื่อไม่มีงานกระไรทำ สมองย่อมฟุ้งซ่าน…”
เจียงหงหย่วนเฉไฉไปเรื่อย ไพ่นกกระจอกเป็สิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง จะไม่ยอมเปิดโปงภรรยาตัวน้อยเด็ดขาด กลัวนางจะมีปัญหา ไม่เหมือนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนแบบเขาที่ไม่มีผู้ใดสนใจ
หวงจ้งซานได้ยินเช่นนี้ก็ชมเขาว่าภายนอกดูบุ่มบ่ามแต่กลับทำงานละเอียด… แฝงความละเอียดไว้ภายใต้ความหยาบ
ที่หยาบคือรูปลักษณ์ ที่ละเอียดคือความคิด
หลิวเฉียงยังไม่มา เจียงหงหย่วนคุยเื่ในบ่อนกับหวงจ้งซาน หวงจ้งซานบอกให้เขาไม่ต้องสนใจผลลัพธ์ที่ตามมา ขอแค่ไม่เกี่ยวโยงมาถึงคนในรายชื่อที่ให้เหลียงหู่ ที่เหลือจะวางอำนาจอย่างไรก็ทำไป
เขาเป็หัวหน้ามือปราบประจำหัวเมือง ย่อมรู้วิธีจัดการดีกว่าเจียงหงหย่วน เจียงหงหย่วนฟังอย่างตั้งใจ
เพราะมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตและถวายไพ่นกกระจอกจนตัวเองได้หน้า หวงจ้งซานจึงกระตือรือร้นต่อเจียงหงหย่วนมากกว่าครั้งที่แล้ว อยากถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้อีกฝ่าย
กระทั่งเมื่อหลิวเฉียงมา เขากลับไม่ได้มามือเปล่า แต่นำลูกสุนัขสองตัวมาให้เจียงหงหย่วนด้วย
“สุนัขพันธุ์นี้เรียกว่าชิงหลาง[2] เป็สุนัขที่พาเข้าสนามรบด้วย ดุร้ายซื่อสัตย์และฉลาด ข้าต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะได้มา” หลิวเฉียงให้ลูกน้องพาลูกสุนัขคู่หนึ่งมาให้เจียงหงหย่วนดูที่ห้องส่วนตัว เจียงหงหย่วนเป็นายพรานมานาน แค่เห็นรูปร่างกับดวงตาเป็ประกายของพวกมันก็รู้ว่าเป็ของดี ประสานมือให้หลิวเฉียง “ขอบคุณมากขอรับ!”
หลิวเฉียงส่ายมือให้ลูกน้องพาลูกสุนัขออกไปก่อน หัวเราะคำโตว่า “น้องเจียง ลูกเสือคู่นั้นที่เ้านำมาให้ครั้งก่อนช่วยข้าไว้ครั้งใหญ่ ทำให้ข้าได้หน้าต่อหน้าขุนนางสูงศักดิ์ ถือเสียว่าสุนัขนี่เป็ของขวัญขอบคุณจากข้า เ้าอย่าคิดจะจ่ายเงินข้าเชียวเล่า เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล!”
เจียงหงหย่วนรู้ว่าในค่ายทหารมีสุนัขพันธุ์ดี ด้วยเหตุนี้จึงเกริ่นกับหลิวเฉียนตอนนำลูกเสือไปส่ง บอกว่าจะเสียเงินซื้อ
“ได้ เช่นนั้นข้าขอรับไว้ด้วยความยินดีขอรับ!” เจียงหงหย่วนตอบอย่างเปิดเผยเช่นกัน
หลิวเฉียงโล่งใจ ดูท่าเ้าหมอนี่เข้าไปทำงานในบ่อนแล้วจะรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์มากขึ้น มิเช่นนั้นหากเป็เหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก ชายฉกรรจ์ผู้นี้จะจ่ายเงินให้เขาตามราคาจริงเป็แน่
เชิงอรรถ
[1] ไพ่ผายจิ่ว(牌九) ไพ่โดมิโน่แบบจีน
[2] ชิงหลาง(青狼) สุนัขพันธุ์จีน รูปร่างหน้าคล้ายพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ด