ใจกลางแดนลับมีูเาเก้าลูก แต่ละลูกล้วนมีโอกาสและโชคลาภแตกต่างกัน
หลังจากรอดพ้นจากการตามล่าของอินทรีทมิฬมาแล้ว หนิงเทียนก็เปิดใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์ เขาค้นหาตำแหน่งของต้นไม้แห้งเหี่ยวต้นถัดไปอย่างรอบคอบ ก่อนจะพบว่ามันอยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อย
“เวลาในแดนลับผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว ข้าต้องเร่งมือ” หนิงเทียนไม่มีเวลาค้นหาโอกาสอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน เขามุ่งไปยังทิศทางที่ต้นไม้แห้งเหี่ยว ซึ่งมีร่องรอยของมนุษย์อยู่เพียงเล็กน้อย ทั้งยังคงถูกิญญาพฤกษาและอสูรโจมตีอยู่เนืองๆ
หนิงเทียนข้ามูเาสองลูกติดต่อกันก่อนจะพบว่าตรงหน้าคือทะเลสาบโลหิต ทะเลสาบแห่งนี้กว้างประมาณหนึ่งพันจั้ง มีบัวโลหิตเก้าดอกค่อยๆ แบ่งบาน เส้นสายราวเส้นเืในเกสรดอกบัวบิดเป็เกลียว ช่างเป็ภาพที่ทั้งน่าอัศจรรย์และน่าสะพรึงกลัว
“จิตอสูรหรือ?” หนิงเทียนตกตะลึง ดอกบัวในทะเลสาบโลหิตสีแดงราวแสงยามสายัณห์ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้เพียงความเยือกเย็น
ตรงข้ามทะเลสาบโลหิตมีูเาใหญ่สามลูกจัดเรียงอย่างสับหว่าง ซึ่งสามารถััได้ถึงการมีอยู่ของต้นไม้แห้งเหี่ยวจากูเาทั้งสาม
เขานึกสุขใจเมื่อมองูเาสามลูกตรงหน้า เขาเหลือเวลาอีกตั้งแปดวัน และการได้รับรอยประทับใจกลางพฤกษาย่อมไม่ใช่เื่ยาก
หนิงเทียนถอนสายตาแล้วมองทะเลสาบโลหิตตรงหน้า บัวโลหิตทั้งเก้าก่อตัวเป็วงกลม โดยมีใบบัวสีเขียวขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แสงแห่งจิติญญาบนนั้นมีการแปรปรวน ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดมากนัก
ทันใดนั้นแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกก็สั่นะเื มันสนใจแสงบนใบบัวใจกลางทะเลสาบเป็อย่างมาก
“ตรงนั้นมีสิ่งใดกันแน่?”
ขณะครุ่นคิด เขาก็เห็นว่ามีผู้อื่นมาถึงทะเลสาบโลหิตแล้วเช่นกัน
“นั่นเก๋อคุนแห่งสำนักเชียนเฉ่า แล้วคนที่อยู่ข้างๆ เขาคือผู้ใด?”
หนึ่งในสองคนนั้นคือเก๋อคุน เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ ในมือถือขลุ่ยไม้ไผ่ และหนิงเทียนก็จำเขาได้เป็อย่างดี
ส่วนชายอีกคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเขียว อายุประมาณยี่สิบปี ที่เอวมีกระบี่ห้อย กลิ่นอายของเขาถูกยับยั้งไว้ทั้งหมดจนดูไม่ต่างจากิญญา
คนผู้นี้ทำให้หนิงเทียนรู้สึกถึงภยันตราย และนั่นคือััที่หกที่ได้มาจากการบำเพ็ญ
ทั้งสองคนยืนอยู่ริมทะเลสาบและเฝ้ามองสถานการณ์บริเวณใจกลางอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดคุยกันด้วยเสียงแ่เบา
ไม่นาน เหลียนจิ้นและหูเถี่ยซินก็ปรากฏตัวที่ทะเลสาบโลหิตเช่นเดียวกัน
“ช่างบังเอิญยิ่งนัก” เมื่อเก๋อคุนเห็นเหลียนจิ้น รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฝานชิง คาดไม่ถึงว่าเ้าก็มาด้วย” เหลียนจิ้นเพิกเฉยต่อเก๋อคุนแล้วจ้องมองไปยังชายผู้มีกระบี่
