“หงิง หงิง...” ลูกหมาป่าตัวนี้หิวมาก ทันทีที่อยู่ในอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยามันก็เริ่มดิ้นทันที
ลูบไล้เส้นขนนุ่มนิ่ม หัวใจของหลินเมิ้งหยาใกล้จะละลายเต็มที
“ป๋ายจื่อ ไปเบิกนมวัวมาเ้าหมาน้อยตัวนี้จะต้องหิวมากอย่างแน่นอน”
ลูกหมาป่าตัวใหญ่กว่าฝ่ามือของนางนิดเดียวเท่านั้น ดวงตาเปียกชื้นเห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันสามารถเลี้ยงมันได้หรือไม่เพคะ?”
อยู่ๆ หัวใจของหลินเมิ้งหยาพลันสั่นไหว
หมาป่าตัวนี้น่าสงสารมาก เสียพ่อแม่ไปั้แ่ยังเด็กยิ่งไปกว่านั้นมันยังน่ารักมาก
“แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็หมาป่าหากวันใดวันหนึ่งมันทำร้ายเ้าขึ้นมา จะทำเช่นไร?”
อันที่จริง ก่อนมอบให้นาง เขาเองก็ยังกังวล
หมาป่ามิได้จริงใจต่อเ้าของเหมือนอย่างสุนัขทั่วไปพวกมันมีสัญชาตญาณของตนเอง
หากวันหนึ่งมันทำร้ายหลินเมิ้งหยาขึ้นมาเขาเกรงว่าเขาคงมิอาจยับยั้งได้ทัน
“วางใจเถิดเพคะ หม่อมฉันจะระวัง อีกอย่างหม่อมฉันรู้สึกได้ถึงความฉลาดของเ้าหมาป่าตัวนี้มันสามารถแยกได้ว่าใครทำดีกับมัน”
อุ้มลูกหมาป่าตัวน้อย หลินเมิ้งหยาไม่อาจปล่อยตัวมันได้อีกต่อไป
เ้าลูกหมาตัวนี้ฉลาดมากจริง ๆ แข้งขาเล็ก ๆ เกาะแขนของนางเอาไว้อีกทั้งยังคลอเคลียไม่หยุด
ครู่ต่อมา รังสีของความเป็แม่แผ่กระจายออกมาจากหลินเมิ้งหยา
น่ารักอะไรขนาดนี้ หลินเมิ้งหยาหลงรักมันจนวางไม่ลง
“ได้ เช่นนั้นก็เลี้ยงมันเถิด”
หลงเทียนอวี้รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเมิ้งหยาต้องชอบลูกหมาป่าตัวนั้นเองก็เฉลียวฉลาด มันรู้ว่าหลินเมิ้งหยาคือคนที่สามารถให้ข้าวให้น้ำมันกินได้ดังนั้นมันจึงส่งเสียงออดอ้อนคลอเคลียหลินเมิ้งหยา
“น่ารักจังเลย! นายหญิงไปเอาหมามาจากที่ไหนหรือเ้าคะ?”
หลินเมิ้งหยาอุ้มลูกหมาป่ากลับมายังที่นั่งของตนเองสาวใช้ทั้งสี่รีบกรูกันเข้ามา
มือเล็กมือน้อยยื่นเข้าไปััตัวมันเบา ๆ
“มันไม่ใช่หมา แต่มันคือหมาป่า”
ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกแปลกหลังจากลูกหมาป่าตัวนี้ถูกหลินเมิ้งหยาอุ้ม มันแสดงท่าทีเชื่อฟังอย่างน่าประหลาดยิ่งไปกว่านั้นยังขายความน่ารักให้กับคนมองอีกด้วย
คำพูดของหลินเมิ้งหยามิทำให้คนทั้งห้าหวาดกลัว
ถึงอย่างไรเ้าหมาป่าตัวน้อยก็แสนน่ารัก แม้มันจะเป็หมาป่าแต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้ผู้คนหลงรัก
“เช่นนั้นพวกเราตั้งชื่อให้มันดีหรือไม่”
อุ้มหมาป่าตัวน้อยกลับไปยังกระโจมของตนเองเ้าลูกหมาป่าตัวน้อยเข้าไปดื่มนมวัวอุ่นๆ
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด นางรู้สึกว่าชื่ออาเสวี่ยช่างเหมาะกับมันยิ่งนัก
“ให้มันชื่อว่าอาเสวี่ยแล้วกันจากนี้ไปพวกเราจะเลี้ยงดูมันที่ตำหนัก
หลินเมิ้งหยาตัดสินใจ ทว่าดวงตาของสาวใช้ทั้งสี่กลับเบิกกว้างจะเก็บหมาป่าไว้ในตำหนักกระนั้นหรือ พระชายากำลังล้อเล่นอยู่กระมัง?
