‘ฉันเป็...เมีย...ที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้เสียชีวิตค่ะ และนี่ค่ะเอกสารการจดทะเบียนสมรส’
คำพูดพร้อมกับใบเอกสารที่ยื่นไปต่อหน้าเ้าหน้าที่พยาบาล เปรียบเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมายังกลางศีรษะของฉัน อีกทั้งสายตาคู่นั้นที่แอบส่งมาเย้ยหยัน ยิ่งทำให้ฉันที่แทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ั้แ่ต้นถึงกับทรุดเข่าลงไปแทบจะในทันที ก่อนที่ตัวเองจะโชคดีที่ยังมีป้านีพุ่งตัวมาโอบประคองช่วยฉันไม่ให้ล้มลงไปได้ทัน...
'มะ...ไม่จริง' ฉันพึมพำเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
'เป็ไปไม่ได้ พ่อหนูไม่มีวันจดทะเบียนสมรสกับคนอย่างอายุพินแน่นอน เอกสารนี้มันต้องเป็ของปลอมแน่ ๆ ฮึก...ฮึก...' หัวทุยที่ส่ายไปมาอย่างไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ยิ่งทำให้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าได้ใจ
'อ๊ะ...นี่พ่อของเธอไม่ได้บอกหรอจ๊ะว่าเขาจดทะเบียนกับฉันน่ะ อะนี่...ถ้าไม่เชื่อก็ดูให้เต็มตาซะนะ' น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสะใจถูกพ่นออกมาพร้อมกับหลักฐานที่เป็ใบทะเบียนสมรสยื่นมาตรงหน้าของฉัน
และคำพูดกับเอกสารตรงหน้าก็เป็เหมือนไม้หน้าสามที่ตีแสกความจริงลงมากลางหน้าเนียนของฉัน และยิ่งเมื่อฉันได้พินิจเพ่งดูหลักฐานที่อยู่ในมือด้วยสายตาอันสั่นเทาแล้วก็ต้องพบเข้ากับความจริงที่ว่าพ่อของฉันได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้วจริง ๆ และสิ่งที่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นมันได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ อีกทั้งด้วยความจริงที่หัวใจไม่อาจจะยอมรับได้ มันก็ได้ทำให้ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังจนหน้ามืดไปหมด โดยเฉพาะความรู้สึกเสียใจที่ทำไมฉันต้องมารับรู้เอาวันนี้ด้วย...ทำไมฉันต้องมารับรู้ในวันที่ฉันต้องมาเสียพ่อไป และนอกเหนือสิ่งอื่นใดท่านจะรู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ท่านทิ้งเอาไว้มันอาวุธชั้นดีที่ใช้สร้างาแให้กับฉัน จน ณ เวลานี้หัวใจของฉันมันยับเยินไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
แม้แต่ป้านีที่เพิ่งรู้เื่ราวนี้พร้อมกันกับฉัน แกก็ดูจะช็อกไม่ต่างกัน แต่กระนั้นป้านีก็ยังบีบมือฉันแน่นคล้ายกับ้าจะส่งกำลังใจมาให้ ฉันที่รู้สึกตื้นตันใจ เพราะทั้งที่ป้าแกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเือะไรกับฉันเลย แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกว่ามือคู่นี้มันช่างเป็ที่ยึดเหนี่ยวทั้งจิตใจและร่างกายได้เป็อย่างดี
หลังจากความจริงที่แสนโหดร้ายปรากฏ ฉันที่เหมือนกับถูกหยุดเวลาไว้ ณ ตอนนั้น ก็ได้แต่ปล่อยให้เมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อทำทุกอย่างตามอำเภอใจ
จนกระทั่ง...
'หนูลินลูก เรามาพาพ่อกลับกันเถอะ' เสียงอันแสนอบอุ่นของป้านี เอื้อนเอ่ยเบา ๆ เรียกสติของฉัน ก่อนที่ฉันจะต้องมารับรู้อีกว่า ยัยแม่เลี้ยงตัวร้ายมันแค่มาเอาใบมรณะบัตรเพื่อไปดำเนินเื่ทางกฎหมายเท่านั้น โดยที่ความใจดำของมันคือไม่แม้แต่จะเข้าไปดูหน้าพ่อฉันเป็ครั้งสุดท้ายเลย
หลังจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลก็มีเพียงฉันกับป้านีที่คอยจัดการธุระทุกอย่างั้แ่ต้นจนจบ โดยตลอดระยะเวลาที่ดำเนินงานให้พ่อฉัน ฉันไม่เคยเห็นหัวนังแม่เลี้ยงมาร่วมงานเลยแม้แต่วันเดียว
‘นี่ยุพินเขาจะไม่มาส่งพ่อเราเลยหรือไงกัน นี่มันก็จวนจะถึงเวลาแล้วนะ’ ป้านีเดินมาพูดกับฉันหลังจากที่ท่านไม่เคยเห็นแม้แต่เงาแม่เลี้ยงมาร่วมงานเลยสักวัน
ส่วนฉันได้แต่มองไปที่ป้านีด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ความรู้สึกเงียบเหงาเขาจู่โจมหัวใจของฉันอีกครั้งเมื่อนึกถึงความรู้สึกที่จะไม่มีพ่ออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
จากนั้น...
