“ขอรับ” หลิงชวนรีบไปเอาพู่กันกับกระดาษมาส่งให้ซูิเยว่
ซูิเยว่ก็เขียนสูตรยาหนึ่งสูตรเพียงครู่เดียวแล้วส่งให้หลิงชวนและออกคำสั่ง
“สมุนไพรที่อยู่ในสูตรยาล้วนเป็ของที่ค่อนข้างหาง่าย แต่มีสมุนไพรแค่ไม่กี่อย่างที่ราคาแพงเอาเื่ แต่ดูจากความร่ำรวยของจวนพวกเ้าแล้วคงจะไม่มีปัญหาอะไรสินะ!”
“ยานี้ไม่ได้เอามารักษาดวงตา แต่เอามาให้องค์ชายสามอาบ สามวันต่อหนึ่งครั้ง ยิ่งแช่ยาแล้วฝังเข็มควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากข้าปรับสภาพร่างกายให้องค์ชายสามได้พอสมควรแล้ว ข้าก็จะดำเนินการรักษาขั้นต่อไปได้ ขั้นตอนการรักษาอาจต้องทำติดต่อกันค่อนข้างนาน”
“ขอรับ” หลิงชวนรับสูตรยามาแล้วพยักหน้าจริงจัง “คุณหนูซูมีอะไรจะสั่งเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ?”
ซูิเยว่ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “ต่อไปถ้าไม่เป็การรบกวน ข้าจะมาฝังเข็มให้องค์ชายสามทุกสามวัน ตอนนี้มีหลายจุดที่ข้ายังไม่วางใจให้คนอื่นทำ”
“ไม่มีปัญหาขอรับ” หลิงชวนรับคำ หากซูิเยว่ลงมือด้วยตัวเอง พวกเขานั้นยินดีมากแน่นอน “เช่นนั้นต่อไปข้าจะไปรับท่านที่จวนสกุลซูทุกๆ สามวันด้วยตัวเองนะขอรับ?”
“ไม่ต้องหรอก” ซูิเยว่ปฏิเสธโดยไม่คิด “เื่ที่ข้ารักษาดวงตาให้องค์ชายสาม อย่าให้ใครรู้ทั้งนั้น จะให้ใครรู้ว่าข้ารู้วิชาแพทย์ไม่ได้ ต่อไปทุกๆ สามวันหากไม่ติดอะไร ข้าก็จะไปรอเ้าที่หอเยว่เจียง ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปรวมตัวกันที่นั่น”
ถึงแม้หลิงชวนจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูิเยว่ถึงได้ทำเช่นนี้ แต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะถาม
รออยู่อีกครู่หนึ่ง เมื่อประมาณเวลาได้พอสมควรแล้ว ซูิเยว่ก็ไปตรวจสอบดวงตาของจี๋โม่หาน จากนั้นก็ดึงเข็มออก
“องค์ชายสาม ท่านลองลืมตาสักหน่อยเพคะ มีตรงไหนที่ไม่สบายหรือไม่?”
จี๋โม่หานนั่งตัวตรงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตอนที่มองจากด้านข้างเมื่อครู่ ซูิเยว่คิดว่าดวงตาของจี๋โม่หานนั้นงดงามมาก ตอนนี้ยิ่งพอมองจากด้านหน้าก็ยิ่งงดงามกว่าเดิม ดวงตาของเขาตี่และยาว หางตายกขึ้นเล็กน้อยให้ความรู้สึกว่าเข้าถึงยาก แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับยังคงไร้แววและไร้อารมณ์
ซูิเยว่ยกมือขึ้นมากดๆ ที่รอบดวงตาของจี๋โม่หาน “เป็อย่างไรบ้างเพคะ องค์ชายสาม มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่เพคะ?”
