านองเืปะทุขึ้น ณ มุมหนึ่งอันห่างไกลของทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาล ทว่า มันควรถูกเรียกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เสียมากกว่า ด้วยความเหนือกว่าทางกำลังทหารอย่างมหาศาลของฝ่ายหนึ่ง และการสังหารผู้คนไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็ชาย หญิง หรือเด็กที่ขวางทาง
ทหารในเครื่องแบบสีน้ำเงินเพียบพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก พร้อมด้วยรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะติดอาวุธจำนวนมาก ได้บุกเข้ายึดครองเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง สังหารผู้คนอย่างโเี้
นครแห่งนี้ที่ซึ่งถนนหนทางเปรอะเปื้อนไปด้วยเื คือบ้านเกิดของ ชาวโลหิต เผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นด้วยผมสีขาวและดวงตาสีแดงชาด
ชาวโลหิตเป็เผ่าพันธุ์สันโดษที่เดินทางมายังทะเลทรายแห่งนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน แม้จะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย แต่ด้วยความมานะบากบั่น พวกเขาก็สามารถสร้างชาติที่ยืนหยัดข้ามผ่านกาลเวลามาได้
โชคร้ายของชาวโลหิตก็คือ ทะเลทรายที่พวกเขานั้นได้ดึงดูดความละโมบของ อาณาจักรดาราอันยิ่งใหญ่
เหล่าอดีตกษัตริย์ดาราไม่เคยใส่ใจดินแดนเ่าั้เลย เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเป็ไปไม่ได้ที่จะทำให้มันน่าอยู่อาศัย แต่ชาวโลหิตกลับทำได้
บัดนี้ เมื่อทะเลทรายมีมูลค่า สุริตมหาราช กษัตริย์ดาราองค์ปัจจุบัน จึงตัดสินใจที่จะยึดครอง ชาวโลหิตได้พิสูจน์แล้วว่าดื้อดึงและควบคุมยากเกินไป ดังนั้น พระองค์จึงเลือกแนวทางที่ตรงไปตรงมา แทนที่จะเสียเวลาทำให้พวกเขาเป็ส่วนหนึ่งของอาณาจักร
ในตอนแรก อาณาจักรดาราอันยิ่งใหญ่ได้ใช้แนวทางทางการทูต แต่ชาวโลหิตไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขของอาณาจักรได้เลย เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันคือการลดทอนศักดิ์ศรีของพวกเขาให้กลายเป็ทาส
กษัตริย์ดาราทรงทราบดีว่าเื่นั้นจะต้องเกิดขึ้น หลังจากสร้างภาพลวงตาต่อมวลชน ประณามชาวโลหิต และทำให้ชัดเจนว่าการทูตไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป พระองค์จึงอาศัยข้ออ้างสุ่มๆ และเริ่มทำากวาดล้าง
แม้ชาวโลหิตจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบได้กับอาณาจักรดาราอันยิ่งใหญ่ และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน กองทัพศัตรูก็รุกรานเมืองหลวงของประเทศ
เด็กชายวัยไม่เกินห้าขวบนั่งอยู่บนูเาใกล้ๆ ผมสีขาวและดวงตาสีแดงของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็ส่วนหนึ่งของชาวโลหิต เขามองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง
ความโหดร้ายและทารุณกรรมของาใดๆ ก็ตามสามารถสร้างาแทางจิตใจอันลึกซึ้งให้กับผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น ฉากอันน่าสะพรึงกลัวนั้นจึงควรจะรุนแรงเกินกว่าที่เด็กเล็กๆ จะรับไหว ทว่า เด็กชายกลับไม่แสดงอาการใดๆ
ดวงตาเล็กๆ เ่าั้ไม่แสดงความกลัว ความเกลียดชัง ความเศร้า หรือสิ่งใดเลย
เสียงฝีเท้าทำให้เด็กชายตื่นตัว เขามองไปทางขวา ก็เห็นชายห้าคนในชุดเครื่องแบบทหารปีนขึ้นมาตามสันเขาและมาถึงที่ของเขา
เขาเห็นอาวุธของพวกเขา และเห็นว่าทหารบางคนมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความกระหายเื แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่แสดงอาการใดๆ หลังจากเหลือบมองทั้งห้าคน เขาก็หันสายตากลับไปยังเมือง
"เจอตัวแล้วตัวหนึ่ง จัดการหนูตัวเล็กนี่ซะ" ทหารคนหนึ่งยกปืนไรเฟิลขึ้นเล็งไปที่เด็กชาย รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นเมื่อเขานึกภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขายิงะุออกไป
"หยุดนะ!" ทหารอีกคนหนึ่งะโใส่เพื่อนร่วมชาติพร้อมกับกดปืนไรเฟิลที่เล็งไปที่เด็กชายลง ดวงตาของชายผู้นี้เต็มไปด้วยความโกรธและความรู้สึกผิดเสียจนไม่อาจซ่อนได้ แม้เขาจะ้าซ่อนก็ตาม
เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกล้าที่จะขัดขวางความสนุกของเขา ทหารที่มีรอยยิ้มบิดเบี้ยวก็ะเิความโกรธออกมา
"แกทำอะไรอยู่น่ะ โจนา? ภารกิจของเราคือฆ่าหนูพวกนี้ให้หมดทุกคน!"
