ค่ำคืนที่ราวกับม่านสีดำผืนใหญ่โอบล้อมูเาที่ห่างไกลและบ้านเรือนต่างถูกปกคลุมอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่เหลือไว้เพียงความมืดมิดอันกว้างใหญ่เคว้งคว้าง
มืดทะมึน
มืดมิดไปหมด
ค่ำคืนที่ไร้แสงและความอบอุ่นกระทั่งเสียงนกร้องและแมลงก็เงียบหายไป มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านยอดไม้สั่นไหวราวกับเสียงร้องแทบขาดใจอยู่ข้างหูราวกับเป็เสียงกรีดร้องที่ดังที่สุดในชีวิต
สายลมพัดผ่านลอดเข้ามาตามช่องหน้าต่างแสงเทียนและกระดาษบุตรงหน้าต่างถูกลมพัดดัง “ตึง ตึง”เหมือนเตือนให้รู้ว่าอีกไม่ช้าจะมีภัยพิบัติคืบคลานใกล้เข้ามา
ที่ด้านนอกเมืองซุ่นอานมีจวนมืดมนน่าสะพรึงกลัวอยู่หลังหนึ่ง ด้านในมีแสงไฟสลัวๆ
สถานที่แห่งนี้เป็ที่รับรองอันงดงามของจวนซุ่นอานไป๋ที่ถูกปล่อยทิ้งรกร้างมาหลายปีแต่ไม่นานกลับมีคนกลุ่มหนึ่งย้ายเข้ามา ทำให้ที่นี่ดูวุ่นวายไปหมดผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเข้าไปสอบถามถึงได้รู้ว่าฮูหยินของจวนซุ่นอานท้องได้สิบเดือน และตอนนี้เตรียมจะคลอดที่นี่
จวนซุ่นอานไป๋เป็ถึงจวนของเ้าเมืองไป๋คุนฮูหยินต้วนชิงิเป็ภรรยาของบุตรชายของไป๋หย่วนฮ่าว ในความเป็จริงต้วนชิงิควรจะรอคลอดที่จวนซุ่นอานไป๋ถึงจะถูกทำไมถึงมาคลอดที่ห่างไกลเช่นนี้ ?
ผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็คาดเดากันไปต่างๆนานาว่า ฮูหยินคนนี้อาจจะไม่ได้เป็ที่โปรดปราน จึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ?
ไม่ว่าคนเ่าั้จะทายกันอย่างไรภายในจวนแห่งนี้ต่างก็เริ่มทำงานตามที่แบ่งไว้
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมภายในจวนมีเพียงห้องที่อยู่ด้านหลังที่มีแสงไฟลอดออกมา ผู้คนวิ่งพลุกพล่านดูท่าฮูหยินคงใกล้จะคลอดแล้ว
ได้ยินเสียงประตูไม้เปิดออกดังเอี๊ยด มีคนเปิดประตูและยกอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยเืออกมา
ประตูไม้ที่แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรบรรจงถูกเปิดออกแล้วก็ปิดลงทำให้กลิ่นคาวเือยู่คละคลุ้งไปทั่วห้อง
เื
เืจำนวนมากไหลราวกับงูน้อยที่เลื้อยออกมาจากฉากกั้นลมรูปทิวทัศน์ูเาแม่น้ำ ทำให้พื้นอิฐที่เก่าแก่เปียกชื้นจนส่งผลให้เกิดกลิ่นคาวแรงและกระจายเต็มไปทั้งห้องอย่างรวดเร็ว
สาวใช้ในห้องทั้งหมดต่างพากันออกจากห้องตามสัญญาณมือลับๆและประตูไม้ที่หนักอึ้งก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ภายในห้องที่ว่างเปล่าเหลือเพียงฮูหยินที่นอนอยู่บนเตียง แม่นมและสาวใช้ที่หน้าตาบึ้งตึงอีกคนเดินเข้ามาใกล้
เสียงที่อ่อนแรงฟังดูร้อนรนดังมาจากฉากกั้นด้านหลัง “แม่นมเถียน เป็… คุณชาย หรือ คุณหนู... เร็วเข้ารีบอุ้มมาให้ข้าดู”
