ชุดแต่งงานสีแดงนั่น ครั้นอยู่ท่ามกลางอากาศเดือนสองช่างดูบางเบานัก ทว่ากลับเจิดจ้าดั่งแสงอาทิตย์
แท้จริงแล้วหากตั้งใจมองพิจารณาสตรีตรงหน้าให้ดี นับว่าองคาพยพทั้งห้าไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแต่ซูบผอมจนไม่เห็นเค้าโครงและบดบังรูปร่างหน้าตาเดิม
บางคราหากบำรุงให้ดีอาจกลายเป็หญิงงามผู้หนึ่ง!
ครั้นนึกถึงทุกเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ มารดาสกุลต้วนก็รู้สึกขอบคุณแม่เฒ่าเคอจากก้นบึ้งของหัวใจ การเปลี่ยนตัวเ้าสาวในครั้งนี้ช่างเปลี่ยนได้ดีเสียจริง!
หากแต่งเคอก่วงเถียน ไม่แน่ว่าชีวิตในวันข้างหน้า นางอาจต้องเสียใจภายหลังไปจนตาย
ครั้นเคอโยวหรานเห็นมารดาสกุลต้วนจดจ้องตนก็รู้ว่ายามนี้ภายในใจของอีกฝ่ายรู้สึกซับซ้อน จำต้องปรับสมดุลเสียก่อน
นางพลันยกยิ้มจริงใจให้มารดาสกุลต้วน เนื่องจากเมื่อเช้ามิได้ยกน้ำชา ยามนี้จึงไม่รู้ว่าควรจะเรียกขานคนตรงหน้าอย่างไร กล่าวได้ว่ากระอักกระอ่วนใจอยู่บ้างจริงๆ
มารดาสกุลต้วนยกยิ้มเข้าใจ ก่อนเดินไม่กี่ก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือเล็กเย็นเยียบของเคอโยวหรานเอาไว้ มือคู่นี้ผอมแห้งไม่ต่างกับท่อนฟืน ทั้งเย็นเยียบเข้ากระดูกและเต็มไปด้วยตุ่มด้าน
หัวใจของมารดาสกุลต้วนพลันบีบเข้าหากันอย่างมิอาจอดทนไหว กอบกุมมือเล็กของเคอโยวหรานเอาไว้เพื่ออุ่นมือให้นางพลางเอ่ยว่า “เ้ากับซานหลางแต่งงานกันแล้ว ยังไม่ทันได้ยินเ้าเรียกข้าว่าท่านแม่สักคำด้วยซ้ำ!”
เคอโยวหรานกัดริมฝีปากล่าง รู้สึกแสบจมูกและเบ้าตาค่อนข้างเห่อร้อน มิอาจเอ่ยคำใดอยู่นาน นี่คือความอบอุ่นที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน คำว่าท่านแม่นี้ สำหรับนางถือเป็คำที่แม้คุ้นเคยทว่ากลับไม่ค่อยได้รู้จักมากนัก
ในชาติก่อน นางไม่มีพ่อแม่มาั้แ่เด็ก ส่วนชาตินี้บิดามารดาเ้าของร่างเดิมก็เอาแต่คล้อยตามผู้อื่น ทั้งยังเพิ่งพบกันครั้งแรกเมื่อเช้า ยังไม่ทันได้อยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ
ทว่ากับแม่สามีผู้นี้ ยามนางล้มป่วยอีกฝ่ายได้ต้มยาและป้อนข้าวต้มเองกับมือ คอยดูแลเอาใจใส่ยิ่งนัก
เคอโยวหรานผู้นี้มิอาจต้านทานต่อการที่ผู้อื่นทำดีด้วยมากที่สุด หากผู้ใดดีกับนางหนึ่งเท่า นางก็จะทดแทนกลับไปสิบเท่า แม้ปากจะมิได้เรียกขานว่าท่านแม่ แต่ภายในใจกลับยอมรับในตัวมารดาสกุลต้วนแล้ว
มารดาสกุลต้วนเห็นเคอโยวหรานเม้มปากไม่เอ่ยคำใดและขอบตาแดงก่ำก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ค่อยคุ้นชินนัก จึงเอ่ยโดยไม่คิดจะบีบบังคับว่า
“เข้าไปดูซานหลางสักหน่อยเถิด! การยกน้ำชาค่อยชดเชยเย็นนี้ แม่ยังคงรอน้ำชาเ้าสาวจากเ้า!”