“นี่ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว คนอื่นๆ อยู่ที่ใด?” ฝานชิงมีท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างมาก เขาเหลือบมองเหลียนจิ้น ก่อนจะเคลื่อนสายตากลับไปยังใจกลางทะเลสาบ
ใบบัวเขียวขจีส่องแสงผันผวนจากคลื่นแห่งจิติญญา ดูเหมือนจะมีโอกาสซ่อนอยู่ที่นั่น
บัวโลหิตทั้งเก้าก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง เพียงแรกเห็นก็รู้ได้ว่าไม่ธรรมดา พวกมันคอยดูแลทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งเป็การยืนยันว่าโอกาสตรงนั้นมีความพิเศษ
เหลียนจิ้นรู้สึกไม่มีความสุข ความสงบของฝานชิงทำให้เขาไม่พอใจ
“คาดว่าอยู่เื้ั ไม่เห็นั้แ่เราข้ามแม่น้ำมาแล้ว” หูเถี่ยซินทักทายเก๋อคุนแล้วสนทนากันสักพักก่อนจะเงียบไป ขณะนั้นเองยอดฝีมือจากสำนักทะยานเวหาก็มาถึงแล้วเช่นกัน
คราวนี้เป็ชายร่างั์สูงแปดจั้ง ผู้มาพร้อมเถาวัลย์นิลดำซึ่งมีกิ่งก้านอุดมสมบูรณ์ เขาดูคล้ายกับกลุ่มเมฆทะมึน
“ฮั่วเถี่ยฮั่น นั่นคือทหาริญญาใหม่ของเ้าหรือ?” เหลียนจิ้นถามพลางมองเถาวัลย์นิลดำด้วยแววตาระแวดระวัง
คำว่า “ทหาริญญา” สำหรับจื๋อซิวและหยวนซิวมีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทหาริญญาที่หยวนซิวกล่าวถึง มักหมายถึงอาวุธในระดับอาวุธิญญา แต่ทหาริญญาของจื๋อซิวนั้นส่วนใหญ่จะเป็ิญญาพฤกษา หรือิญญาปีศาจและอสูร อาจเรียกอีกอย่างว่าสหายิญญา
“เป็อย่างไร? รสนิยมดีของข้าดีหรือไม่?” ฮั่วเถี่ยฮั่นหัวเราะและพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
เถาวัลย์นิลดำนี้มีจิตอสูรระดับสาม มันเพิ่งรอดพ้นจากทัณฑ์์และอยู่ใน่อ่อนแอ จึงยอมจำนนต่อเขา
เมื่อนึกย้อนกลับไป ฉินเสี่ยวเยวี่ยเองก็ปลูกดอกโบตั๋นจิตอสูรระดับหนึ่งไว้เช่นกัน ซึ่งนางตั้งใจปลูกพวกมันไว้เป็ทหาริญญาคอยติดตาม และนั่นก็คือสัญลักษณ์ของจื๋อซิว
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้พลังไปกับการฝึกทหาริญญา เช่นเดียวกับหูเถี่ยซิน ในเมื่อเขามีอาวุธิญญาจื๋อซิวอยู่ในมือแล้ว เหตุใดจึงต้องมีทหาริญญาอีกเล่า?
“ข้ามีสายตาระดับปานกลาง แต่โชคของข้าก็ไม่ได้แย่”
“เกราะต้นไม้ของเ้าก็ไม่เลวนะ เ้าไปเอามาจากที่ใด?” ฮั่วเถี่ยฮั่นถามด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขาค่อนข้างเ็า
เหลียนจิ้นได้ยินดังนั้นก็แอบรำคาญเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะถูกเ้าโง่ผู้นี้เหน็บแนม
“ยามนี้ก็ขาดเพียงแต่สำนักร้อยบุปผาสินะ” ฝานชิงเอียงศีรษะและกล่าวทักทายฮั่วเถี่ยฮั่น พวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว
“พวกเขาตามหลังมาแล้ว อีกไม่นานคงมาถึง”
ฮั่วเถี่ยฮั่นมายังริมทะเลสาบแล้วมองบัวโลหิตบริเวณใจกลาง ทันใดนั้นเถาวัลย์นิลดำข้างกายก็ถูกยับยั้งพลังจนต้องลดขนาดลง
