ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยความมั่นคง ชายเสื้ออาภรณ์สีเขียวขาวโดดเด่นสะอาดตาแก่ผู้พบเห็น ป้ายหยกที่แขวนห้อยอยู่ตรงข้างเอวนั่นเป็สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็ถึงนักปรุงโอสถระดับสี่ สมญานามวิญญาจารย์โอสถ แน่นอนว่าด้วยฐานะตำแหน่งนี้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด แม้แต่เ้าเมืองปกครองหากต้องพบเจอยังต้องไว้หน้ามากกว่าสามส่วนเลยทีเดียว
ชายหนุ่มผู้นี้เป็ถึงหนึ่งในศิษย์ของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ นักปรุงโอสถระดับเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ นามของชายหนุ่มนั่นคือเหยียนฮุ่ย ศิษย์ลำดับที่สามนั่นเอง
ั้แ่วันที่ศิษย์ทุกคนของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาต้องออกเดินทางจากสำนักเพื่อเสาะหาประสบการณ์เป็เวลาหนึ่งปี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็เวลาถึงหนึ่งเดือนมาแล้ว เหยียนฮุ่ยได้ตั้งต้นการเดินทางไปยังทิศตะวันตกของสำนักศึกษา ด้วยเหตุผลสำคัญคือตรงบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเขตแนวเทือกเขาสูงอุดมด้วยสมุนไพรระดับต่าง ๆ อย่างนับไม่ถ้วน
ระหว่างการเดินทางนอกจากที่เขาจะช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนหรือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว เขาไม่ลืมที่จะฝึกตนทั้งการปรุงโอสถตามเคล็ดวิถีเฉพาะแห่งตน อีกทั้งยังได้บ่มเพาะเพิ่มพูนพลังฝีมือ พลังลมปราณให้มีความก้าวหน้าในทุกด้านที่มากยิ่งขึ้น จนในตอนนี้เขาสามารถเลื่อนระดับเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาขั้นต้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
หากพูดถึงในเื่ของการออกเดินทางจากสำนักเพื่อเสาะหาประสบการณ์ กล่าวได้ว่าสิ่งนี้ถือเป็ธรรมเนียมปฏิบัติยึดถือของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษามาอย่างช้านานหรืออาจั้แ่แรกเริ่มก่อตั้งตำหนักเสียแล้วด้วยซ้ำ
ระยะเวลาเพียงหนึ่งปีนั้น ความสำเร็จในการฝึกฝนที่ศิษย์แต่ละคนในตำหนักจะบรรลุย่อมแตกต่างกันไปทั้งสิ้น ความพยายามและพร์นับได้ว่าเป็อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญเช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อได้เลือกเดินเข้าสู่เส้นทางนี้แล้วหนทางข้างหน้าย่อมไม่ราบเรียบดั่งใจนึก อุปสรรคและปัญหาที่ได้ประสบรับมือจะช่วยให้พัฒนาตนเองได้มากขึ้น…
สายลมเย็นพัดผ่านชวนให้ใจรู้สึกสงบ ไอหมอกหนาแห่งฤดูเหมันต์ยังคงปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองแห่งนี้ เสียงพูดคุยของผู้คนมากมายที่ออกมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก ไอควันสีขาวลอยขึ้นสูงเป็สิ่งมี่มองเห็นได้ตามปกติสำหรับร้านค้าของกินริมข้างทางที่ทอดยาวส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้รู้สึกหิวอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้นับว่าเป็เมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ห่างสำนักศึกษาที่หากจะกล่าวว่าไม่ใกล้ไม่ไกลคงไม่เกินไปมากนัก เพราะอย่างไรเ้าเมืองปกครองนี้นับว่าเคยเป็ศิษย์ที่เคยศึกษาเล่าเรียนในสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ยามฤดูเหมันต์มาเยือนในแต่ละปีเมืองหมอกธาราแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยอากาศที่หนาวเย็นยิ่ง ทว่ายังมีไม้ชนิดหนึ่งที่ยังคงยืนต้นอยู่อย่างมั่นคงสวยงามอีกทั้งยังคงผลิดอกไม้สีชมพูสวย ที่ร่วงหล่มยามเมื่อสายลมพัดมา กล่าวได้ว่าช่างเป็บรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกน่าพักผ่อนไม่น้อยเลยทีเดียว