เคอโยวหรานพยักหน้า โดดเดี่ยวมาเนิ่นนาน นางไม่คุ้นชินกับความใกล้ชิดทางกายเท่าใดนัก หญิงสาวค่อยๆ ดึงมือเล็กของตนออกจากฝ่ามืออันอบอุ่นคู่นั้นของมารดาสกุลต้วน ก่อนเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “ข้าจะเข้าไปดูประเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”
มารดาสกุลต้วนยกยิ้มปลอบโยน ในเมื่อผู้ที่ช่วยตรวจอาการให้ต้าหลางกับเอ้อร์หลางคือเซียนพิษ เช่นนั้นผู้ที่เข้าไปในเรือนของซานหลางจะต้องเป็หมอเทวะโดยมิต้องสงสัย ครั้งนี้ภรรยาเ้าสามให้ความช่วยเหลือครั้งใหญ่เสียแล้ว
ทว่าในยามนี้ เคอโยวหรานเพิ่งจะได้มีโอกาสมองสำรวจเรือนตรงหน้าอย่างละเอียด
เรือนของจวนสกุลต้วนไม่ต่างจากเรือนของครอบครัวชาวนาโดยส่วนใหญ่ เป็ผนังเสริมความแข็งแกร่งที่ทำจากดินเหนียว ฟางข้าว และน้ำข้าวเหนียวข้น
บนหลังคาคลุมด้วยฟางข้าวจำนวนมาก อาจเพราะบุรุษในสกุลต้วนล้วนมีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่
ตัวเรือนจึงสูงกว่าเรือนของครอบครัวอื่นอยู่บ้าง จำนวนห้องก็มากกว่าครอบครัวชาวนาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เรือนหนึ่งคือเรือนหลักที่ใช้รับรองแขก อีกเรือนคือห้องครัว และอีกเรือนคือห้องอาบน้ำกับห้องส้วมซึ่งแบ่งแยกชายหญิงจำนวนสองห้อง มีห้องนอนแปดถึงเก้าห้อง บ้านเรือนล้อมรอบกันเป็รูปสี่เหลี่ยมสองวง
เมื่อเทียบกับสกุลอื่น สกุลต้วนรักสะอาดเป็อย่างยิ่ง หลังกวาดตาดูทั่วทั้งห้องหนึ่งก็มองออกถึงร่องรอยของการสร้างใหม่ หน้าต่างและช่องแสงภายในห้องค่อนข้างพิถีพิถันกว่าครอบครัวชาวนาอื่นๆ
เคอโยวหรานพบว่าสกุลต้วนไม่ธรรมดา มีเงื่อนงำ! ขณะนางเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมทั้งใช้ความคิด หมอเทวะก็กำลังตรวจชีพจรของต้วนเหลยถิงอยู่พอดี
“แม่นางน้อย นี่คือสามีของเ้ากระมัง?” หมอเทวะลูบหนวดเขี้ยว เขาหรี่ดวงตาเรียวที่ไม่ใหญ่นักเป็ทุนเดิมพลางเผยท่าทางครุ่นคิด
เคอโยวหรานเปล่งเสียง “อืม” แ่เบา สายตาชำเลืองไปทางบุรุษสูงแปดฉื่อ [1] ยากจะจินตนาการว่าเขาสามารถอดทนนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อนในแต่ละวันมาได้อย่างไร?
หากเปลี่ยนเป็นาง คงเก็บกดเจียนตายไปนานแล้ว
หมอเทวะส่ายหน้า จิ๊ปากเอ่ยว่า
“แม่นางน้อย มิสู้เ้าหย่ากับเขาเสีย ตาเฒ่าจะหาสามีที่ดีกว่านี้ให้เ้า”
เคอโยวหราน “?”
