สองวันผ่านไป รายงานจากหอเหนือฟ้าถูกส่งมาถึงมือจั๋วอวิ๋นเซียน
เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในรายงาน นิ้วมือของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย ในดวงตามิอาจสะกดความโกรธกับจิตสังหารเอาไว้ได้
ตระกูลจั๋วจบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้วจริงๆ ...นี่ก็คือบทสรุปของเนื้อหาในรายงาน
หลังจากที่จั๋วอวิ๋นเซียนออกจากท่าเรือหลงหยาไปได้ไม่นาน ความผิดของจั๋วฟู่ไห่ก็ถูกกำหนดเหมือนดังที่คาดการณ์เอาไว้ สมคบคิดปีศาจ ทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน และมีคำสั่งให้ปะาตระกูลจั๋วแห่งเมืองตงหลิงทั้งหมด รวมไปถึงสายเืของจั๋วไท่หยวนด้วย ทุกคนล้วนถูกเกี่ยวพันไปด้วย ถูกสั่งขังคุกนรก ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย
หรือก็คือเมืองตงหลิงไม่มีตระกูลจั๋วอีกแล้ว ตระกูลเซียนอันยิ่งใหญ่ถูกสังหารสิ้นภายในคืนเดียว
ทว่าสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ ตระกูลซีโหลวมิได้ตั้งรากฐานที่เมืองตงหลิง แต่กลับอุ้มชูตระกูลเล็กตระกูลหนึ่งขึ้นมา แล้วพวกเขาคอยควบคุมทั้งหมดอยู่เื้ั
เมื่ออ่านถึงตรงนี้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกซับซ้อนมาก มิใช่เพราะเห็นใจพวกจั๋วไท่หยวน แต่เพราะโศกเศร้าแทนตระกูลจั๋ว
สำหรับความเป็ตายของจั๋วฟู่ไห่ ในรายงานของหอเหนือฟ้ากล่าวว่าไม่มีข่าวคราวใดๆ มีเพียงคำพูดเดียวคือ ‘ไร้เบาะแส’
ข้อมูลเช่นนี้มีความหมายลึกซึ้ง ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็หรือตาย ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วแต่กลับมิได้รู้สึกอะไร
เื่เดียวที่ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกดีขึ้นก็คือพี่สาวเขา จั๋วอวี้หวั่นยังไม่น่าเป็ห่วงอะไร
สามปีผ่านไปจั๋วอวี้หวั่นยืนหยัดในสำนักเซียนเทียนซูได้อย่างมั่นคงแล้ว มีอาจารย์หญิงคนหนึ่งรับเป็ศิษย์ ตอนนี้กำลังปิดด่านเตรียมทะลวงระดับกำเนิดปราณ
“ฟู่ว!”
เปลวเพลิงปรากฏที่ปลายนิ้วของจั๋วอวิ๋นเซียน กระดาษในมือถูกเผาจนหมดสิ้น
อาจเป็เพราะรู้สึกไม่สบายใจ จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกว่าแผนการของเขาช้าเกินไป ต้องเพิ่มความเร็วขึ้นอีก อีกทั้งหวังพึ่งคนอื่นไม่สู้หวังพึ่งตัวเองดีกว่า เพิ่มพลังให้ตัวเองถึงจะเป็เส้นทางที่ถูกต้อง
จากนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนสูดลมหายใจเข้าลึก จิตใจค่อยๆ สงบลง
……
ยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สาดส่องเจิดจ้า
จั๋วอวิ๋นเซียนเพิ่งออกห้องมา ฉินตงหวู่เดินเข้าไปหาอย่างรีบร้อน
“นายน้อย ท่านเ้าเมืองสั่งให้คนส่งวัตถุดิบมาแล้ว ยังส่งคนแก่คนหนึ่งกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาด้วย”
“โอ้ เอาของวางไว้ที่เรือนด้านข้างก็พอแล้ว สำหรับคน...ให้พวกเขารอไปก่อน”
จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้สนใจมากนัก เขาหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาอ่านเงียบๆ
ฉินตงหวู่พยักหน้าตอบรับจากนั้นจึงเดินออกไป
……
ผ่านไปไม่นานชายชราสวมชุดเทาอายุห้าสิบกว่าปีบุกรุกเข้ามาด้วยใบหน้าโมโห ข้างกายของเขายังมีชายหนุ่มอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีอีกคน รูปร่างเตี้ย สีผิวคล้ำดำ
“นายน้อย พวกเขาบุกรุกเข้ามา ข้าห้ามไม่อยู่”
ฉินตงหวู่รีบเดินตามเข้ามาแล้วกล่าวอธิบายกับจั๋วอวิ๋นเซียนอย่างช่วยไม่ได้
“เ้าหนู เ้าก็คือผู้สืบทอดของสำนักเทียนกงหรือ?”
เขาเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้รถเข็น ชายชราชุดเทาที่กำลังหมดความอดทนเมื่อเห็นเช่นนี้จึงยิ่งโมโหมากขึ้น! หลายปีมานี้นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนกล้าให้เขารออยู่ด้านนอก ต่อให้เป็เ้าเกาะทั้งสาม เขาอยากพบเมื่อใดก็พบได้เมื่อนั้น ไม่เคยต้องรอแม้แต่น้อย
“โอ้ มิใช่”
จั๋วอวิ๋นเซียนเงยหน้าตอบรับ จากนั้นก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป ไม่แม้แต่จะมองชายชราแม้แต่น้อย
“อุ๊บ!”
ฉินตงหวู่มึนงง จากนั้นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้โกหก ลุงเยี่ยนเพียงมอบมรดกสืบทอดให้เขา มิได้ขอให้เขาทำสิ่งใดและมิได้รับเขาเข้าเป็ศิษย์สำนักเทียนกงอย่างเป็ทางการ เขาจึงไม่นับว่าเป็ผู้สืบทอดของสำนักเทียนกง
สำหรับเื่นี้คำตอบของจั๋วอวิ๋นเซียนตรงไปตรงมามาก
ชายชราชุดเทากล่าวด้วยความโกรธ “ไร้มารยาท! มิใช่ผู้สืบทอดสำนักเทียนกง แต่ถึงกับกล้ามาหลอกเกาะสามเซียนเชียวหรือ! ข้าว่าเ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วกระมัง!”
จั๋วอวิ๋นเซียนวางหนังสือลงตอบกลับไปว่า “มิใช่ผู้สืบทอดก็ห้ามเรียนศาสตร์วิชาของสำนักเทียนกงหรือ?”
“ฮืม?”
ชายชราชุดเทาอึ้งนิ่ง เขาถึงกับพูดไม่ออก
ชายหนุ่มผิวคล้ำด้านหลังกระตุกชายเสื้อของชายชรา เหมือนกำลังเตือนชายชราว่าอย่าหาเื่
“เหอะ! ไอ้หนูอย่าคิดจะมาเล่นลิ้น”
ชายชราชุดเทาเอามือเท้าสะเอว เขาถลึงตามองจั๋วอวิ๋นเซียนพลางกล่าว “ข้าคือเ้าหอเทียนปิน เหมาปู้เอ้อ พูดหนึ่งไม่มีสอง! ได้ยินมาว่าผู้สืบทอดสำนักเทียนกงเข้าร่วมกับเกาะสามเซียน ข้าจึงมาขอคำชี้แนะ!”
“โอ้”
จั๋วอวิ๋นเซียนตอบรับอย่างเรียบเฉย มิได้มีอารมณ์แม้แต่น้อย เหมือนคนที่ชายชราชุดเทามาหาเื่มิใช่เขา
“นี่...เ้า เ้า...”
เหมาปู้เอ้อหายใจรุนแรง โมโหจนพูดไม่ออก เขาเป็ถึงเ้าหอเทียนปิน จะเคยถูกคนมองข้ามเช่นนี้ได้อย่างไร? หากมิใช่เพราะเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนอ่อนแอไร้ทางสู้ เขาคงตบหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว!
