“ผู้าุโ พวกท่านหยุดเถิด” หยุนซีดูเป็กังวลขณะมองเหล่าผู้าุโของนิกายที่ยืนล้อมรอบหลินเฟิง “เื่นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหลินเฟิง ทำไมพวกท่านถึงแยกแยะขาวกับดำไม่ออก”
“กรี๊ด...”
“หุบปาก!”
หลังจากหยุนซีถูกเหวี่ยงออกไปและล้มลงกับพื้น จากนั้นนางได้เงยหน้ามองอาจารย์ของตนด้วยสายตาเ็า... ซึ่งมันเหน็บหนาวไปถึงกระดูก
ก่อนหน้านี้นางอุทิศทั้งชีวิตให้นิกายมาโดยตลอด นางแทบไม่ค่อยได้ก้าวออกจากนิกาย เพราะที่แห่งนั้นนิกายเปรียบเสมือนบ้านของนาง
เพราะประสบการณ์ของหยุนซียังน้อยนัก จึงมีอีกหลายเื่ที่นางยังไม่เข้าใจ นางคิดเสมอว่านิกายเป็สถานที่ที่นางสามารถพึ่งพาได้มาโดยตลอด
แต่ความจริงนั้นบางครั้งช่างโหดร้าย ความเยือกเย็นของมนุษย์เพียงพอที่จะทำให้ใครบางคนต้องรู้สึกผิดหวัง ก็เหมือนกับหยุนซีในตอนนี้ นางรู้สึกว่าจู่ๆ โลกของนางกลับกลายเป็ว่างเปล่า นิกายที่นางชื่นชอบกลับไม่ใช่อีกต่อไป
ขณะมองไปที่อาจารย์และเหล่าผู้าุโ ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามดั่งที่นางวาดฝันไว้ คนของนิกายหลั่วเซียไม่ได้ดีอย่างที่นางคิด
หยดน้ำตาไหลรินลงข้างแก้มของหยุนซีช้าๆ มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางรู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดหรือโต้แย้งอะไรออกไปก็คงไม่มีใครสนใจนาง
หลินเฟิงมองน้ำตาที่ไหลเอ่อจากดวงตาของหยุนซี เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หยุนซีคนนี้ช่างไร้เดียงสานัก นางไม่เข้าใจถึงด้านมืดและความเ็าของโลกใบนี้แม้แต่น้อย
“ศิษย์น้อง เขาก็แค่คนแปลกหน้า ทำไมเ้าต้องไปใส่ใจเขาด้วย แล้วเ้ายังกล้าโต้เถียงกับท่านผู้าุโผู้ทรงเกียรติเหล่านี้อีก” อู๋กังกล่าวอย่างไม่แยแส หยุนซีปรายตามองเขาอย่างเยือกเย็น ทุกอย่างล้วนเป็เพราะอู๋กัง... ไอ้สารเลว แต่อู๋กังกลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลย สำหรับเขาแล้วนางเป็เพียงหญิงสาวไร้เดียงสา และจ้องหาโอกาสเสพสุขกับร่างกายนางเท่านั้น
“ท่านผู้าุโ หลินเฟิงเป็คนน่ารังเกียจและไร้ยางอาย ไม่เพียงโจมตีข้าเท่านั้น แต่เขายังสังหารศิษย์ทั้งสอง แม้กระทั่งหลอกลวงศิษย์น้องหยุนซี ไอ้สารเลวนี่ต้องตาย!”
อู๋กังหันไปยิ้มให้หลินเฟิงอย่างเยือกเย็น ในแววตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
“ใช่ คนชั่วช้าเช่นนี้จะต้องตาย เพื่อแก้แค้นให้กับศิษย์ของนิกายหลั่วเซีย” ผู้าุโอีกคนกล่าว
“ฆ่า... จะต้องฆ่าให้ได้!”
เหล่าผู้าุโต่างลงความเห็นว่าต้องสังหารหลินเฟิง ในสายตาของพวกเขานั้น ชีวิตของหลินเฟิงเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือที่จะขยี้เมื่อไรก็ได้
เหล่าผู้าุโของนิกายหลั่วเซีย มีสามคนอยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 มีสองคนอยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 2 และอีกคนอยู่ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3
คลื่นดาบที่รุนแรงและน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ขณะนั้นเหนือศีรษะของหลินเฟิงได้ปรากฏแสงสีม่วงขึ้น รอบกายหลินเฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
“อะไรกัน เขาจะโต้กลับอย่างนั้นหรือ?” บางคนในนิกายหลั่วเซียหัวเราะ และกล่าวเย้ยหยันว่า “เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญา แม้จะอาศัยพลังจากภายนอกเพื่อเพิ่มกำลังแล้วยังไงล่ะ ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็วันตายของเ้า!”