มือของต้วนเหลยถิงที่วางอยู่บนผ้าห่มพลันกำแน่นโดยมิอาจสังเกต หากไม่ใช่เพราะเขาพยายามอดกลั้น ก็คงได้เห็นว่ากำปั้นนี้ถึงกับสั่นเทาเล็กน้อย
เคอโยวหรานมองบุรุษที่อยู่บนเตียง นางทอดถอนใจพลางเอ่ยว่า “เหตุใดท่านอาจารย์จึง้าให้ข้าเปลี่ยนสามีเล่า? หรือว่าด้วยทักษะวิชาหมอของท่านก็ยังมิอาจรักษาอาการาเ็ของเขาได้?
จิ๊ๆ ข้ายังนึกว่าวิชาหมอของท่านอาจารย์ไม่เป็สองรองผู้ใดเสียอีก เมื่อครู่ท่านอาจารย์เซียนพิษยังบอกว่าเขาจำต้องใช้เวลาถอนพิษของพี่ใหญ่ต้วนกับพี่รองต้วนแค่สามวัน
เห็นทีครั้งนี้ท่านอาจารย์หมอเทวะคงต้องพ่ายแพ้เสียแล้ว เฮ้อ ช่างน่าเสียดายที่ท่านอาจารย์เซียนพิษมิได้วางเดิมพันเอาไว้”
หมอเทวะเกรี้ยวโกรธเสียจนหนวดเขี้ยวกระดก เขาพลันร้องตะคอกเสียงดังด้วยความฉุนเฉียวว่า “ผู้ใดบอกว่าข้ารักษามิได้? อย่าว่าแต่สามวันเลย ตาเฒ่าใช้แค่สองวันก็สามารถรักษาเขาให้หายเป็ปกติได้
เขาเพียงฝึกวรยุทธ์แล้วรีบร้อนอยากประสบความสำเร็จจนเส้นเอ็นและเส้นลมปราณแตกขาดเสียหาย ยามตกหน้าผาเส้นลมปราณถูกปิดกั้นจึงทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้เท่านั้น
ตาเฒ่าจะฝังเข็มกระตุ้นประเดี๋ยวนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะล่าช้ากว่าตาเฒ่าสารพัดพิษผู้นั้น”
ทันทีที่กล่าวจบ หมอเทวะก็เปลื้องผ้าของต้วนเหลยถิงออกจนหมด ตามด้วยฝังเข็มลงบนกายเขาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
ต้วนเหลยถิงยังไม่ทันได้สติจากความอายเพราะถูกเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อน ร่างทั้งร่างก็รู้สึกชาหนึบและเ็ปไม่ต่างกับถูกมดนับหมื่นกัดแทะ ยากจะทานทนจนถึงขีดสุด
ไม่นานนัก เส้นลมปราณทั่วร่างของเขาพลันบวมเป่ง เข็มแต่ละเล่มนูนขึ้นราวกับจะปะทุแตกออกมา
แววตาของเคอโยวหรานสั่นระริก แท้จริงแล้วตาเฒ่าผู้นี้เชื่อถือได้หรือไม่ อย่าได้รักษาจนคนตายไปก่อนเล่า
นางเพิ่งจะเดินเข้ามา มิได้อยากแบกรับดวงกินสามีเช่นนี้ ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย!
สายตาของหมอเทวะที่กำลังทอดมองต้วนเหลยถิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงฉายแววชื่นชม เขายกยิ้มเอ่ยว่า “ฮ่าๆๆ พ่อหนุ่มคนนี้ใช้ได้ทีเดียว การฝังเข็มชุดนี้ของตาเฒ่าเรียกได้ว่าเป็วิธีฝังเข็มโบราณ น้อยคนนักจะไม่ร้องโอดโอย เ้าช่างอดทนเก่งเสียจริง?”