หลังจากนั้นไม่นานศิษย์ของสำนักร้อยบุปผาก็มาถึง คนหนึ่งคือสวี่ชุ่นซินที่หนิงเทียนเคยพบเจอ ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มรูปงามสวมชุดขาวราวหิมะ
“เ้าคนลักเพศมาแล้ว! ช่างเป็ผู้มาเยือนที่หายากเสียจริง” เหลียนจิ้นยิ้มเยาะ ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบหนุ่มรูปงามผู้นั้น
ฝานชิงมองฟางจวิ้น ในดวงตาแฝงไปด้วยความประหลาดใจ “เ้ามีโชคไม่น้อยเลยนี่ สามารถทะลุผ่านแดนลับนี้มาได้ด้วย”
หนุ่มรูปงามผู้นั้นคือฟางจวิ้น วัยยี่สิบสองปี เ้าของใบหน้าซึ่งบ่งบอกถึงความเป็สตรี
“ข้าไม่อาจปล่อยให้พวกเ้าสนใจเพียงความงามของข้าได้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรับโอกาสในทะเลสาบ ยามนี้ทุกคนก็อยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดไม่ประลองฝีมือหาผู้โชคดีสักหน่อยเล่า?” ฟางจวิ้นค่อนข้างกระตือรือร้นและชอบให้ผู้อื่นรายล้อมตนเอง
ฮั่วเถี่ยฮั่นกล่าวว่า “ข้าไม่คัดค้าน”
เหลียนจิ้นก็เอ่ยพึมพำ “เช่นนั้นก็เริ่มเลยเถิด”
ผู้รอดชีวิตทั้งเจ็ดจากสี่สำนักต่างเพ่งความสนใจไปยังใบบัวกลางทะเลสาบ
ทันใดนั้นเงาดำก็แวบผ่านอย่างรวดเร็ว ฮั่วเถี่ยฮั่นชิงลงมือก่อนใคร เถาวัลย์นิลดำช่วยพยุงร่างเขาเคลื่อนตัวบนผิวทะเลสาบได้อย่างรวดเร็ว โดยมีหยดน้ำสาดกระเซ็นเพียงเล็กน้อย
ฝานชิงตบกระบี่ที่เอว พลันกระบี่ไม้ไผ่ลอยออกมาพร้อมเสียงดังกราว มันหมุนรอบร่างเขาครู่หนึ่งแล้วพุ่งไปยังใจกลางทะเลสาบทันที
เหลียนจิ้นยิ้มเยาะ เงาต้นไม้ข้างกายเริ่มเคลื่อนไหว เสาวาโยลอยขึ้นจากพื้นดิน พร้อมพาเขาตรงไปที่ใจกลางทะเลสาบ
“ตาข้าแล้ว!” ฟางจวิ้นยิ้ม จากนั้นดอกไม้เก้าดอกก็ปรากฏข้างกาย พวกมันคือดอกสุ่ยเซียน[1] ซึ่งแผ่เป็ทางเดินราวพรมดอกไม้กลางผืนน้ำ เขาย่างเหยียบดอกไม้เ่าั้แล้วก้าวข้ามทะเลสาบอย่างสง่างาม
เก๋อคุน หูเถี่ยซิน และสวี่ชุ่นซินต่างก็แสดงพลังเหนือธรรมชาติ แม้จะไม่โดดเด่นเท่าสี่คนก่อนหน้า แต่พวกเขาก็แสดงออกมาได้เป็อย่างดี
เหนือทะเลสาบ บัวโลหิตทั้งเก้าััได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังเข้ามา จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที
ดอกบัวแบ่งบานม้วนตัวเป็คลื่นโลหิตขนาดใหญ่ พร้อมพุ่งเข้าหาผู้บำเพ็ญทั้งเจ็ด ไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามาใกล้
ปราณกระบี่ใต้ฝ่าเท้าฝานชิงนั้นบ้าคลั่งเหมือนเช่นเคย เขาฉีกคลื่นโลหิตขนาดใหญ่ออกได้โดยไม่ได้รับาแใดๆ
เถาวัลย์นิลดำทอดยาวออกไปนอกร่างของฮั่วเถี่ยฮั่น เถาวัลย์หลายสิบเส้นราวแส้โบกสะบัด มุ่งทำลายคลื่นั์นั้นจนเกิดช่องว่าง
เหลียนจิ้นเข้าจู่โจมคลื่นโลหิตด้วยหมัดเดียว เกราะต้นไม้บนร่างเรืองแสงแผ่รัศมีสีเขียว เสาวาโยบนกำปั้นควบแน่นและฉีกกระชากคลื่นอย่างรุนแรง
คลื่นน้ำแยกออกจากกันใต้ฝ่าเท้าของฟางจวิ้น ดอกสุ่ยเซียนส่ายไปมา พร้อมพาเขาข้ามผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