“เอ๋? ไม่มีใครเลี้ยงลูกหมาป่าหรอกนะเ้าคะท่านไม่กลัวว่ามันจะแว้งกัดท่านตอนโตหรือ?”
ป๋ายจื่อมองทางนายหญิงตัวเอง ท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่เป็ไรแต่ถ้าหากมันโตขึ้นและทำร้ายคนในตำหนักหลิวซินจะทำเช่นไร?
นางเป็เพียงเด็กสาวอ่อนแอ เพียงหมาป่าตัวนี้กัดนางก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“พวกเ้ากำลังกลัวอะไรกันอยู่? วางใจเถิดหากพวกเราเลี้ยงดูมันั้แ่ยังเด็กและเลี้ยงดูมันด้วยความจริงใจมันจะต้องจริงใจต่อพวกเราแน่นอน แล้วแบบนี้มันจะทำร้ายพวกเราได้อย่างไร?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาได้รับความเห็นด้วยจากป๋ายซู
เด็กคนนี้มักจะนิ่งเงียบอยู่เสมอ อาจพูดออกมาบ้างเป็บางครั้งแต่ทุกครั้งที่พูดล้วนมีเหตุผล
“ข้าคิดว่านายหญิงพูดได้ไม่เลวยิ่งไปกว่านั้นข้าเคยได้ยินเื่ที่ว่ามีคนอาศัยอยู่กับหมาป่าอีกทั้งยังมีเด็กน้อยผู้ถูกทอดทิ้งอาศัยกับหมาป่าอีกด้วย”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงในโลกปัจจุบันเองก็มีเื่เล่าของเด็กชายกับหมาป่า ดังนั้นเ้าลูกหมาป่าตัวนี้จะต้องกลายเป็หมาป่าเชื่องๆในอนาคตเป็แน่
“ในราชวงศ์แห่งซีฟานเองก็มีคนเลี้ยงหมาป่าจนเชื่องดังนั้นพวกเ้าไม่จำเป็ต้องกังวลหรอก”
หลงเทียนอวี้พาหูเทียนเป่ยเดินเข้ามา หูเทียนเป่ยจึงส่งเสียงอธิบาย
เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาขององค์รัชทายาทแห่งซีฟาน ป๋ายจื่อพลันหน้าแดงก่ำนางรีบมุดเข้าไปหลบหลังหลินเมิ้งหยาทันที
“ที่แท้องค์รัชทายาทก็เสด็จมาถึงที่นี่ เชิญนั่งเพคะ”
หลินเมิ้งหยากลับแสดงความใจกว้างนางสังเกตเห็นแววตาหลงใหลในสายตาของป๋ายจื่อ
อันที่จริงหูเทียนเป่ยเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายเกรงว่าราชวงศ์แห่งซีฟานจะมีความซับซ้อนมากกว่าที่พวกนางได้เห็น
“หมาป่าตัวนี้มีสัญชาตญาณที่ดี หาก้าเลี้ยงสัตว์ร้ายพวกนี้ขอเพียงใส่ใจ พวกมันจะกลายเป็สัตว์เลี้ยงที่แสนเชื่อฟังแน่นอน ที่ซีฟานของพวกเราหมาป่าหิมะเปรียบเสมือนสัตว์วิเศษที่พระเ้าประทานให้”
ท่าทางของหูเทียนเป่ยเสมือนชอบอาเสวี่ยมาก แต่น่าเสียดายที่หมาป่าตัวนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากกินนมอิ่มแล้ว มันวิ่งเข้าไปขดตัวนอนที่ขาของหลินเมิ้งหยา
วางศีรษะลงบนเท้าของหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหลับไป
“ลูกหมาป่าตัวนี้ยังเด็กมากเกินไป พอกินอิ่มก็นอนไม่เห็นเหมือนาาแห่งหมาป่าตรงไหน”
หูเทียนเป่ยอาศัยอยู่ที่ซีฟานเขาจึงรู้จักอุปนิสัยของหมาป่าเหล่านี้ดี
คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็สายพันธุ์ของาาแห่งหมาป่า
“เกรงว่าเทียนเป่ยซง1คงมิได้มาที่นี่เพียงเพื่อชื่นชมหมาป่าหิมะใช่หรือไม่?”