จี๋โม่หานยกยิ้มน้อยๆ “ไม่มี”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ” ซูิเยว่ดึงมือกลับไปแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
“สภาพดวงตาของท่านก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะแย่ ทำให้ลืมตานานไม่ได้และยังเ็ปมากอีกด้วย ในบางครั้งก็จะรู้สึกเจ็บจี๊ด ตอนนี้ข้าทำได้แค่ทำให้อาการดีขึ้นสักหน่อยก่อน”
จี๋โม่หานหลับตาลงอีกครั้ง มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่เป็ไร ลำบากเ้าแล้ว”
ซูิเยว่โบกมือไปมาพร้อมถอยหลังไปหลายก้าว แค่จี๋โม่หานยิ้มนางก็รับไม่ไหวแล้ว “องค์ชายสามเกรงใจไปแล้วเพคะ”
นางพูดไปก็หมุนตัวไปสั่งการหลิงชวน “ไปตักน้ำร้อนมาหนึ่งกะละมังและไปหาผ้าขนหนูหนึ่งผืนมาให้ข้า”
“ขอรับ”
เพียงครู่เดียวหลิงชวนก็กลับมา เขาวางกะละมังน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูตรงหน้าซูิเยว่
นางลองทดสอบอุณหภูมิน้ำซึ่งร้อนกำลังพอดี นางเอาผ้าขนหนูลงไปในกะละมังแล้วชุบน้ำให้ชื้น จากนั้นก็หยิบออกมาบิดให้แห้ง พับให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปตรงหน้าจี๋โม่หานแล้วพูดเสียงเบา “องค์ชายสามเพคะ รบกวนท่านผ่อนคลายแล้วเอนหลังเงยหน้าเล็กน้อยเพคะ”
เมื่อครู่นางตื่นเต้นถึงได้ไปเชยคางของจี๋โม่หาน แต่จะให้นางทำอีกครั้งก็คงไม่กล้าแล้ว
ครั้งนี้จี๋โม่หานกลับให้ความร่วมมือเป็อย่างมากด้วยการเอนไปด้านหลังแล้วเงยหน้าน้อยๆ ซูิเยว่เอาผ้าขนหนูร้อนไปวางไว้บนดวงตาของจี๋โม่หาน “องค์ชายสาม ข้าประคบร้อนให้ท่านนะเพคะ อาจจะทรมานเล็กน้อย อดทนหน่อยนะเพคะ”
จี๋โม่หานไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเรียบนิ่งมาก แม้แต่ความเ็ปเล็กน้อยก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ตอนที่ไม่มีใครพูดอะไรก็จะเงียบขึ้นมากเป็พิเศษ เหลือก็แค่เสียงแมลงที่ร้องอยู่ด้านนอกเรือน บรรยากาศจึงเงียบสงบเป็พิเศษ
“เ้ามารักษาดวงตาให้เปิ่นหวัง” จี๋โม่หานที่นั่งเงยหน้าอยู่ตรงเก้าอี้จู่ๆ ก็พูดออกมาทำลายความเงียบ “คิดค่าตอบแทนเป็อะไร?”
“หา?” ซูิเยว่ที่นั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจคำพูดของจี๋โม่หาน “องค์ชายสาม ข้าไม่ได้คิดที่จะเอาอะไรจากท่านเพคะ”
ซูิเยว่ตอบตามความจริง “องค์ชายสามช่วยข้ามาสองครั้งแล้ว บุญคุณนี้ไม่มีอะไรทดแทนได้ การรักษาดวงตาให้ท่านก็ถือว่าเป็การตอบแทนบุญคุณแล้วกันเพคะ”
ปกติแล้วนางไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ยิ่งกับจี๋โม่หานที่ไม่ได้สนิทอะไรกันนั้นก็อย่าพูดถึงเลย
จี๋โม่หานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่คิดจะเอาอะไรจากเปิ่นหวังเลยหรือ?”