‘ฮึก...ฮึก...’ ร่างกายที่ไม่อาจหลอกจิตใจได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อความเศร้าใจได้ดำดิ่งไปถึงจุดที่ลึกที่สุด ธรรมชาติก็ทำส่งน้ำตาให้ไหลออกมาเพื่อบรรเทาความเ็ปที่มี
และป้านีก็ยังเป็คนเดียวที่เข้ามาโอบกอดปลอบประโลมฉันดั่งเช่นหลายวันที่ผ่านมา และยังเป็คนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันนับั้แ่วันที่แม่ฉันหนีออกไปจากบ้านจนกระทั่งถึงวันนี้วันที่ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว แต่มันก็คงเป็เพราะฉันเองที่เก็บตัวไม่ค่อยไปพูดคุยกับแกเหมือนเมื่อครั้งที่ชีวิตฉันยังสมบูรณ์ดี นั่นก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเป็ห่วงหรือเป็กังวลใจเพราะฉัน และฉันไม่อยากจะเป็ตัวปัญหาให้กับใคร...
เพราะอย่างนั้นฉันจึงเลือกที่จะเก็บทุกอย่างเอาไว้ และคิดว่ามันคือเกราะคุ้มภัยไม่ให้ฉันเ็ปอีก แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้เกราะคุ้มภัยที่ฉันหลงคิดว่ามันจะทำให้ชีวิตฉันปลอดภัย มันจะค่อย ๆ กลืนกินความสดใสที่เคยมี...จนเหลือเพียงแค่ความเฉยชา...
ป้านียื่นมือมากอบกุมมือบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เธอทอดสายตามองไปยังหญิงสาวที่โตขึ้นมากตรงหน้าด้วยหัวใจที่หนักหน่วง เด็กสาวที่หน้าตาน่ารักมากคนหนึ่งที่ควรจะมีความสดใสตามวัย แต่ทว่า...ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหม่นหมองและเศร้าสร้อยจนน่าเวทนา
สายตาที่ผ่านการมองโลกมาอย่างมากมายของเธอ มองคนตรงหน้าพลางนึกย้อนไปเมื่อครั้งวันวาน ภาพเด็กตัวน้อยหน้าตาน่ารักแสนซุกซนแต่ช่างฉลาดสดใสสมวัย เด็กน้อยที่ชอบวิ่งมาขอขนมกินที่บ้านของเธอ พร้อมกับส่งเสียงเจื้อยแจ้วเจรจาจนเธอคลายความเหงาไปได้อยู่หลายครั้ง แต่น่าสงสารที่ความสดใสนั้นกลับถูกความเห็นแก่ตัวของพวกผู้ใหญ่พรากไปจนทำให้หม่นหมอง และถึงแม้ว่าเธอจะคอยสอดส่องและค่อยเป็ห่วงเด็กสาวตลอดมา แต่ทว่า...เด็กสาวผู้น่าสงสารกลับไม่ได้ทำตัวให้ต้องเป็ห่วงแม้แต่น้อยเลย นั่นก็เพราะเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น แม้ว่าจะต้องเจอกับเื่ที่หนักหนาสาหัสกี่ครั้งกี่หนก็ตาม
อ๊อดดดด ~~
สิ้นความคิดของทั้งหญิงสาวและหญิงวัยกลางคน เสียงที่เป็ดังสัญญาณของการปล่อยมือของผู้ที่อยู่กับผู้ที่จากไปก็ดังขึ้น เมื่อสุดท้ายแล้วก็ต้องถึงเวลาที่ฉันต้องส่งพ่อให้ออกเดินทางแล้ว...
‘ป่ะ...หนูลิน...เราไปส่งพ่อกัน’ ป้านีเอ่ยพร้อมกับกระชับมือที่กุมมือฉันให้แน่นขึ้น
ฉันพยักหน้าช้า ๆ แม้ว่าน้ำตายังอาบเต็มสองแก้มนวลอยู่
จากนั้นภาพควันที่ถูกปล่อยออกจากหอคอยที่สูงเสียดฟ้า คล้ายกับว่า้าส่งคนในนั้นไปให้ใกล้กับสรวง์มากที่สุด แม้ว่าภาพตรงหน้าจะหมายถึงสัจธรรมของการปลดปล่อยให้อีกคนไปสู่อิสระอย่างแท้จริง แต่ทว่า...ความผูกพันสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็ไม่อาจจะทำใจยอมรับกับสิ่งที่ต้องปล่อยไปได้เลย...
'ลาก่อนค่ะพ่อ...เดินทางปลอดภัยนะคะ...แล้วสักวันลินจะไปหานะ...ฮึก...ฮึก...' (T_T)
ฉันยืนมองจนกระทั่งควันนั้นเจือจางบางเบาจนไม่เหลือ พร้อมกับน้ำตาหยดสุดท้ายที่ไหลลงมาเสมือนเป็การบอกลาผู้ชายที่ฉันรักสุดหัวใจ เพราะจากนี้ฉันคงเหลือเขาไว้ได้เพียงแค่ในความทรงจำ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้