เหยียนฮุ่ยยังคงเดินเที่ยวชมบรรยากาศในเมืองนี้อย่างไม่เร่งรีบ ชายหนุ่มได้เดินมาถึงส่วนท้ายของตลาดที่มีแผงลอยอันเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหนาแน่น เมืองหมอกธาราแห่งนี้แม้ไม่ได้เป็เมืองหน้าด่านหรือเป็เมืองใหญ่ก็จริง ทว่ายังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต่างเดินทางผ่านเส้นทางของเมืองนี้ ดังนั้นแล้วบรรดาพ่อค้าแม่ค้าย่อมมีมาก สินค้าให้เลือกซื้อก็มีหลากหลาย บ้างก็มีทั้งราตาสูงหรือราคาต่ำสลับกันไป
ด้วยญาณััอันลึกล้ำเฉพาะของนักปรุงโอสถ นอกจากจะช่วยเหลือยามเมื่อต้องหลอมสร้างปรุงโอสถแล้วนั้น ญาณััเหล่านี้ยังช่วยคัดแยกสิ่งของล้ำค่าหายากที่ไม่สามารถเล็ดลอดสายตาและการรับรู้ของเขาไปได้
ท่วงท่าเคล็ดวิชาตัวเบายามเมื่อโคจรพลังลมปราณขับเคลื่อน ยามเมื่อเป็ถึงราชทินนามราชันิญญาเช่นนี้แล้วย่อมสามารถสำแดงความพิศดารออกมาได้เป็อย่างดี อย่างไรแล้วเคล็ดวิชาตัวเบาประจำตระกูลใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดาสามัญอย่างแท้จริง ฝีเท้าของเหยียนฮุ่ยนับว่าว่องไวยิ่งนัก เพียงไม่กี่ชั่วยามก็มาถึงเขตป่าส่วนนอกที่อยู่ไกลจากเมืองหมอกธารานี้ไม่น้อย ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยปรากฎแสงสีแดงส้มในยามอัสดง ด้วยความเร็วในการเดินทางเช่นนี้ไม่เกินหนึ่งเดือนให้หลังเขาย่อมไปถึงเขตพื้นที่เทือกเขาอันเป็จุดหมายปลายทางในครั้งนี้ได้เป็แน่
"นี่มัน!!!" เหยียนฮุ่ยร้องออกมาด้วยความใ
สิ่งที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าคือหยกสื่อสารที่ศิษย์ในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาล้วนได้รับจากเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ทั้งสิ้น หยกสื่อสารนี้การใช้งานย่อมเป็ไปดังชื่อเรียกขาน ทว่าอย่างไรก็ตามสิ่งมี่เกิดนี้กล่าวได้ว่ามีความผิดปกติเป็อย่างยิ่ง
"ยกเลิกภารกิจออกเดินทางหาประสบการณ์ในครั้งนี้ ศิษย์ทุกคนรีบกลับสำนักศึกษาให้เร็วที่สุด..." ด้วยข้อจำกัดของหยกสื่อสารนั้น สารที่ต้องส่งต่อยังปลายทางนั้นยังคงถูกจำกัดไปไม่น้อย ดังนั้นข้อความที่ถูกส่งต่อจึงสั้นและเน้นเฉพาะความสำคัญเพียงนี้
เหยียนฮุ่ยที่ได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างมาก ใช่ว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมาเขาจะไม่รับรู้ถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นในมหาทวีปนี้เสียเมื่อไหร่ การหายตัวไปอย่างปริศนาของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ชายหญิง รวมไปถึงการตายอย่างผิดธรรมชาติที่ไม่อาจระบุสาเหตุหรือผู้กระทำได้ ดูท่าแล้วเหตุการณ์ในตอนนี้ไม่อาจวางใจได้อย่างแท้จริง…