ความรู้สึกผิดและความโกรธในตัวทหารที่ชื่อโจนาเพียงเพิ่มขึ้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น
"พวกเขาให้เราฆ่าผู้หญิงและเด็ก เราจะทำตามคำสั่งบ้าๆ แบบนั้นได้ยังไง!"
"แกน่าจะรู้ดีถึงราคาของการขัดคำสั่งนะ!" ทหารที่มีรอยยิ้มบิดเบี้ยวไม่ลดละและไม่ยอมแพ้
"เราบอกว่าเราไม่เห็นเขาได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องจมดิ่งลงไปในความเลวทรามนี้อีก" โจนาไม่ปล่อยปืนไรเฟิลขณะที่เขาหันไปทางเด็ก "หนู วิ่งไปเดี๋ยวนี้!"
เด็กชายไม่ขยับและยังคงมองไปยังเมือง ใครก็ตามที่เห็นพฤติกรรมเช่นนี้คงจะคิดว่าจิตใจของเด็กชายได้แตกสลายและไม่สามารถประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นได้
"คุณเห็นไหม, เขาเสียสติไปแล้ว. ปล่อยให้เขาจบความทุกข์ทรมานตอนนี้ดีกว่า." ทหารที่เต็มไปด้วยความกระหายเืผลักโจนาออกไปได้สำเร็จและเล็งปืนไรเฟิลไปที่เด็กชาย
ก่อนที่ทหารจะเหนี่ยวไก เด็กชายก็ยกมือไปทางพวกเขา ก่อนที่จะกำหมัดแน่น
ทันทีหลังจากนั้น หนามแหลมคมจากพื้นดินก็ผุดขึ้นมา เสียบทะลุทหารทั้งห้าคนและสังหารพวกเขาในทันที เด็กชายสังหารทั้งคนดีและคนเลวด้วยการเคลื่อนไหวของมือเพียงครั้งเดียว
เช่นเดียวกับการที่เห็นผู้คนของเขาตายไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาใดๆ ในตัวเขา การสังหารทหารเ่าั้ก็ล้มเหลวที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นกัน บัดนี้เมื่อสิ่งรบกวนได้สิ้นสุดลง เด็กชายก็จดจ่ออยู่กับเมืองอีกครั้ง
"ถ้าข้าเชี่ยวชาญพลังนี้เร็วกว่านี้ ข้าคงช่วยพวกเขาไว้ได้"
คำพูดเ่าั้ฟังดูเหมือนชายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่เด็กชายกลับเอ่ยออกมาโดยไร้อารมณ์ เขากำลังกล่าวถึงข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้นและไม่น้อยไปกว่านั้น
เขามองเมืองเป็ครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป ขณะที่เขาเดินออกไป เขาก็ยกมือไปทางทหารที่ตายแล้ว ดึงเืออกจากร่างกายของพวกเขาเข้ามาหาตัว
สายธารโลหิตเคลื่อนที่ไปรอบๆ ร่างกายของเด็กชาย ก่อนจะแข็งตัวและก่อตัวเป็ ชุดคลุมสีแดง มีคำสองคำที่ด้านหลังเขียนด้วยด้ายสีขาวราวกับน้ำนมว่า
"ราชันชุดแดง"
ในวัยเพียงสี่ขวบกับสามวัน ราชันชุดแดงได้เห็นทุกคนที่เขารู้จักพินาศไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้