หลินเฟิงมองไปยังทิศเดียวกับผู้คน และเห็นปิงหยวน ซึ่งเป็ชายหนุ่มที่ดูเ็า
ในหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน ลือกันว่ามีเพียงผู้ที่จิติญญาหิมะหรือผู้ที่มีทักษะยุทธ์ประเภทน้ำแข็งเท่านั้นถึงจะได้รับการยอมรับ ทำให้ลูกศิษย์จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานส่วนใหญ่มีทักษะน้ำแข็งที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เรียกได้ว่าหากพวกเขารวมตัวกันล่ะก็ บรรยากาศในบริเวณนั้นอาจเย็นะเือย่างไม่อาจทานทนได้
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 9”
ป้าเตากล่าวเสียงแ่เบา หลินเฟิงก็พยักหน้าเล็กน้อย ความจริงแล้วนิกายหยุนไห่ถูกทำลายไปนั้นก็ไม่ใช่ว่าไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว เพราะเมื่อหนึ่งปีก่อนนิกายหยุนไห่อ่อนแอที่สุดเมื่อเทียบกับนิกายใหญ่ๆ ซึ่งมองจากศิษย์ก็สามารถรู้ได้ชัดเจน
ปิงหยวนและคนอื่นๆ เดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นฝูงชนต่างก็หลบทางให้พวกเขา เพียงพริบตาปิงหยวนก็มาถึงตัวหลินเฟิงแล้ว แต่ผู้คนกลับพบว่าหลินเฟิงนั้นไม่ได้ขยับออกจากจุดเดิมแม้แต่น้อย
“หืม?”
หลายคนต่างประหลาดใจว่าคนพวกนี้เป็ใคร ช่างกล้ายิ่งนักที่เห็นปิงหยวนแล้วแต่กลับไม่หลีกทางให้?
ปิงหยวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นลมปราณที่เยือกเย็นสายหนึ่งได้พุ่งไปหาพวกหลินเฟิง ทำให้บริเวณรอบๆ ราวกับกลายเป็น้ำแข็งเมื่อลมปราณเคลื่อนผ่าน ไม่ช้าร่างของหลินเฟิงก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยแววตานิ่งสงบ ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นจู่ๆ ก็ปรากฏออกมา จนเสื้อผ้าของหลินเฟิงปลิวไสว ในชั่วพริบตาน้ำแข็งที่ถูกปกคลุมอยู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฝูงชนเห็นแค่ร่างของหลินเฟิงกำลังส่องแสงระยิบระยับ จากนั้นก็เห็นลมปราณน้ำแข็งถูกทำลายไป
“ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะแข็งแกร่งมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาเห็นปิงหยวนแล้วถึงไม่หลีกทางให้”
หลายๆ คนต่างครุ่นคิดในใจและเริ่มสนใจหลินเฟิงมากขึ้น คนคนนี้ไม่น่าจะจัดการได้ง่ายๆ
“ข้าคือปิงหยวนแห่งหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน แล้วเ้าล่ะเป็ใคร?” ปิงหยวนกล่าวถามหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงเ็า
“หลินเฟิง!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสด้วยท่าทางสงบนิ่ง ทว่าเมื่อปิงหยวนได้ยินชื่อ ‘หลินเฟิง’ ม่านตาของปิงหยวนก็หดแคบลง
หลินเฟิง!