สถานการณ์ของเก๋อคุน หูเถี่ยซิน และสวี่ชุ่นซินก็ไม่ได้ผ่อนคลายมากนัก พวกเขาพยายามโจมตีอย่างสุดกำลัง ทว่ากลับถูกกระแทกอย่างหนักหน่วง
เมื่อไม่มีทางเลือก ทั้งสามจึงเรียกใช้อาวุธิญญาจื๋อซิวของตน จากนั้นพวกเขาก็สกัดกั้นการโจมตีของบัวโลหิตและไปถึงใบบัวกลางทะเลสาบได้สำเร็จ
ใบบัวนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เส้นผ่านศูนย์กลางมากถึงสิบจั้ง และมีเส้นสายหลากสีพันกันอยู่ตรงกลาง ช่างเป็ดอกไม้ที่น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
เส้นเ่าั้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีเป็หมื่นเส้นจนทำให้คนมองเวียนหัว
คนทั้งเจ็ดรวมตัวกันเป็วงกลมแล้วจับจ้องดอกไม้ประหลาดนี้ เพื่อสำรวจความลึกลับของมัน
หนิงเทียนยืนอยู่บนยอดเขาและมองเหตุการณ์จากระยะไกล ซึ่งแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกได้ส่งสัญญาณกระตุ้นเขารีบไปที่นั่นโดยเร็ว
“สิ่งที่ทำให้บงกชสีมรกตมีการตอบสนองเช่นนี้ ย่อมต้องเป็ของดีแน่!” หนิงเทียนพุ่งลงจากูเาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็มาถึงทะเลสาบ บงกชสีมรกตหยั่งรากลงในทะเลสาบโลหิต กลิ่นอายแสนเยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ
นอกจากนี้หนิงเทียนก็ไม่ได้เลินเล่อ บนใบบัวกลางทะเลสาบมียอดฝีมือมากถึงเจ็ดคน ซึ่งสี่คนในนั้นก็กำลังคุกคามเขาอย่างมาก
จะเป็อย่างไรหากในอนาคตเขาได้รับโอกาส ทว่าคนเหล่านี้กลับ้าปล้นเขา?
ในฐานะผู้บำเพ็ญที่มักปล้นผู้อื่น แน่นอนว่าหนิงเทียนต้องพิจารณาทางหนีทีไล่ของตนก่อน
หลังจากเดินเล่นริมทะเลสาบมาระยะหนึ่ง แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณของหนิงเทียนก็เริ่มมีการตอบสนองเช่นกัน
หนิงเทียนรู้ว่าเหลือเวลาไม่มากนักจึงรีบออกตัวทันที ใต้ฝ่าเท้าของเขามีใบบัวช่วยพยุงราวกับกำลังเดินบนพื้นราบ ทันใดนั้นคลื่นสีโลหิตขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“ใครกัน?” รากบ่มเพาะของฟางจวิ้นคือดอกสุ่ยเซียนซึ่งค่อนข้างอ่อนไหว เขาจึงััได้ทันทีว่ามีคนกำลังวิ่งมาหาพวกเขา
“เป็เขา!” หูเถี่ยซินอุทานด้วยสายตาเหลือเชื่อ เขาไม่คาดคิดว่าเ้าเด็กหนิงเทียนจะมาปรากฏตัวที่นี่
คลื่นลูกใหญ่ย้อมชุดสีขาวของหนิงเทียนจนเป็สีแดงฉานเช่นเดียวกับโลหิต เขาฝ่าฟันอุปสรรคจากคลื่นแล้วร่อนกายลงบนใบบัว
“รากบ่มเพาะบงกชสีมรกต? ศิษย์สำนักร้อยบุปผาหรือ? แต่เหตุใดจึงอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกเล่า? ซ่อนความแข็งแกร่งได้หรือ?”
ฟางจวิ้นตกตะลึง ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกย่อมไม่สามารถข้ามแม่น้ำไป๋จั้งได้ แล้วคนผู้นี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
ฝานชิง เหลียนจิ้น และฮั่วเถี่ยฮั่นต่างก็มองหนิงเทียนด้วยความสงสัย
เด็กผู้นี้เต็มไปด้วยพลัง ทว่าขอบเขตของเขากลับไม่สูงนัก แล้วเขาเข้ามาถึงที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน?