ห้วงอากาศพลันสั่นะเืเลือนลั่นอย่างรุนแรงด้วยการกระทำของสมบัติวิเศษที่ถูกเรียกใช้ด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงลึกลับ กลิ่นอายอหังการะเิออกทะลักทะลายทั่วทุกสารทิศ แสงสีเหลืองเข้มประกายส้มอันแสดงถึงิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟขั้นสูงของผู้บัญชาการเื้ัได้พวยพุ่งขยายออกเป็ช่องว่างขนาดใหญ่ยิ่ง
ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างถูกจัดสรรเฉพาะแม่นยำราวกับจับวางคงไม่เกินจริงไปนัก ห้วงมิติพิศดารนี้ถึงกับจงใจเลือกปรากฎตรงด้านหลังของหนิงอ้ายเพียงคนเดียวเท่านั้น พริบตานั้นสมบัติวิเศษได้ขยายแหวกมิติดูดเอาทุกสรรพสิ่งกลืนหายเข้าไปด้านในอย่างกระหาย กระแสพลังนี้ได้สะกดข่มพลังลมปราณ พลังของสายเืรวมไปถึงสมบัติวิเศษที่ตกอยู่ภายใต้อาณาเขตนี้ แรงดึงดูดด้านในมหาศาลเหนี่ยวรั้งจนไม่อาจต้านทานได้เพียงนิด
เฟยหลงย่อมจดจำได้ดีว่าในตอนนั้น เขาไม่รอช้ารีดเค้นพลังลมปราณที่ถูกสะกดข่มออกมาถึงขีดสุดพร้อมกับเรียกใช้ทักษะิญญายุทธ์ลับออกมาอย่างไม่ลังเล หากเป้าหมายของการกระทำชั่วช้าลับหลังนี้เป็หนิงอ้ายแล้ว ขอเพียงเขาทำการสลับตัวกับอีกฝ่ายได้สำเร็จแผนการนี้ย่อมไม่อาจลุล่วงสำเร็จไปได้โดยง่าย
คล้ายกับหนิงอ้ายสามารถคาดเดาถึงการกระทำของเฟยหลงที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ใบหน้างามของเด็กหนุ่มนั้นบิดเบี้ยวราวกับเผชิญกับความเ็ปอย่างสุดประมาณแสนสาหัส กลิ่นอายพลังแห่งสายเืบริสุทธิ์เข้มข้นที่ยังสามารถฝ่าฝืนดื้อรั้นบัญชาการอย่างยากลำบากทรมาน ยามถูกเรียกใช้ออกมาได้ปรากฎเป็เงาปีกปักษาเพลิงสีแดงทองขนาดใหญ่สยายออกด้านข้างก่อนจะคลุมปกปิดเรือนร่างราวกับกำลังปกป้องสิ่งของสำคัญล้ำค่าหวงแหน เส้นผมแต่เดิมที่ถูกปกปิดด้วยบทเวทย์ปลอมแปลงได้แปรเปลี่ยนเป็สีขาวเงินบริสุทธิ์อีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าราวกับอัญมณีล้ำค่าไหววูบเป็สีทองอร่ามสว่างวาบชวนให้แปลกใจยิ่งนัก
เพียงประกายแสงสีทองตกกระทบถึงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้า ร่างกายของเฟยหลง กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอย่างสมบูรณ์และไม่อาจขยับเคลื่อนร่างกายดั่งใจนึกใจได้ ชายหนุ่มย่อมรู้ดีว่า หนิงอ้ายนั้นมีความพิเศษไม่สามัญที่ลึกล้ำกว่าผู้ฝึกตนระดับเดียวกันเป็อย่างมาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าทักษะเมื่อครู่เพียงแค่เขาจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายนั้น คล้ายกับมีพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งที่เข้าลุกล้ำบังคับร่างกายให้หยุดนิ่งโดยฉับพลัน เวลานี้เขาไม่อาจขยับร่างกายได้แล้ว ก่อนจะปรากฎกรงเล็บสีดำทมิฬนับไม่ถ้วนคล้ายกับจะคว้าบางสิ่งอย่างตามบัญชาการของผู้เป็นาย…
ครืน!!
ทันทีที่ร่างกายของหนิงอ้ายถูกกระชากหายไป ห้วงมิติกระแสพิศดารได้สั่นะเือย่างรุนแรงเลือนลั่น แสงสีเหลืองเข้มประกายส้มทอแสงสว่างสาดซัดออกไปเป็รัศมีวงกว้างอีกครั้งก่อนจะตวัดกลับหมุนเข้าสู่ภายในสมบัติวิเศษนี้ในพริบตา พร้อมกับเสียงคำรามลั่นดังสะท้อนไปทั่วก่อนจะเงียบหายไปในที่สุด
การสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกครั้ง ยังคงวนเวียนคอยตอกย้ำเฟยหลงให้กล่าวโทษตัวเองไม่รู้จบสิ้น...