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งเหลือเกิน ซึ่งผู้าุโเป็คนบอกกับเขาว่า เมื่อหกเดือนที่แล้วหลินเฟิงผู้นี้ได้ใช้กลยุทธ์เผาเมืองจนฝ่ายตรงข้ามตายไปเป็จำนวนมาก จึงกลายเป็ที่รู้จักและมีชื่อเสียงในเมืองหลวง คนที่อยู่จุดสูงสุดของนิกายก็ต่างรู้จักหลินเฟิงกันดี
“หลินเฟิงงั้นเหรอ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย เขาเป็ศิษย์จากนิกายไหนกัน” ฝูงชนต่างสงสัย เพราะพวกเขานั้นล้วนไม่เคยได้ยินชื่อของหลินเฟิงมาก่อน
อย่างไรก็ตามสีหน้าของปิงหยวนกลับดูเหมือนจะรู้จักหลินเฟิง เนื่องจากเขาขมวดคิ้วแน่น อีกทั้งแววตายังเคร่งเครียด
จากนั้นปิงหยวนก็เดินอ้อมหลินเฟิงไป ผู้คนที่เดินตามหลังเขาจ้องมองหลินเฟิงไม่วางตา ในใจของพวกเขาต่างสงสัยว่าทำไมศิษย์พี่ปิงหยวนถึงไม่สังหารหมอนี่ และเขากล้าดีอย่างไรถึงได้ทำตัวยโสเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามปิงหยวนไม่ได้พูดอะไร พวกเขาแค่เดินผ่านหลินเฟิงไปเท่านั้น
ในขณะนั้น เจตจำนงแห่งน้ำแข็งก็พุ่งใส่หลินเฟิงอย่างฉับพลัน
ปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นขึ้นที่มุมปากของหลินเฟิง ขณะนั้นมือของหลินเฟิงก็ขยับเล็กน้อย
“อ๊าก…”
จู่ๆ เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวก็ดังขึ้นมา ก่อนจะเหลือบไปเห็นแขนที่เกือบขาดของชายที่ลอบโจมตีหลินเฟิง มิหนำซ้ำเขายังถูกทำลายการบ่มเพาะไปอีกด้วย
ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างมองไปที่ชายผู้นั้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กลายเป็เยือกเย็น
“ศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้น?”
“มันลอบโจมตีข้า” คนผู้นั้นถึงกับหน้าถอดสี ขณะจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิงอย่างชั่วร้าย
ลอบโจมตี?
หลินเฟิงก้าวออกมาข้างหน้าและปลดปล่อยลมปราณที่รุนแรงออกมา ชายผู้นั้นตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากที่สั่นเทาพึมพำเสียงเบาขณะมองหลินเฟิงด้วยสายตาอันเลื่อนลอย จากนั้นเืก็ไหลออกจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง
“เ้า... สังหารข้า...”
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นก่อนล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นไปทันที
แม้จะอยู่ต่อหน้าเหล่าศิษย์ร่วมนิกายของชายผู้นั้น แต่หลินเฟิงก็ยังกล้าลงมือสังหารเขา ซึ่งนี่เป็สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ผู้คนต่างตกตะลึงไปตามๆ กันขณะมองไปที่หลินเฟิง เขากล้าดีอย่างไรถึงฆ่าคน ต่อหน้าเหล่าลูกศิยษ์จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานเช่นนี้
“เพื่อจัดการเ้าก็ต้องลอบโจมตีเช่นนี้แหละ”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ในเมื่ออีกฝ่ายหาว่าเขาลอบโจมตี เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดพร่ำเพรื่อ แต่พิสูจน์ด้วยการกระทำแทน
ในแง่ของความแข็งแกร่งนั้น หลินเฟิงแข็งแกร่งมากกว่าอีกฝ่ายมาก ส่วนเื่ของความกล้าหาญ เขาก็กล้าลงมือสังหารอีกฝ่ายโดยตรง แล้วทำไมหลินเฟิงจะต้องลอบโจมตีเขาด้วย? ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังดูแคลนเขา
ฝูงชนต่างพยักหน้าเล็กน้อย ใช่แล้ว... ด้วยความแข็งแกร่งและกล้าหาญของหลินเฟิง เขาย่อมสามารถสังหารอีกฝ่ายได้โดยตรง โดยไม่จำเป็ต้องลอบโจมตี
ฝูงชนต่างมองไปที่ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานสลับกับปิงหยวน ทุกคนต่างอยากเห็นว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป
สีหน้าของปิงหยวนดูอึมครึมเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าฝ่ายเขาไปยั่วยุหลินเฟิงก่อน แต่หลินเฟิงกลับสังหารคนของเขาต่อหน้าผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน นี่ทำให้ปิงหยวนต้องขายหน้าอย่างมาก
“หลินเฟิง ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่ไว้หน้าข้าเลย?”