หนิงเทียนยิ้มและกำลังจะเอ่ยตอบ คาดไม่ถึงว่าดอกไม้แสนงดงามกลางใบบัวจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เส้นนับหมื่นเปล่งประกายด้วยแสงแห่งจิติญญา แล้วควบแน่นเป็ดอกไม้ราวภาพฝัน เหล่าผกาสะพรั่งบานอย่างสวยงาม ซึ่งมีทั้งภาพจริงและภาพลวงตา
ทันใดนั้นเส้นเก้าเส้นในเกสรก็ค่อยๆ คลายตัวออกราวกับโบกมืออำนวยพรให้ทั้งแปดคน ณ ตรงนั้น ทุกคนต่างจ้องมองดอกไม้แสนประหลาดด้วยดวงตาสั่นไหว ทั้งยังเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจ
ฮั่วเถี่ยฮั่นเหลือบมองฝานชิง เหลียนจิ้น และฟางจวิ้น ก่อนจะพูดว่า “ส่งใครสักคนไปทดสอบก่อน”
โอกาสในแดนลับมักมาพร้อมอันตราย และพวกเขาก็ได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งผู้ที่กังวลมากเกินไปจะไม่ได้รับโอกาส ทั้งยังจบชีวิตลงที่นั่น
ฝานชิงพูดอย่างเ็า “ผู้ใดสนใจก็ลองดูได้”
เหลียนจิ้นเหลือบมองหนิงเทียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ไม่ใช่ว่ายามนี้มีผู้ที่เหมาะสมหรอกหรือ?”
ฟางจวิ้นยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง โจมตีก่อนย่อมได้เปรียบ โอกาสที่หายากเช่นนี้เ้าควรรีบคว้าไว้”
“ไม่! นี่อันตรายยิ่งนัก ข้าไม่ไป” หนิงเทียนส่ายหัว
สวี่ชุ่นซินกล่าว “เ้าหนู ศิษย์พี่ฟางให้โอกาสเ้าแล้ว เ้าไม่อาจเพิกเฉยได้”
เก๋อคุนเยาะเย้ย “จะไปหรือไม่ไป เื่นี้ขึ้นอยู่กับเ้าด้วยหรือ?”
หูเถี่ยซินกล่าวว่า “หากไปเ้าจะยังสามารถดิ้นรนได้อีกสักหน่อย แต่ถ้าเ้าไม่ไป เ้าจะไม่มีโอกาสดิ้นรนด้วยซ้ำ”
ฮั่วเถี่ยฮั่นเองก็ข่มขู่ “เ้าหนู ตาเ้าแล้ว”
“พวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า?”
“สิทธิ์ที่ข้าแกร่งกว่าเ้า” ฮั่วเถี่ยฮั่นสะบัดนิ้ว เถาวัลย์นิลดำข้างกายพุ่งปกคลุมนภาราวเมฆวิเศษ เถาวัลย์คำรามก่อนจะฟาดลงมาด้วยพลังมหาศาล
“ไปให้พ้น!” หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วปล่อยพลังจากกำปั้นครั้งหนึ่ง พลันเงาหมัดทองคำอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งใส่เถาวัลย์
เขาถอยออกไปสามจั้งอย่างรุนแรงพร้อมเสียงปะทะ ใบหน้าซีดเซียวของเขาดูมืดมน
ิญญาอสูรระดับสามเทียบเท่ากับขอบเขตผนึกดารา แม้จะเทียบได้เพียงขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่หนิงเทียนจะสามารถรับมือได้ในยามนี้
“ข้าไม่เห็นว่าเ้ามีพละกำลังดุร้ายอย่างไร? เ้าจะไปดีๆ หรือไม่?” เจตนาสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของฮั่วเถี่ยฮั่น เ้าเด็กจิตหยั่งลึกขั้นแรกผู้นี้ช่างน่าประหลาดใจ และเขาก็มีความคิดอยากกำจัดอีกฝ่ายให้ได้โดยเร็ว ทางด้านฝานชิง เหลียนจิ้น และฟางจวิ้นต่างก็ตกตะลึงและฉายเจตนาสังหารออกมาจากดวงตาเช่นกัน
หนิงเทียนรับรู้ได้ถึงรัศมีอันตรายของพวกเขาทั้งสี่ จึงพูดด้วยความโกรธ “ได้! แต่ข้าจะขึ้นบัญชีพวกเ้าไว้!”
ฮั่วเถี่ยฮั่น ฝานชิง เหลียนจิ้น และฟางจวิ้นต่างมองหน้ากัน พลันเกิดความคิดที่เหมือนกันทุกประการ
เมื่อใช้งานเสร็จ ข้าจะสังหารเ้าทันที!
---------------------------------------
[1] ดอกสุ่ยเซียน (水仙花) คือ ดอกแดฟโฟดิล เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดอกไม้แห่งอัศวิน ซึ่งเปรียบถึงความรักที่จงรักภักดีเหมือนกับอัศวิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้