นับเป็เวลาสามวันแล้วที่หนิงอ้ายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่อาจสืบเสาะค้นหาได้เลยเพียงนิด สำหรับการประชุมของทั้งห้าสำนักศึกษาที่พึ่งจบลงไปในวันนี้ได้ข้อสรุปปฏิบัติเป็แนวทางเดียวกัน นั่นคือสมควรที่จะเปิดเผยเื่ราวความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้บรรดาสำนักศึกษาต่าง ๆ บรรดาตระกูลผู้ฝึกตนชนชั้นเรืองนามรวมไปถึงผู้ฝึกตนและชาวบ้านธรรมดาทั่วไปได้เตรียมพร้อมตระหนักรับมือสิ่งที่กำลังจะตามมาหลังจากนี้
เหตุการณ์การหายตัวไปของรุ่นเยาว์ชายหญิงจากตระกูลผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียง ศิษย์ประจำสำนักศึกษาที่ออกเดินทางทำภารกิจที่หายตัวไปอย่างลึกลับหรือแม้กระทั่งผู้ฝึกตนธรรมดาและชาวบ้านที่ตกตายไปอย่างผิดธรรมชาติระยะหลังมานี้ แม้พวกเขาต่างพอคาดเดาได้อยู่บ้างแล้วว่าผู้ใดกันอยู่เื้ัอยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าจะกระทำอุกอาจไม่หวั่นเกรงอำนาจใดทั้งสิ้น
เมื่อข่าวคราวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งมหาทวีปบูรพาราวกับไฟลามทุ่ง กล่าวได้ว่าสุดยอดต้นกล้ารุ่นเยาว์ที่สุญเสียไปอย่างไม่หวนคืนยิ่งส่งผลให้ขั้วอำนาจย่อมสั่นคลอนไปบ้างไม่มากก็น้อย พึงทราบว่ากว่าจะบ่มเพาะรุ่นเยาว์ในตระกูลหรือศิษย์ในสำนักให้เพิ่มพูนทักษะไปด้วยฝีมือนั้นหาใช่ต้องอาศัยเพียงแค่เวลาเท่านั้น เพราะว่าทั้งสมบัติวิเศษ โอสถล้ำค่า ตำราเคล็ดวิชาหายากล้วนเป็ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว...
"หนิงอ้ายหายตัวไปอย่างนั้นรึ!!" เสียงของหวังจิ่งหลงดังขึ้นอย่างแข็งกร้าวดุดัน กลิ่นอายเฉพาะอหังการของผู้ฝึกตนราชทินนามราชันิญญาขั้นสูงย่างก้าวราชทินนามเทพยุทธ์ิญญาไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด เปลวเพลิงสีส้มอันเป็ปราณธาตุประจำตัวลุกประกายพวยพุ่งแผ่ซ่านออกมาถึงขีดสุด
หวังหนิงอ้ายหลานของเขานับเป็สุดยอดรุ่นเยาว์ผู้เป็ความหวังของตระกูลหวังอย่างแท้จริง เด็กหนุ่มสามารถปลุกพลังสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ที่หายสาปสูญนับพันปีหรือหลายพันปี มากไปกว่านั้นยังเป็ถึงผู้ิญญายุทธ์มากกว่าหนึ่ง ประกอบด้วยปราณธาตุที่หลากหลายสามารถบัญชาการได้อย่างเชี่ยวชาญงดงามน่าอัศจรรย์
ฟังว่าเด็กหนุ่มพึ่งเข้าสำนักศึกษาได้เพียงไม่นานแต่กลับสามารถสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับสอง สมญานามปัญญาจารย์โอสถด้วยวัยเพียงสิบหกปีนับว่ายอดเยี่ยมมากยิ่ง แน่นอนว่าเื่พลังฝีมือการต่อสู้ก็เลิศล้ำไปไม่แพ้กัน ฐานะตำแหน่งเ้าแห่งยุทธภพรุ่นเยาว์คนล่าสุดย่อมการันตรีสิ่งนี้โดยไร้คำโต้แย้ง และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงฐานะว่าที่ประมุขตระกูลหวังคนต่อไปที่ควรค่าแก่การปกป้องดูแลแล้ว