หลงเทียนอวี้ได้ยินบทสนทนาระหว่างหูเทียนเป่ยและหลินเมิ้งหยา ความหงุดหงุดพลันผุดขึ้นในหัวใจ
คำพูดนี้เรียกสติของหูเทียนเป่ยกลับมาหลินเมิ้งหยาใช้โอกาสนี้โอบอุ้มตัวอาเสวี่ยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะจะคุยเื่การอภิเษกเสด็จพ่อเร่งให้ข้าเลือกชายาที่จะอภิเษกด้วยมิเช่นนั้นพระองค์จะเป็ผู้เลือกให้กับข้า”
เมื่อพูดถึงเื่แต่งงานหูเทียนเป่ยรู้สึกยุ่งยากใจเสียยิ่งกว่าหลินเมิ้งหยา
แม้หญิงสาวชนชั้นสูงแห่งต้าจิ้นจะมีใบหน้างดงามกิริยามารยาทอ่อนโยน แต่พวกนางหาใช่ชายาที่เขาอยากได้ไม่
ชายาของเขาควรแตกต่างจากผู้อื่นควรมีความคิดเห็นเฉกเช่นเดียวกับเขาและอยู่ครองรักกันที่ซีฟานอย่างมีความสุข
ดังนั้น เขาจึงไม่อยากแต่งงานกับลูกคุณหนูตระกูลใหญ่โต
“สาวใช้ของหม่อมฉันไม่เหมาะสมกับพระองค์ ต้าจิ้นมีสาวงามอีกมากมายองค์ชายไม่ลองเลือกดูใหม่ดูเพคะ”
เมื่อเื่ราวเดินทางมาถึงจุดนี้แล้วหลินเมิ้งหยา้าพูดออกไปให้ชัดเจน
ป๋ายจื่อมิใช่เพียงสาวใช้ของนาง แต่เปรียบเสมือนน้องสาว
นางไม่มีทางปล่อยให้ป๋ายจื่อรับความเสี่ยงที่อาจได้ไปแต่มิได้กลับเช่นนี้
“ข้าเองก็กลับไปคิดดูแล้วหากข้าต้องเลือกหญิงสาวชนชั้นสูงเ่าั้จริงๆ แล้วละก็ข้ายินยอมเลือกสาวใช้ของเ้าจะดีเสียกว่า”
หูเทียนเป่ยเองก็มีเหตุผลที่แน่วแน่ของตนเองกองกำลังของซีฟานแข็งแกร่งมากสกุลของเหล่าขุนนางกำลังจับจ้องหมายปองตำแหน่งชายาของเขาอยู่
เขาไม่อยากกลายเป็หุ่นเชิดของใคร ดังนั้นเขาจึง้าสาวใช้ของหลินเมิ้งหยา
“หม่อมฉันเข้าใจความรู้สึกของพระองค์แต่หม่อมฉันเองก็มิอาจยินยอมปล่อยสาวใช้ของหม่อมฉันกลายเป็เครื่องมือของใครได้”
หลินเมิ้งหยาออกหน้าปกป้องป๋ายจื่อ หูเทียนเป่ยคิดไม่ถึง
ที่ซีฟาน ผู้หญิงเป็เพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น นางเป็เพียงสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เกรงว่าข้าเองก็คงไม่มีทางเลือกแต่ถึงอย่างนั้นต้องขอบใจเ้ามาก”
หลงเทียนอวี้เป็เพื่อนของเขา คนซีฟานให้ความสำคัญกับเพื่อนพ้องมากเมื่อหลินเมิ้งหยาไม่ยินยอมมอบสาวใช้ให้ เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดบีบบังคับ
“การหนีปัญหาหาใช่วิธีการแก้ปัญหาไม่ราชวงศ์แห่งซีฟานจะต้องมีหญิงสาวที่เหมาะสมกับท่านอย่างแน่นอน ไม่ดีกว่าหรือ หากได้แต่งงานกับพวกนาง”
คำแนะนำจากหลินเมิ้งหยาทำให้หูเทียนเป่ยหัวเราะขมขื่นพลางส่ายหน้า
“เื่ที่เสด็จพ่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจมีทางแก้ไขได้หากใช้วิธีนั้นได้จริง ข้าคงไม่เลือกสาวใช้ของเ้า”
ทุกครอบครัวล้วนมีปัญหาทว่าในราชวงศ์มิอาจหลบหลีกการแก่งแย่งชิงดีไปได้
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด สุดท้ายนิ่งเงียบไป
นางไม่จำเป็ต้องสนใจเื่ภายในครอบครัวของผู้อื่น
สนทนากับหูเทียนเป่ยอีกสองสามประโยค ก่อนที่หลงเทียนอวี้จะส่งเขากลับ
สาวใช้ทั้งสี่ขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อปล่อยให้หลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“ท่านคิดว่าหูเทียนเป่ยจะยอมแพ้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยากังวลเล็กน้อย องค์ชายแห่งซีฟานแต่ละคนรับมือได้ยากแม้หูเทียนเป่ยจะดูเหมือนคนตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเขายังมีกลอุบายอันใดเก็บซ่อนเอาไว้
หากเขาจะเอาตัวป๋ายจื่อไปให้ได้จริงๆเช่นนั้นเื่ราวจะยุ่งยากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
“ข้าคิดว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้ ไม่มีใครยินยอมปล่อยให้คนอื่นขัดขวางแผนการของตนเองเทียนเป่ยเป็คนมีความทะเยอทะยาน เ้าคิดหรือว่าเขาจะยอมทิ้งโอกาสนี้ไป?”