“ใช่ รนหาที่ตายจริงๆ”
ตอนนี้เองได้มีลมปราณทรงพลังแผ่ออกมาสายหนึ่ง ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาต่างถอยหลัง ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับกำลังล้อมกรอบสังหารหลินเฟิง
พวกเขาทั้งหมดต่างเคยได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ของหลินเฟิงในวันนั้น เขาสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับไปถึงสี่คน แม้จะเป็ขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 1 แต่พวกเขาก็ไม่อาจประมาทได้ พวกเขาจึงให้คนของนิกายไปล้อมกรอบเพื่อสังหารหลินเฟิง
“พวกท่านยัง้าสังหารเขาเช่นนี้ หมายความว่าพวกท่านไม่รับฟังคำพูดของข้าเลยหรือ?” หยุนซีพึมพำกับตัวเอง พวกเขาไม่รับฟังจริงๆ หรือจงใจกันแน่? เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างรู้ความจริงทั้งหมด แต่ก็ยัง้าจะสังหารหลินเฟิง!
หยุนซียืนขึ้นและกล่าวขณะมองหน้าผู้าุโของนิกาย “ท่านผู้าุโ หยุนซีผู้นี้ขอสาบานว่า วันนี้ข้ากับศิษย์อีกสองคนและอู๋กังได้มาที่นี่ด้วยกัน แต่กลับไปเจอปีศาจที่ชั่วร้ายในกระท่อม แล้วปีศาจนั่นก็ได้สังหารศิษย์พี่ทั้งสองไป เดิมทีเขา้าสังหารข้า แต่ในขณะนั้นได้มีชายเ้าของนามว่าปิงเหอเถิงปรากฏกาย เ้าปีศาจนั่นจึงไม่สนข้าและหลบหนีไป”
“เื่ที่เกิดขึ้นอู๋กังก็ทราบดี แต่เพื่อศักดิ์ศรีของเขาแล้ว เขาจึงหาคนอื่นมาเป็แพะรับบาป มิหนำซ้ำเขายังดูแคลนและจะสังหารข้าอีก โชคดีที่หลินเฟิงปรากฏตัว แต่สิ่งที่น่ารังเกียจไปกว่านั้นคือ อู๋กังได้จับข้าเป็ตัวประกันเพื่อข่มขู่หลินเฟิง ทำให้หลินเฟิงไม่อาจสังหารเขาได้ หลังจากนั้นท่านผู้าุโก็มาพอดี หากข้าต้องโกหกเพื่อช่วยเหลือคนสารเลวพรรค์นี้ล่ะก็ ข้าขอตายเสียดีกว่า!”
“ช่างไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้”
“โง่เง่า” คนเ่าั้จากนิกายหลั่วเซียต่างมองหยุนซีอย่างเยือกเย็น
“ไสหัวไป!” เสียงที่ทรงพลังจากผู้คนเข้าสู่โสตประสาทของหญิงสาว ทำให้หยุนซีตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้
“หากเ้ายังขัดขวางไม่ให้เราล้างแค้นให้กับศิษย์ของนิกายล่ะก็ แม้แต่เ้าเราก็สังหารได้อย่างไม่ลังเล!” เสียงะโอันเ็าทำให้หัวใจของหยุนซีบีบรัด นางสูญเสียความหวังไปทั้งหมด
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่นางทำล้วนไร้ประโยชน์
“แม้แต่ข้าก็จะสังหารด้วยสินะ” หยุนซีพึมพำกับตัวเอง จากนั้นจู่ๆ นางก็ยิ้มออกมา ซึ่งเป็รอยยิ้มที่น่ากลัว ทันใดนั้นลมปราณแห่งการทำลายล้างก็แผ่ออกจากร่างของนาง ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
หลินเฟิงรู้สึกแปลกๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวด้านหลังหยุนซี แต่ดูเหมือนว่ามันสายจะเกินไป เนื่องจากนางส่งปราณเข้าไปทำลายอวัยวะภายในของตน จากนั้นเืสีแดงฉานก็พรั่งพรูออกจากปาก ดอกไม้ที่ยังไม่ทันได้ผลิบานกลับร่วงโรยไปเสียแล้ว
หลินเฟิงคว้าร่างของหยุนซีไว้ ทันใดนั้นสีหน้าก็กลายเป็ซีดขาวทันที
ฆ่าตัวตาย ไม่คิดเลยว่า... หยุนซีจะปลิดชีพตัวเอง
ช่างเป็หญิงสาวที่โง่เง่าอะไรเช่นนี้!