"หนิงเอ๋อร์..." เยว่ซินร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ก่อนหน้านี้ได้เกิดลางบอกเหตุนั่นคือป้ายหยกิญญาประจำตัวของหนิงอ้ายที่อยู่ในศาลบรรพชนของตระกูลหวังได้บังเกิดเป็รอยร้าว จนมาถึงวันนี้จึงได้รู้ถึงสาเหตุในที่สุด
หวังจิ่งหลงมองภาพตรงหน้าด้วยความคับแค้นใจ ซ่งเหมยฮวา ภรรยาคู่ชีวิตของเขากำลังนั่งกอดปลอบประโลมเยว่ซินผู้เป็บุตรสาวที่กำลังเศร้าโศกปวดร้าวอย่างถึงที่สุด จวนตระกูลหวังของเขาพึ่งได้อยู่พร้อมหน้าได้เพียงไม่นานแต่กลับเกิดเื่ราวเช่นนี้ จะไม่ให้รู้สึกเดือดดาลได้อย่างไร
"ทางสำนักหาได้นิ่งนอนใจไม่ ตอนนี้ท่านเ้าสำนักได้เพิ่มกองกำลังติดตามฝีมือดีขยายเขตพื้นที่ตามหาไปถึงรอยต่อของมหาทวีปทักษิณแล้ว อย่างไรข้าย่อมไม่ยินยอมให้ศิษย์สืบทอดของข้าเป็อันใดไปอย่างแน่นอน" เงาร่างของเหวินหวู่ที่ปรากฏขึ้นบนหยกสื่อสารเอ่ยย้ำกับสหายของตนอีกครั้ง ก่อนจะพูดคุยในเื่ราวอีกเล็กน้อยเพื่อเตรียมการบางสิ่งอย่างหลังจากนี้
ใช้เวลาเพียงไม่นานกลุ่มอิทธิพลอันเป็พันธมิตรกับตระกูลหวังรวมไปถึงตัวตนลึกลับที่มีความข้องเกี่ยวในตระกูลหวังสายหลัก สายรองต่าง ๆ ล้วนได้รับเทียบเชิญกันทั้งสิ้น คุณชายหวังหนิงอ้ายผู้เป็ว่าที่ประมุขตระกูลหวังคนต่อไปได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่อาจสืบเสาะได้ แน่นอนว่าความโกรธเกรี้ยวได้บังเกิดก่อตัวขึ้นภายในใจอย่างไม่ยินยอม
คนภายนอกอาจมองว่าตระกูลหวังที่เป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำอาจเป็เพียงลูกพลับนิ่มที่อาศัยบุญบารมีเก่าจากท่านบรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลจึงสามารถตั้งหลักมั่นคงบนแคว้นเต้าดำเช่นนี้ แต่ความจริงหาได้เป็เช่นนั้นไม่ ผู้แกร่งกล้ามากมายนับไม่ถ้วนที่ไม่อาจประมาณจำนวนได้ต่างรวมตัวกันตรงพื้นที่ของตระกูลหวัง กลิ่นอายพิศดารของผู้ฝึกตนระดับสูงที่ไม่อาจคาดเดาระดับพลังิญญาได้นั้นสร้างความหวั่นเกรงแก่ผู้คนในมหานครแคว้นเต่าดำเป็อย่างมาก ตอนนี้พวกเขาล้วนกระจ่างแก่ใจแล้วว่ายามเมื่อัถูกย้อนเกล็ดนั้นเป็อย่างไร
สาเหตุที่กลุ่มอิทธิพลชนชั้นเรืองนามทราบเื่นี้นั่นก็เป็เพราะหวังจิ่งหลงได้ประกาศกร้าวแพร่กระจายข่าวออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อเป็การรวมกลุ่มออกตามหาหนิงอ้ายผู้เป็หลานของตน ไม่เพียงเท่านั้นหวังจิ่งหลงยังได้ประกาศล่าตามตัวหาผู้ที่ลงมือกระทำชั่วช้าลับหลังเช่นนี้ หน่วยข่าวกรองสืบเสาะจนได้รับรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็ฝีมือของของนักฆ่าสังกัดสำนักพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในตัวตนดำมืดที่มีอิทธิพลกว้างขวาง เมื่อทราบผู้ลงมือกระทำดังนั้นแล้วเป้าหมายคือการเยือนถิ่นตั้งของสำนักชั่วช้าดังกล่าว ไม่ว่าใครที่ให้ความช่วยเหลือทั้งทางตรงหรือทางอ้อมล้วนถูกจัดการไปพร้อมกันทั้งสิ้น