แสงไฟสลัวสีเหลืองนวลทำให้มองออกว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนั้นอายุราวยี่สิบปีมีดวงตาและคิ้วเรียวงามละเมียดละไมราวกับภาพวาดข้อบกพร่องเดียวที่มีคือสีผิวดำคล้ำ ไม่ได้ขาวผุดผ่องดั่งคนทั่วไปทว่าในความบกพร่อง นางกลับมีดวงตาที่แวววาวคู่หนึ่งมาทดแทน ดวงตาบนใบหน้าคู่นั้นเหมือนไข่มุกในสายธารายามได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวราวกับแสงอาทิตย์ส่องประกายนุ่มนวลและอ่อนโยน
นางคือต้วนชิงิฮูหยินของคุณชายไป๋หย่วนฮ่าวแห่งจวนซุ่นอานจือ เนื่องจากอยู่ๆก็เกิดโรคระบาดขึ้นภายในจวน ทำให้ต้วนชิงิซึ่งใกล้ถึงกำหนดคลอด จำต้องออกมารอคลอดอยู่ในจวนที่ห่างไกลและตอนนี้นางก็เพิ่งได้ให้กำเนิด
เมื่อได้ยินคำถามของต้วนชิงิใบหน้าของแม่นมเถียนก็ปรากฏให้เห็นถึงการหยามเหยียด คำพูดของแม่นมก็ดูถากถางภายในห้องที่ว่างเปล่าทำให้คนรู้สึกถึงการถูกเหยียดหยาม ได้ยินเสียงตอบอย่างเ็าว่า “เรียนฮูหยินใหญ่เป็บุตรชายเ้าค่ะ”
เสียงตอบของแม่นมเถียนเป็เหมือนเสียงของเครื่องจักร ภายใต้แสงที่ถูกลมพัดเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดทำให้เห็นถึงใบหน้าของแม่นมที่ปรากฏรอยย่นไปทั่ว น่าหวาดกลัวเวลาได้ยิน
เนื่องจากการคลอดที่ไม่ราบรื่นต้วนชิงิจึงได้รับความทรมานตลอดสองวันหนึ่งคืนถึงให้กำเนิดลูกชายคนนี้ได้สำเร็จ พลังทั้งหมดในตัวของนางถูกใช้จนหมดสิ้น ร่างกาย่ล่างที่เกิดการฉีกขาดของอวัยวะทำให้เืไหลออกมาไม่หยุดจนเต็มไปทั่วเตียง แม้กระนั้นดวงตาลุกวาวคู่นั้นของนางยังจ้องมองแม่นมเถียนที่กำลังใช้ผ้าห่อตัวทารกอย่างไม่คลาดสายตา นางเอ่ยอย่างร้อนรนและวิงวอน
“แม่นมเถียน รีบอุ้มคุณชายน้อยมาให้ข้าดูหน่อยเถิด”
นี่เป็ลูกชายที่นางเกือบแลกมาด้วยชีวิตเขาเป็บุตรชายคนโตของฮูหยินในจวนซุ่นอานไป๋ และเป็ที่พึ่งทั้งชีวิตของนางตอนนี้ต้วนชิงิเป็แม่ที่ผ่านความเป็ความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงอยากจะอุ้มเืเนื้อเชื้อไขของนาง
เมื่อดูแววตาของต้วนชิงิจะเห็นถึงสายตาที่ไม่คิดถึงสิ่งใดนอกเสียจากบุตรชาย แม่นมเถียนเกิดใกอดเด็กทารกในมือไว้แน่นพร้อมกับก้าวถอยหลังไป
ทารกตัวน้อยแม้เพิ่งจะลืมตาดูโลกทว่าดวงตาเบิกโตนอนสงบเงียบอยู่ในอ้อมอกของแม่นมเถียนมองไปซ้ายทีขวาทีไม่ส่งเสียงดังร้องไห้แต่อย่างใด ใบหน้าเล็กๆ นั้น แลดูอารมณ์นิ่งสงบ
ต้วนชิงิมองไปยังแม่นมเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงท่าทางแปลกๆใจคอเกิดความรู้สึกไม่สู้ดี ไม่รู้ว่าจู่ๆ เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน นางพยุงร่างที่อ่อนแอขึ้นมาลุกจากเตียงเข้าไปหาทารกที่อยู่ในอ้อมอกแม่นมเถียน
เืยังคงไหลออกมาไม่หยุดแม้ต้วนชิงิจะร่างกายอ่อนแอ หน้ามืดตาลายแต่นางยังคงฝืนพยุงตัวไว้และพูดด้วยเสียงอ่อนแรงว่า “ลูก...ลูกของข้า!”
“นั่นเป็ลูกของข้า ทำไมเ้าไม่ส่งมาให้ข้า?”
แสงไฟสว่างวาบเข้ามากระทบใบหน้าแม่นมเถียนทำให้มองเห็นร่องรอยความเหี่ยวย่น ริมฝีปากหนาเผยออยู่หลายทีในที่สุดก็ยอมพูดออกมา
“ฮูหยินใหญ่ บ่าวขอให้ฮูหยินใหญ่รออีกสักครู่จะดีกว่า รออีกครู่เดียวฮูหยินรองจะมาถึงแล้ว...”
ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดของแม่นมเถียนทำให้ต้วนชิงิใออกมาอย่างเห็นได้ชัดลูกที่นางเพิ่งคลอดทำไมต้องรอให้ต้วนอวี้หรานมาด้วย?
ความสงสัยในใจยิ่งเพิ่มทวีคูณสีหน้าของต้วนชิงิซีดขาว เริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก “แม่นมเถียนเ้าช่วยอุ้มคุณชายมาให้ข้าดูก่อนเถิด...”
แม่นมเถียนทำเพียงปิดปากเงียบไม่ขยับและตอบรับแต่อย่างใด
อากาศในห้องเหมือนมีเมฆหนามากมากดไว้ทำให้หายใจแทบไม่ออก
“โอ้ เืเนื้อเชื้อไขที่คลอดออกมาเอง ช่างไม่เหมือนกันเสียจริง...” เสียงใสกังวานชัดเจนเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอกประตู เห็นเงาร่างหญิงสาวเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ
สตรีนางนั้นอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดใบหน้ามีเสน่ห์ราวกับดวงจันทร์ แววตาวาววับทำให้คนต่างคะนึงหาบนร่างกายสวมชุดอวิ๋นเยียนซานสีเหลืองนวลปักลายดอกกล้วยไม้อย่างประณีตกระโปรงพลิ้วดังสายน้ำ ปักลายผีเสื้อคู่สีเดียวกัน ชุดคลุมด้านนอกเป็ชุดผ้าลูกไม้บางเบาลายดอกโบตั๋นผมเกล้าสูงเสียบปิ่นลายกล้วยไม้ประดับมุกเป็ประกายระยิบระยับสะท้อนแสงไฟภายใต้เงามืด
หญิงสาวผู้นี้คือต้วนอวี้หรานน้องสาวของต้วนชิงิเป็น้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยา เวลานี้ต้วนอวี้หรานเดินเข้ามาในห้องช้าๆสายตาเต็มไปด้วยความสุข คิ้วงามโก่งสูง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันมองต้วนชิงิที่เืยังคงไหลไม่หยุดใบหน้าที่บำรุงดูแลอย่างดีของต้วนอวี้หรานเผยให้เห็นถึงความโหดร้ายและหยามเหยียด
“พี่สาวที่รักของข้า ข้ามาดูท่านแล้ว”
ต้วนชิงิกัดฟันพูดออกมา “เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ดวงตางดงามของต้วนอวี้หรานแฝงไปด้วยเลศนัยนางเลิกคิ้วขึ้น “เหอะๆ ข้าก็มาดูว่าพี่สาวข้าตายหรือยังน่ะสิ!”
หัวใจของต้วนชิงิเย็นะเืเหมือนน้ำที่จับตัวเป็น้ำแข็งและจมลงไปอีกครั้งก็มิปาน นางจึงเลิกคิ้วขึ้นและพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “เ้าสบายใจได้ต่อให้เ้าตายไปแล้ว ข้าก็จะยังอยู่”
ทันใดนั้นต้วนอวี้หรานที่มีรอยยิ้มหยาดเยิ้มปานดอกไม้ก็หัวเราะขึ้นมาจนน้ำตาซึม “หรือว่าพี่สาวของข้าไม่เคยได้ยินว่าคลอดลูกหนึ่งครั้งก็เหมือนใกล้เข้าประตูยมโลกประตูนี้ถ้าเข้าไปแล้วยากที่จะกลับออกมา แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าพี่สาวข้าจะโชคดีเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่?”
ใจของต้วนชิงิพลันรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา
ต้วนอวี้หรานพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงโเี้แลเหยียดหยาม “ไม่อย่างนั้น พี่สาวที่รักของข้าลองเดาสิว่าข้าจะปล่อยให้บุตรชายท่านพี่มีชีวิตอยู่ต่อไปดีหรือไม่?”
……
เมื่อมองต้วนชิงิที่เต็มไปด้วยความเ็ปทรมานอยู่บนเตียง สายตาที่มองไปยังหน้าประตูด้วยความหวัง ต้วนอวี้หรานกลับหัวเราะเสียงดังสะใจ“พี่สาว ท่านอย่าได้คิดว่าท่านพี่จะมาช่วย...ให้ข้าบอกความลับแก่ท่านดีหรือไม่ ท่านพี่อยู่นอกประตูนี้เองอยากจะพบเขาหรือไม่เล่า?”
คำพูดของต้วนอวี้หรานเต็มไปด้วยความอำมหิตเืเย็น ราวกับว่านางรู้ว่าท่านพี่เป็ความหวังเดียวของต้วนชิงิ ในใจของนางมีเพียงความหวังเดียวเท่านั้น ท่านพี่มาช่วยแล้วหรือ?