หลินเมิ้งหยานั่งลงบนเก้าอี้ แกล้งลูกหมาป่าในอ้อมกอด
เื่ของป๋ายจื่อทำให้นางกระวนกระวายเป็อย่างมาก
“แต่เ้าสบายใจเถิด ข้าจะพยายามคุยกับเขา”
เสียงทุ้มต่ำที่ถูกส่งออกมาทำให้หัวใจของหลินเมิ้งหยาเสมือนได้รับการปลอบโยน
อันที่จริงนางมีแผนซ่อนเอาไว้ในใจ
หากวันใดป๋ายจื่อถูกบีบบังคับให้ไปแต่งงานกับหูเทียนเป่ยขึ้นมา
เมื่อถึงเวลานั้น นางไม่เกรงใจเลยที่จะใช้กลอุบายลักขื่อเปลี่ยนเสา
หลินเมิ้งหวู่ยินยอมที่จะแต่งงานด้วยมิใช่หรือ? เช่นนั้นส่งนางไปไม่ดีกว่าหรือ
“ท่านอ๋องจะเข้าร่วมการจับเสือในวันมะรืนจริงหรือเพคะ?”
การช่วยเสือเป็เพียงความคิดของหลินเมิ้งหยาเท่านั้นเมื่อลองครุ่นคิดดูแล้ว นางรู้สึกว่ามันบ้าบิ่นเกินไป
เสือไม่อาจแยกได้ว่าใครเป็คนดีหรือเลว เมื่อเวลาจวนตัว หลงเทียนอวี้ได้รับาเ็ขึ้นมาจะทำเช่นไร?
“เ้ากำลังเป็ห่วงข้าหรือ?”
หลงเทียนอวี้ถามกลับด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยากยิ่ง
่นี้ที่อยู่ต่อหน้าหลินเมิ้งหยา เขามักจะยิ้มบ่อยขึ้น
ห้วงอารมณ์ที่มิอาจพบเห็นบนใบหน้าของเขาได้บ่อยนักยิ่งถูกเปิดเผยออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกที
รอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนจนคนมองใจละลาย
นี่คือเสน่ห์ของหลงเทียนอวี้ แม้แต่นางยังอดที่จะหลงใหลไม่ได้
“เ้าเหม่อลอยอะไร?”
หลงเทียนอวี้มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทางขำขันหลังจากที่พวกเขาค่อยๆ คุ้นเคยกันแล้ว หญิงสาวคนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอีกทั้งเขายังเห็นกับตาตัวเอง
บางครั้งสดใส บางครั้งน่ารัก บางครั้งหลงใหลทั้งหมดนั้นทำให้หลินเมิ้งหยาเข้ามามีที่นั่งในหัวใจของเขา
บางที หากได้ใช้ชีวิตกับนางไปตลอดชีวิต ก็คงไม่ได้แย่เท่าไร
“หม่อม...หม่อมฉัน...ไม่ได้เป็ไร...”
หมายเหตุ
ซง1 คือคำเรียกพี่ น้อง มิตรสหายมักเป็คำต่อท้ายชื่อเพื่อแสดงความสนิทสนมและให้เกียรติ
