เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยหลินลั่วหรานก็ลงมาจากตึก เธอรู้ดีว่าเป่าเจียมักจะไม่ได้กินข้าวเช้าก็เลยต้มบะหมี่ใส่กล่องมาให้ แถมยังมีไข่ไก่โปะอยู่้าอีกด้วย
เมื่อเห็นเธอ เป่าเจียก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “ได้ยินมาว่าเมื่อวานมีละครหน้าประตูใหญ่ด้วยนะมีคนร้ายมารังแก แล้วก็มีวีรบุรุษมาช่วยสาวสวย!”
บ้านพักกองทัพเป็ที่ของเป่าเจียจะรู้เื่เมื่อวานก็คงไม่แปลก แต่เื่นี้ ยิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่ชัดเจนหลินลั่วหรานจึงได้แต่ยกยิ้มพร้อมกล่องข้าวในมือ “ถ้ายังพูดอะไรมั่วๆ อีกข้าวเช้าที่รักก็อาจจะไม่มีแล้วนะ!”
ได้ยินดังนั้นเป่าเจียก็ปั้นรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า “ไม่พูด ไม่พูดแล้ว พี่หลินคะได้โปรดแบ่งปันอาหารให้ฉันหน่อยนะคะ” เธอพูดพร้อมทั้งแย่งกล่องข้าวไปจากหลินลั่วหรานก่อนจะลงมือกินอย่างอารมณ์ดี
ทั้งสองพากันยิ้มหัวเราะ ก่อนจะไปถึงบริษัทใน่เวลาที่พอดิบพอดี
บังเอิญหรือไม่บังเอิญก็ไม่รู้แต่เมื่อรถจอดลงพวกเธอก็เจอกับหลิ่วเจิง เขาจะพยักหน้าและส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปกับผู้ช่วย
“คุณชายหลิ่วไม่โรแมนติกเลย เหอะๆ” เป่าเจียถอดแว่นกันแดดออกมาจากใบหน้า พร้อมพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
หลินลั่วหรานรู้สึกนิสัยของเธอดีจึงทำเป็ไม่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มแล้วถามกลับ “ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลยนะว่าที่จริงแล้วเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับบอสใหญ่ของเรากันแน่ทำไมแม้แต่ที่บ้านคุณตาของเธอยังเจอเขาได้...”
เป่าเจียไออ้อมแอ้ม ก่อนแน่นิ่งไป มองซ้ายมองขวาแล้วพูดออกมา “วันนี้อากาศดีนะ!”
มาบอกว่าอากาศดีในลานจอดรถใต้ดินเนี่ยนะหลินลั่วหรานไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงได้แต่กลอกตาใส่ก่อนจะเดินแยกออกไปทำงานของตัวเอง
เมื่อวานถือว่าโชคดีที่มีหลิ่วเจิงอยู่แล้วเสนอการรับเลี้ยงเด็กชายภายใต้ชื่อของพ่อกับแม่ของเธอออกมาหลินลั่วหรานจึงต้องรีบพิจารณาเื่การจะซื้อห้องที่อยู่ของเป่าเจียในตอนนี้ก็นับได้ว่าเป็ตึกใหม่แต่เป็ตึกที่มีลิฟต์หลินลั่วหรานจึงไม่ค่อยชอบนัก
พ่อแม่ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมถ้ามีสวนให้ได้ปลูกดอกไม้ ก็ถือเป็สิ่งหนึ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้ตึกที่มีสวนดอกไม้...ในตอนนั้นหลินลั่วหรานก็รู้สึกว่าเงินที่ตัวเองมีอยู่ไม่พอใช้ขึ้นมาทันที
จะผ่าก้อนที่อยู่กับเป่าเจียหรือว่าจะทำการค้าขายที่แทบไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรเลยแบบนี้ดี? หลินลั่วหรานรู้สึกว่าเลือกได้ยากจริงๆจึงได้แต่รวบรวมสมาธิก่อนจะเริ่มทำงาน
วันนี้การค้าขายในแผนกของหลินลั่วหรานค่อนข้างดีพนักงานต่างพากันยุ่งวุ่นวายจนเท้าแทบไม่ติดพื้นเมื่อหลินลั่วหรานเห็นว่าหลิวเหมยกำลังรับมือกับลูกค้าสองคน จึงเลือกคนที่ไม่น่าจะต้องต้อนรับอะไรวุ่นวายมากนักมาดูแล
เพราะน้ำเสียงที่ดูสุภาพนุ่มนวลของเธอบวกเข้ากับข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีทุกรูปแบบที่จำมาอย่างดีแล้วทำให้เธอจัดการขายแหวนเพชรออกไปได้อย่างสบายๆ แม้ว่าจะเป็เพียงแหวนวงเล็กๆแต่ก็ถือว่าเป็ผลงานชิ้นแรกั้แ่ที่ได้เข้ามาทำงานในด้านนี้ทำให้เธอดีใจเป็อย่างมาก
หลังจากหลิวเหมยจัดการเื่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยเมื่อหันมาเห็นว่าเธอกำลังยืนยิ้มอยู่ ก็หันมาขยิบตาให้ “ถ้าพูดให้เร็วกว่านี้ก็คงจะได้ขายแหวนที่ใหญ่กว่านั้นไปแล้วไหม?”