นางยังเยาว์วัยนัก นางมีอายุแค่ 16-17 ปีเท่านั้น นางควรมีชีวิตที่สงบสุขและสวยงาม ทว่าเป็เพราะความจริงอันโหดร้าย ทำให้นางไม่อาจยอมรับได้และเลือกที่จะปลิดชีพตัวเอง แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ควรจบลงแบบนี้
ผู้คนจากนิกายหลั่วเซียต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าหยุนซีจะปลิดชีพตัวเองด้วยเื่แค่นี้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ความประหลาดใจของพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยสายตาเยือกเย็นดุจเดิม การตายของลูกศิษย์คนหนึ่ง สำหรับพวกเขาแล้วก็แค่เื่เล็กน้อย ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะถึงอย่างไรคนที่ตายไปแล้วก็ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้
ศีรษะของหยุนซีพิงหน้าอกของหลินเฟิง แม้จะมีเืไหลออกจากปากไม่หยุด แต่ดวงตาของนางก็ยังดูไร้เดียงสา นางกำลังจ้องมองหลินเฟิงและยิ้มน้อยๆ ให้กับเขา
“ขอโทษ ข้าคงไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เพื่อเ้าอีก เป็ความผิด... ของข้าเอง”
มุมปากของหยุนซียังคงมีเืไหลออกมา เมื่อได้ยินเสียงแ่เบาของหญิงสาวแล้ว หลินเฟิงก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา
เมื่อเห็นรอยยิ้มและสีหน้าซีดเซียวของหยุนซี หลินเฟิงกลับรู้สึกว่านี่ช่างเป็รอยยิ้มที่งดงามที่สุด แต่น่าเสียดายที่เขาจะไม่ได้เห็นมันอีกต่อไป
“ข้ารู้ ไม่ใช่พวกเขาไม่เชื่อข้า แต่ข้าไม่คุณสมบัติพอที่พวกเขาจะต้องฟังข้า ข้าไม่อาจโน้มน้าวพวกเขาได้แม้แต่น้อย ดังนั้น... นี่จึงเป็ทางออกเดียวที่เหลืออยู่”
น้ำเสียงของหยุนซีค่อยๆ แ่เบาลงเรื่อยๆ หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและหายใจลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ในโลกก่อนเขาไม่เหมือนหยุนซีที่ไร้เดียงสาขนาดนี้ เขาคิดว่าอาจเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ด้วยความสามารถของตน อย่างไรก็ตามความจริงที่โหดร้ายได้สอนบทเรียนให้กับเขา ราคาที่ต้องจ่ายก็คือชีวิตของเขา
หยุนซีก็เป็ลูกศิษย์เหมือนกับเขา ที่เคยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง แต่ความเป็จริงที่โหดร้ายนั้นทำให้นางต้องจ่ายด้วยชีวิตของตนเอง
ทว่าคนที่ต้องจ่าย ไม่ควรเป็นางเลย
“หลินเฟิง ข้าก็เป็สาวแล้วแต่ยังไม่มีคนที่ชอบ หากเ้าไม่ว่าอะไร… เ้าจะจูบข้าได้หรือไม่?” จู่ๆ รอยยิ้มเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยุนซี จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “หรือแค่คิดว่าทำให้ในฐานะน้องสาวก็ได้”
“อืม” หลินเฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น นี่คือคำขอสุดท้ายของเด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่งในอ้อมอกของเขา แล้วอย่างนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
หลินเฟิงก้มต่ำลงเล็กน้อยแล้วประทับจูบลงไปอย่างอ่อนโยน ภาพของหยุนซีในตอนนี้ช่างงดงามและน่าสงสารในคราวเดียวกัน
“นี่หรือ… คือความรู้สึกของการชอบใครสักคน”
ใบหน้าของหยุนซีแดงระเรื่อ จากนั้นดวงตาที่สดใสของนางก็ค่อยๆ ปิดลง
ขณะมองดวงตาของหยุนซีกำลังปิดลง หลินเฟิงเงยหน้าและหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง
“ฆ่า!”
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวได้ออกมาจากปากของหลินเฟิง ตอนนี้เองได้มีร่างเงาสามร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกเขามีเจตจำนงอันเยือกเย็นที่รุนแรงแผ่ปกคลุมทุกคนในบริเวณนั้น
แสงสีม่วงนั้นก็คือสัญญาณจากหลินเฟิง ท่านหัว ท่านชื่อ และเมิ่งฉิงได้มาถึงนานแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏกายเท่านั้น
เมื่อััได้ถึงจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ผู้คนจากนิกายหลั่วเซียต่างก็ใจสั่นอย่างรุนแรง!