ในเวลานี้เองฉินตงหวู่กระซิบข้างหู “นายน้อย เนื่องจากท่านต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก เ้าเมืองหวู่จึงเอาวัตถุดิบจากหอเทียนปินมาทั้งหมด ดังนั้นเ้าหอเหมาถึงได้โมโห ้าจะประลองฝีมือกับท่าน เ้าเมืองหวู่ก็ทำอะไรมิได้”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะแต่กลับมิได้สนใจ สำหรับเขาแล้วเวลาล้ำค่ามาก ไม่มีความจำเป็ต้องเสียไปกับคนอื่น
“เ้าหนู เ้ากลัวใช่หรือไม่?”
เหมาปู้เอ้อกล่าวเยาะเย้ย เขาดูถูกจั๋วอวิ๋นเซียนอย่างมาก
“หากข้าทายมิผิด ผู้าุโถูกเ้าเมืองหวู่ไหว้วานมากระมัง?”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวความจริงออกมา โดยไม่รอชายชราโต้แย้ง เขากล่าวต่อว่า “ด้วยนิสัยของเ้าเมืองหวู่ น่าจะไม่วางใจที่จะส่งวัตถุดิบมากมายขนาดนี้มาให้ข้า เขาจึงหาผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งมาจับตามองข้า แล้วก็เพื่อเรียนรู้ศาสตร์วิชาของสำนักเทียนกงด้วย มิเช่นนั้นจากนิสัยของผู้าุโ เกรงว่าคงลงมือไปนานแล้ว”
“……”
เหมาปู้เอ้ออ้าปากค้างด้วยใบหน้าแข็งทื่อ
เป็อย่างที่จั๋วอวิ๋นเซียนว่า เ้าเมืองหวู่อันถงไม่ไว้ใจเขาจริงๆ จึงให้เหมาปู้เอ้อไปท้าทาย แล้วก็ลองเชิงเขาด้วย หากจั๋วอวิ๋นเซียนมีความสามารถจริง หวู่อันถงก็จะปล่อยให้เขาพัฒนาได้อย่างวางใจ แต่หากเขาไร้ความสามารถ หอหลางฮ้วนแห่งนี้จะได้เปลี่ยนเ้าของอีกครั้ง
แน่นอนถึงแม้จะรู้ว่าเหมาปู้เอ้อมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่จั๋วอวิ๋นเซียนก็มิได้ใส่ใจนัก...กลับกันถ้ามีเ้าหอเทียนปินมาเป็ลูกมือ ขั้นตอนการสร้างเซียนยุทธ์จะสบายขึ้นไม่น้อย
“พี่ฉิน เริ่มกันเถอะ”
จั๋วอวิ๋นเซียนเรียกเบาๆ จากนั้นบอกใบ้ให้ฉินตงหวู่เข็นเขาไปที่เรือนด้านข้าง
“เหอะ!”
เหมาปู้เอ้อมองซ้ายมองขวา กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “ดี ให้ข้าได้เห็นหน่อยว่า ไอ้เด็กคนนี้เป็ของจริงหรือไม่! อาเจ๋อ ตามข้ามา!”
“ทราบแล้ว อาจารย์”
อาเจ๋อยิ้มแห้งแล้วเดินตามด้านหลังเหมาปู้เอ้อไปด้วยความอึดอัด
……
ตรงกลางพื้นที่โล่งกว้างของจวนหลางฮ้วน มีเตาสูงใหญ่ขนาดครึ่งตัวคนวางอยู่ เตานี้มีนามว่า ‘เตาหลอมเพลิงิญญา’ ในเตาสลักค่ายกลรวมเพลิงเอาไว้จำนวนมาก ใช้สำหรับสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์โดยเฉพาะ
ยิ่งมีแผนผังค่ายกลมาก ระดับของเตาหลอมเพลิงิญญาก็ยิ่งสูง
ส่วนเตาหลอมเพลิงิญญาด้านหน้าของเขา มีค่ายกลรวมเพลิงแปดสิบเอ็ดชุด เมื่อใส่ศิลาิญญาเข้าไปก็สามารถใช้งานได้แล้ว นับว่าเป็อุปกรณ์ิญญาระดับสุดยอด
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าเ้าเกาะทั้งสามแห่งเกาะสามเซียนลงทุนลงแรงเพื่อจั๋วอวิ๋นเซียนไว้มากจริงๆ