ซูิเยว่เดินไปตรงหน้าจี๋โม่หานแล้วเอาผ้าขนหนูบนดวงตาของเขาออก จากนั้นก็ส่งให้หลิงชวนที่อยู่ด้านหลัง “ข้าไม่อยากได้อะไรจริงๆ เพคะ อย่างไรสมุนไพรที่จำเป็ต่อการรักษาก็ล้วนเป็ของที่พวกท่านเตรียมกันเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ก็ได้” จี๋โม่หานไม่ได้บีบบังคับนาง เขานั่งตัวตรงแล้วมองซูิเยว่ “หากวันไหนเ้า้าอะไรก็บอกเปิ่นหวังได้เลย”
ซูิเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตอบกลับ “ได้เพคะ”
อย่างไรตอนนี้จี๋โม่หานก็เป็ถึงองค์ชายสาม ฐานะของเขายังอยู่ในราชวงศ์ อำนาจจึงมากจนไม่อาจคาดเดาได้ แค่ลูกน้องที่อยู่ข้างกายสี่คน มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ยอดฝีมือ
ซูิเยว่พูดจบก็ปรายตามองเขา จากนั้นความสนใจก็ไปหยุดที่ขาของจี๋โม่หาน จากที่ได้ยินมาเขาเสียขาไปตอนาตงฉือ ตอนนี้ก็ยังรักษาไม่หาย หลายปีมานี้ก็นั่งอยู่บนรถเข็นมาโดยตลอด
ซูิเยว่คิดแล้วคิดอีก “องค์ชายสาม ให้ข้าตรวจขาท่านได้หรือไม่”
เมื่อนางพูดประโยคนี้จบ พวกหลิงชวนที่อยู่ในห้องต่างก็ชะงักไป แม้แต่จี๋โม่หานเองก็ชะงักไปด้วยก่อนจะเลิกคิ้วแล้วถามขึ้น “เ้าแน่ใจหรือ?”
ซูิเยว่ไม่เข้าใจประโยคนี้ของเขา แต่ก็ไม่ได้คิดมาก “ก็รักษาพร้อมกันไปเลยสิเพคะ ถึงข้าจะถนัดเื่พิษ วิชาแพทย์อาจไม่ได้เก่งกาจนัก แต่อย่างไรก็ยังอยู่ในสายวิชา”
แม้นางจะรู้ว่าความเป็ไปได้ในส่วนนี้จะน้อยมาก หากสามารถรักษาให้หายได้ก็คงรักษาไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยทิ้งไว้หลายสิบปีเช่นนี้
“ก็ได้” สีหน้าของจี๋โม่หานฉายแววอารมณ์ดีออกมา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ “เช่นนั้นก็รบกวนเ้าแล้ว”
ซูิเยว่ไม่รู้ว่าเื่นี้มีค่าอะไรให้ดีใจ แต่มีหรือที่นางจะคาดเดาความคิดของจี๋โม่หานได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นางยกกระโปรงขึ้นแล้วนั่งคุกเข่าลงไป
ตอนกลางคืนจี๋โม่หานสวมแค่ชุดตัวกลาง ดังนั้นจึงเห็นกล้ามเนื้อที่ติดกับผ้าขึ้นมารางๆ ทำให้มองออกว่าขาของเขานั้นยาวสมส่วน
ซูิเยว่พิจารณาบนๆ ล่างๆ แต่มือกลับค้างอยู่กลางอากาศ ในชั่วเวลานั้นไม่แน่ใจว่าควรลงมือจากตรงไหนก่อนถึงจะดี มันเหมือนกับว่านางกำลังแอบเอาเปรียบอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
นางกัดฟัน ไม่สนใจแล้ว ทุ่มสุดตัวไปเลยแล้วกัน
เมื่อคิดดังนั้น นางก็ลงมือทันที ขาข้างที่มีปัญหาคือขาขวา ดังนั้นนางจึงคว้าขาขวาของเขาไว้แล้วเริ่มลูบขึ้นลง
แม้จะมีผ้าคั่นอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ซูิเยว่ก็ยังรู้สึกถึงรูปขาที่อยู่ใต้ผ้าได้ เป็ขาที่เรียวยาวสมส่วนจริงๆ !
ซูิเยว่ลูบหน้าแข้งเสร็จก็เริ่มเคลื่อนไปที่ต้นขาของจี๋โม่หาน ตอนที่จะวางมือลงไปนางแอบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอคิดได้ว่าตอนนี้ตนก็คือหมอคนหนึ่ง เื่แค่นี้จะเป็เื่ใหญ่อะไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้