วาจาของหวังจิ่งหลงนั้นประหนึ่งคำประกาศาคงไม่เกินจริงไปนัก การกระทำนี้หาได้้าดึงผู้อื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวใดใดทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าทุกสิ่งอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ตระกูลหวังจะเป็ผู้แบกรับทั้งหมดด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้บรรดาสามตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำต่างแจ้งความประสงค์ที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือตระกูลหวังในครั้งนี้เช่นกัน ทว่าหวังจิ่งหลงได้เอ่ยปฏิเสธไปพร้อมกับให้เหตุผลแต่เพียงว่านี่เป็ความบาดหมางของตระกูลหวังกับสำนักเทพมารทมิฬเพียงเท่านั้น สำหรับน้ำใจที่หยิบยื่นให้ในครั้งนี้ทางตระกูลหวังย่อมตอบแทนคืนในสักวันอย่างแน่นอน
"ท่านหวังจิ่งหลง บรรดาผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการเชื้อเชิญทุกคนมาถึงพร้อมกันแล้วขอรับ!!" ตรงลานรับรองด้านนอกของจวนตระกูลหวังสายหลัก บัดนี้ได้มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่หยัดยืนกันอย่างเนืองแน่น กลิ่นอายของแต่ละคนที่แผ่ซ่านออกมานั้นล้วนเป็บรรดาผู้กล้าชนชั้นเรืองนาม บ้างก็เป็ผู้ฝึกตนของตระกูลหวังที่เร้นกายจากมหาทวีปแห่งนี้ไปเนิ่นนานแล้ว เพียงแค่เทียบเชิญเดียวกลับเรียกระดมกองกำลังสนับสนุนได้มากถึงเพียงนี้
ผู้คนที่อาศัยในมหานครแคว้นเต่าดำล้วนตกตะลึงกันเป็อย่างมาก เพราะกองกำลังของผู้ฝึกตนที่ทางตระกูลหวังเรียกระดมเข้าร่วมนั้นหาได้ธรรมดาสามัญอย่างแท้จริง บรรดาผู้ฝึกตนที่กล้าแกร่งเหล่านี้ต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทั้งสารทิศ คิดไม่ถึงว่าด้วยนะยะเวลาที่สั้นเพียงนี้จะสามารถรวบรวมเป็กองกำลังใหญ่ที่อหังการปานนี้ได้
"สำนักเทพมารทมิฬเป็กลุ่มอิทธิพลต่ำช้าที่คอยสร้างความวุ่นวายแก่ทวีปบูรพามาอย่างยาวนาน ครั้งนี้ถึงกับกล้าจับตัวหลานชายของข้าไป เช่นนั้นแล้วอย่าหวังว่าจะรอดไปโดยง่าย!!" หวังจิ่งหลงประกาศกร้าวออกมา ดวงตาวาวโรจน์ประกายความคับแค้น กองกำลังที่สามารถรวบรวมอย่างเร่งด่วนครั้งนี้ล้วนเป็ยอดฝีมือที่มีพลังิญญาไม่ต่ำกว่าราชทินนามเทวะิญญาทั้งสิ้น
"มุ่งหน้าสู่ตำหนักเทพมารทมิฬ ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาขัดขวาง จงสังหารเข่นฆ่าให้ตายตกไปทั้งสิ้น!!" เสียงของหวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นสะท้อนดังไปทั่ว ขบวนกองกำลังที่ไม่ธรรมดาสามัญนี้ต่างเคลื่อนขยับเดินทางมุ่งตรงอย่างไม่หวั่นเกรงทั้งสิ้น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คนที่อยู่โดยรอบอย่างแท้จริง...