หลินลั่วหรานจึงค้อนสายตาใส่ที่หลิวเหมยพูดอยู่คือเื่เมื่อวันก่อนมีชายวัยกลางคนบางกลุ่มเข้ามาพัวพันกับเธอ หลังจากที่เห็นเธอจากหน้าเคาน์เตอร์
จะให้ไปเป็ภรรยาลับของผู้ชายพุงโตแบบนั้นเป็เื่ที่หลินลั่วหรานไม่คิดจะทำมาั้แ่แรก เพราะแบบนั้นอย่าได้พูดถึงหลังจากที่ก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการฝึกศาสตร์แล้วเลย
พนักงานคนอื่นต่างพากันอิจฉาเธอกันทั้งนั้นต่างพากันพูดว่าเธอเป็ “ผู้ดีจอมปลอม” เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ต่างก็ไม่ได้แย่ อีกทั้งยังมักจะนั่งรถ BMW มาทำงาน นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะได้จากการทำงานเพียงอย่างเดียวแน่นอนจึงพากันพูดถึงเธอไม่ดีนัก
ความสามารถทางการได้ยินของหลินลั่วหรานนั้นดีมากจึงได้ยินข่าวลือแบบนี้โดยไม่ได้ระวังมาบ้าง และก็ได้แต่ยิ้มๆ ไปเท่านั้น อย่างไรก็ไม่ใช่ความจริงไปคิดมากกับคนเ่าั้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
หลิวเหมยเองก็ได้ยินข่าวลือไม่ดีเหล่านี้มาบ้างเช่นกันแม้ว่าจะไม่ได้สนิทกับหลินลั่วหรานมากนักแต่เมื่อเห็นว่าเธอพยายามเรียนรู้เื่อัญมณีอย่างตั้งใจถ้าเธอได้เงินก้อนโตจากการทำเื่แบบนั้นจริง ใครจะยังมาทำงานแบบนั้นอยู่กัน? เพราะแบบนั้นเธอจึงตั้งใจถามเธอแทนเหล่าพนักงานเ่าั้และก็หวังว่าเธอจะได้อธิบายความจริงของตัวเองออกมา
เมื่อหลินลั่วหรานเห็นว่าพนักงานคนอื่นต่างพากันเงี่ยหูฟังเธอก็เข้าใจความ้าของหลิวเหมยขึ้นมาทันที แต่เธอก็เพียงส่งรอยยิ้มมาให้แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา
หลิวเหมยเพิ่งจะได้รู้หลินลั่วหรานทำอะไรสงบนิ่ง เดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไรข่าวลือเ่าั้อยู่แล้วจึงเลิกที่จะหาวิธีให้เธอได้แก้ไขเื่ของตัวเองไป
เมื่อลูกค้าเยอะ เวลาในการทำงานก็เต็มที่เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนที่หลินลั่วหรานเลิกงานเดินออกมาจากประตูใหญ่กับพวกของหลิวเหมยแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถสีแดงคันหรูจอดอยู่หน้าประตู เมื่อกระจกรถถูกลดลงก็เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนบิดเบี้ยวของชายสกุลมู่
“คุณหลินให้เกียรติไปทานข้าวกับผมสักมื้อเถอะ!”
คู่สาวสวยหนุ่มหล่อในสถานที่อย่างร้านขายอัญมณีเป็เื่ที่พบได้บ่อยเมื่อพูดถึงเ้าชายที่มาซื้อเครื่องประดับผมรูปดาวเมื่อวันก่อน แน่นอนว่าหลายๆคนยังคงจำกันได้ แต่ในเวลานี้ข้างกายของเขากลับไร้คู่ควง แต่กลับมาชวน “ปีศาจจิ้งจอก” ในสายตาของพวกเธอไปกินข้าว ทุกคนต่างพากันแสดงท่าทางเข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้ก็จับคุณชายที่หล่อ รวย แบบนี้ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงไม่สนใจพวกชายอ้วนเ่าั้!
ใบหน้าของหลิวเหมยปรากฏรอยยิ้มหลุมเครือออกมาแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวังดี ก่อนจะผลักหลินลั่วหรานออกมา
เมื่อหลินลั่วหรานเห็นท่าทางอิจฉาของเหล่าสาวๆที่อยู่เบื้องหน้า เธอไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด แต่กลับค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น
แม้เธอจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วชายตระกูลมู่ก็จะต้องมาตามหาเธออย่างแน่นอน แต่กลับไม่คิดว่าภายในเวลาสั้นๆ แบบนี้แม้แต่ที่ทำงานก็ยังรู้ได้ เมื่อเห็นสีหน้ายโสโอหังของเขาหลินลั่วหรานก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด ถ้าหากเขาหาเมล็ดโสมจากตัวเธอไม่ได้เขาก็คงจะมาทำให้เธอเสียเวลาแบบนี้ทุกวัน
หลินลั่วหรานไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดที่จะมานั่งเล่นกับคุณชายอย่างเขาเธอยังต้องทำงาน ยังต้องฝึกศาสตร์ อีกทั้งยังกำลังจะรับเลี้ยงเด็กชายอีกด้วยแล้วก็ยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่...คงไม่มีเวลาไปใช้สิ้นเปลืองกับเขา
ที่จริงแล้วเมล็ดโสมนั่น มันสำคัญมากแค่ไหนกันนะ? ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในหัวของเธอก่อนจะพิจารณาว่าเธออาจจะต้องลองคุยกับเขา แล้วเอาโสมสักต้นคืนให้ไป?