ขณะเอ่ยทั้งรอยยิ้ม หมอเทวะพลันล้วงหยิบเข็มทองปลายแดงออกมาหนึ่งแถว จัดการฝังเข็มลงไปอีกหนึ่งชุดด้วยท่าทางพิสดาร
ต้วนเหลยถิงกัดปาก หยาดเหงื่อไหลพรั่งพรูดั่งไข่มุกที่ร่วงหล่นออกจากสาย ไหลชโลมจนร่างทั้งร่างแดงเถือกราวกับลูกชิ้นกุ้ง แต่เขากลับไม่เปล่งเสียงออกมาเลยสักแอะ
ทว่าเคอโยวหรานกลับอดเหงื่อตกแทนเขามิได้ ครั้นมองให้ละเอียด บนเข็มทองปลายแดงมีกระแสสีทองอมแดงเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณบวมเป่งของต้วนเหลยถิงด้วยลักษณะประหลาด
แรกเริ่มเชื่องช้า จากนั้นก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ...
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ิัของต้วนเหลยถิงก็กลับมามีสีผิวดั้งเดิม เส้นลมปราณที่บวมเป่งถูกซุกซ่อนไว้ใต้ิัและมิอาจมองเห็นได้อีกต่อไป
เมื่อเป็เช่นนี้ หมอเทวะพลันผ่อนลมหายใจยาว เขาปาดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก พลิกฝ่ามือเพื่อเก็บเข็มทั้งหมดอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยกำชับว่า
“แม่นางน้อย ตักน้ำมาเช็ดตัวให้เขาสักอ่าง อายุมากแล้ว ตาเฒ่าจะไปพักผ่อนสักหน่อย”
“ได้เ้าค่ะ ล้วนแต่ฟังท่านอาจารย์เ้าค่ะ!” เคอโยวหรานขานรับโดยไม่ลังเลแม้เพียงนิด ไม่นานนักก็ตักน้ำหนึ่งอ่างเดินเข้ามา
นางเอื้อมหยิบผ้าซับหน้าของต้วนเหลยถิง สายตาฉายแววใสซื่อบริสุทธิ์ การกระทำอ่อนโยนแ่เบา ช่วยเช็ดเนื้อตัวให้เขาทุกจุดอย่างเอาจริงเอาจัง
มิใช่เื่ง่ายกว่าต้วนเหลยถิงจะได้สติกลับมาจากการรักษาของหมอเทวะ ครั้นถูกเคอโยวหรานปรนนิบัติเช่นนี้ มือทั้งสองข้างถึงกับสั่นเทา ใบหูมีริ้วแดงคืบคลานอย่างเงียบเชียบ
ทำได้เพียงนอนกายแข็งทื่อ ปล่อยให้นางกระทำตามอำเภอใจ เมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด ประสาทััของมนุษย์ย่อมว่องไวมากที่สุด
การเช็ดถูของเคอโยวหราน สำหรับบุรุษทั่วไปผู้หนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าราวกับเป็การปลิดชีพก็มิปาน
มิใช่เื่ง่ายกว่าจะอดทนจนเคอโยวหรานเช็ดตัวเสร็จ ริ้วแดงที่เพิ่งเลือนหายของต้วนเหลยถิงพลันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
หมอเทวะล้วงหยิบขวดเล็กทำจากดินเหนียวสีน้ำตาลอ่อนส่งให้เคอโยวหรานแล้วเอ่ยว่า “เอายาลูกกลอนข้างในให้เขากินวันละหนึ่งเม็ด กินติดต่อกันสามวันเป็พอ”
เคอโยวหรานรับขวดยามา จัดการรินน้ำ และประคองต้วนเหลยถิงลุกขึ้นเพื่อป้อนยาให้เขากิน
หางตาของหมอเทวะถึงกับสั่นไหว กล่าวได้ว่าเ็ปรวดร้าวใจเหลือเกิน นั่นคือยารักษาสารพัดโรคที่เขารักถนอมมาค่อนชีวิต เหตุใดเมื่อครู่ถึงสมองกระตุกจนยอมมอบออกไปเล่า?
หากอยากเอาอีกสองเม็ดที่เหลือกลับคืนมาจะยังทันอยู่หรือไม่?
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สูงแปดฉื่อ 身高八尺 หมายถึง ส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบสี่เิเ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้