ปิงหยวนกล่าวขณะปลดปล่อยเจตจำนงที่เย็นะเืออกมา ทำให้ฝูงชนต้องประหลาดใจ พวกเขาจะต่อสู้กัน!
“แล้วทำไมข้าต้องไว้หน้าเ้าด้วย?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า “ในเมื่อเ้ารู้จักข้า เ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็ใครมาจากไหน แล้วตอนนี้ทำไมข้าถึงต้องไว้หน้าเ้าหรือแม้แต่หมู่บ้านเสวี่ยอิงซานด้วย?”
ปิงหยวนพลันประหลาดใจไปทันที ใช่แล้ว... เมื่อก่อนหลินเฟิงเป็ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ ซึ่งการทำลายนิกายหยุนไห่นั้น หมู่บ้านเสวี่ยอิงซานเองก็มีส่วนรู้เห็นด้วย ห่านเสวี่ยเทียนซึ่งเป็ผู้นำหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานก็ไปที่นิกายหยุนไห่ด้วยตัวเอง
แล้วหลินเฟิงจำเป็ต้องไว้หน้าเขาด้วยหรือ?
“ดูเหมือนว่าปิงหยวนจะรู้จักหลินเฟิง แต่ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อนเลย หลังจากนี้ข้าต้องสืบจนรู้ให้ได้”
ฝูงชนต่างพึมพำ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเฟิงจะกล้าโต้เถียงกับปิงหยวนเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องมีพลังแข็งแกร่งกว่าปกติแน่นอน แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ช่างน่าแปลกเหลือเกิน
“ศิษย์พี่ปิงหยวนสังหารเขาเลย!”
“ใช่ ศิษย์พี่ เขาสังหารคนของเรา ท่านต้องสังหารเขาให้ได้!”
ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างโกรธเกรี้ยวอย่างมาก หลินเฟิงช่างกล้ายิ่งนักที่สังหารคนของพวกเขา หลินเฟิงจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
“สังหาร? แล้วทำไมพวกเ้ายังพูดจาไร้สาระกันอยู่ได้” หลินเฟิงปรายตามองฝูงชนอย่างยั่วยุ ทำให้ผู้คนจากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต้องตกตะลึงและมีสีหน้าบิดเบี้ยวไปตามๆ กัน
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่กล้าโจมตีหลินเฟิง ซึ่งหลินเฟิงเพียงชี้นิ้วก็สามารถสังหารคนได้ง่ายดาย นอกจากนี้เขายังทำให้ปิงหยวนต้องหวาดกลัว เพราะคนผู้นี้แข็งแกร่งจนแม้แต่ปิงหยวนก็ไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย
“หลินเฟิง ความแข็งแกร่งของเ้าช่างลึกลับมาก อย่างน้อยก็คงอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 นอกจากนี้หกเดือนที่ผ่านมาก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม” ปิงหยวนพึมพำในใจขณะจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิง “แล้วอีกอย่าง… ที่ข้าเดินทางมายังเมืองเทียนลั้วครั้งนี้ ไม่ได้เพื่อมาเจอหลินเฟิงแต่อย่างใด แต่เพียงแค่้าของชิ้นหนึ่งเท่านั้น”
เมื่อคิดเกี่ยวกับเื่นี้ ปิงหยวนก็ตัดสินใจว่าจะไม่ขัดแย้งกับหลินเฟิง เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งเขายังมีเื่สำคัญที่ต้องทำ เมื่อเทียบกับสิ่งของที่เขา้าแล้ว การตายของศิษย์คนหนึ่งก็แทบไม่มีความหมายอะไร
“ไปกันเถอะ” ปิงหยวนกล่าวและเดินจากไป
ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่เห็นต่างตกตะลึง ไปแล้ว? ไม่คิดว่าปิงหยวนจะไปแล้ว เขาไม่กล้าสู้กับหลินเฟิงหรอกหรือ?