หลังจากมู่เทียนหนานได้หยกก้อนนั้นมาความจริงก็ไม่ได้ต้องรีบร้อนเื่เมล็ดโสมแล้ว แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องมาเกาะติดหลินลั่วหรานไม่ปล่อยแบบนี้ อาจจะเป็เพราะท่าทางการพูดโกหกออกมาหน้าตายของผู้หญิงคนนี้จะน่าเกลียดเกินไปอืม คงจะเป็แบบนี้แน่ มู่เทียนหนานพูดปลอบตัวเองในใจ
เขาคิดว่าการที่เห็นหลินลั่วหรานเงียบไปเป็เื่ดีเขาจึงคิดว่าต้องเป็เพราะเธอกำลังรู้สึกผิดอยู่แน่ เมื่อคิดได้แบบนี้มู่เทียนหนานก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นมา
หลินลั่วหรานเห็นว่าการมาขวางอยู่หน้าประตูแบบนี้ก็ไม่ใช่เื่ทันใดนั้นประตูหมุนก็เปิดออก เป่าเจียกับหลิ่วเจิงกำลังเดินคุยหัวเราะกันออกมาเมื่อเห็นคนที่หน้าประตู ก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลิ่วเจิงเห็นว่าเป็ผู้ชายคนเมื่อวานก็แสดงสายตาไม่เข้าใจออกมา แต่เป่าเจียกลับรู้ได้ในทันที จึงพูดแหย่ “เขาเหรอ?”
มู่เทียนหนานยืนตรงข้ามกับประตูพอดีเมื่อเห็นทั้งสองก็ทักทายขึ้นมาอย่างสนิทสนม “คุณชายหลิ่ว เจอกันอีกแล้วนะ! โย่ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ สวยดีนะ คุณฉินที่เป็คู่หมั้นใช่ไหม ดูสิช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเสียจริง...”
นี่เป็สิ่งที่เขาใช้แรงมากมายในการหามาจนได้หลังจากรู้ถึงความสัมพันธ์ของหลินลั่วหรานและเป่าเจียเขาก็ได้รู้ว่าเธอคือคู่หมั้นของหลิ่วเจิงเมื่อนึกถึงตอนที่หลิ่วเจิงบอกว่าหลินลั่วหรานเป็แฟนของเขามู่เทียนหนานก็ยิ่งได้ใจขึ้นมา ไอ้เ้าแว่นจะมาจับปลาสองมือทั้งแบบนั้น เพ้อฝันเกินไปแล้ว!
เมื่อได้ยินว่าดีไซเนอร์ที่เข้ามาใหม่คือคู่หมั้นของประธานคนที่หัวใจสลายกลับไม่ใช่เป้าโจมตีของมู่เทียนหนานอย่างหลินลั่วหรานแต่เป็พนักงานที่อยู่โดยรอบ
ฟ้ารู้ดีว่าพวกเธอต้องพากันจ้องมองเ้านายที่ทั้งหล่อทั้งรวยคนนี้มากันตั้งนานแล้ว ที่แท้ก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วนี่เอง...หึผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไรสักหน่อย! มีคนคิดโต้แย้งขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง
หลินลั่วหรานเข้าใจทุกอย่างกระจ่างขึ้นมาในทันทีที่แท้เขาก็คือคู่หมั้นของเป่าเจียไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เจอกับหลิ่วเจิงที่บ้านของผู้บังคับบัญชาฉิน
เมื่อนึกถึงคำที่หลิ่วเจิงใช้ช่วยเธอเมื่อวานเมื่อหลินลั่วหรานหันไปมองเป่าเจีย ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไรแต่เธอกลับรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
เราคงจะไม่ได้...อืมอืม?
“คุณหลินแย่งแฟนของเพื่อนตัวเองไม่ถูกนะครับ ยังไงก็ช่วยพิจารณาผมดูสักหน่อยเถอะ...แม้ว่าตระกูลมู่ของผมจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลหลิ่วแต่ผมยังไม่มีคู่หมั้นนะ!”
ผู้คนโดยรอบต่างพากันจ้องมองไม่กะพริบตาตอนแรกก็หัวหน้าถูกเปิดโปงคู่หมั้น ตอนนี้ก็ยังเป็ “ปีศาจจิ้งจอก” หลินลั่วหรานตั้งใจจะเป็มือที่สามแถมเธอกับดีไซเนอร์ฉินยังเป็เพื่อนกันอีกด้วย? พระเ้าความสัมพันธ์นี้มันช่างวุ่นวายเสียจริง!
และในขณะเดียวกัน นี่มันสุดยอดไปเลย