เหล่าศิษย์จากหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานต่างตกตะลึง ศิษย์พี่ปิงหยวนไม่กล้าสู้? เขาไม่คิดจะแก้แค้นให้ศิษย์น้องที่เพิ่งถูกสังหารไปเชียวหรือ?
“ไป!” ปิงหยวนกล่าวอย่างเ็าขึ้นอีกครั้ง ทำให้พวกเขาถึงกับตัวสั่นสะท้าน ท้ายที่สุดคนเ่าั้ก็เหลือบมองไปที่หลินเฟิงแวบหนึ่ง ก่อนเดินจากไปตามคำสั่งของปิงหยวนอย่างว่าง่าย
ไม่มีใครกล้าต่อต้านปิงหยวน เพราะสำหรับหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานนั้น คำสั่งของปิงหยวนถือว่าเด็ดขาดที่สุด หากใครกล้าขัดคำสั่งเขา คนผู้นั้นย่อมมีจุดจบที่เลวร้ายรออยู่ แต่ก็ไม่มีใครทราบว่า ทำไมเขาถึงไม่แก้แค้น? หรือว่าเขาจะกลัวหลินเฟิงมากจริงๆ?
หลินเฟิงมองตามแผ่นหลังพวกเขาด้วยดวงตาสงบนิ่ง จากนั้นเขาก็เดินไปรอบๆ หอประมูลแห่งความฝัน จากนั้นไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่หน้าพรมของชายชราที่กำลังขายส่วนผสมของเม็ดยา
“ผู้เฒ่า หญ้ามรกตนี่ขายยังไง?”
หลินเฟิงถามชายชรา ชายชราก็เงยหน้ามองหลินเฟิงแล้วกล่าวว่า “หนึ่งหินหยวนระดับต่ำต่อหนึ่งต้น แล้วเ้า้าเท่าไร?”
“ข้า้าหนึ่งแสนต้น”
หลินเฟิงกล่าวเช่นนั้น ทำให้ชายชราต้องประหลาดใจขณะจ้องเขม็งมาที่หลินเฟิง หนึ่งแสนต้น… หญ้ามรกตก็คือหญ้าิญญา แม้มันจะไม่มีค่าอะไรมาก แต่หนึ่งแสนต้นนั้นถือว่าเป็จำนวนมหาศาล
“เ้า้าหญ้ามรกตจำนวนมากขนาดนั้นไปทำอะไร?”
“กลั่นเม็ดยาหลิงเซวี่ย!”
“เม็ดยาหลิงเซวี่ย? แล้วเ้า้าส่วนผสมอื่นอีกหรือไม่?” ชายชรากล่าวถาม
ม่านตาของหลินเฟิงหดแคบลง เขารู้ว่าตัวเองมาซื้อถูกคนแล้ว
“เม็ดยาเพ่ยหยวน เม็ดยาหัวชี่ แล้วก็... เม็ดยาชื่อหยาง!”
เมื่อชายชราได้ยินคำพูดของหลินเฟิงจึงเงียบไปชั่วครู่ แววตาที่อ่อนล้าพลันเปล่งประกายและกล่าวว่า “โอ้ว! ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ยัง้าหญ้าชื่อเยียน ต้นโลหิตรวมถึงเมล็ดหยวนชี่!”
“ใช่ ข้า้าพวกมันจำนวนมาก” หลินเฟิงพยักหน้าขณะที่เขากำลังเลือก และตรวจสอบความแข็งแกร่งของคนที่วางขายของ แต่ชายชราคนนี้กลับมีความแข็งแกร่งที่ลึกลับ ขนาดป้าเตาก็ยังไม่สามารถบอกได้ นั่นจึงเป็เหตุผลที่เขามาที่นี่และชายชราคนนี้ก็ยังเป็ยอดฝีมือ นอกจากนี้ยังรู้จักการกลั่นเม็ดยาอีกด้วย!
