หลังจากพบเจอเื่เช่นนี้ เื่ที่พวกนางเข้าใจกัน ทั้งท่าทีเสแสร้งนั่น ในยามนี้มีเพียงพวกนางสองคน ก็ไม่จำเป็ต้องสวมหน้ากากเข้าหากันต่อไปแล้ว
"ฮองเฮา ถนนยังอีกยาวไกล จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ผู้ใดจะทำนายได้?" ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตรัสออกมาอย่างไม่เร่งรีบ
อวี่เหวินซินผู้นี้ ยามนี้ย่อมลำพองใจเป็ธรรมดา ทว่านางไม่ยอมให้ตัวเองลำพองใจเช่นนี้ได้นานนักหรอก!
“หึ หลังจากนี้...เ้าเองก็ตรัสว่า โอรสของเ้าเป็โอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เ้าคิดว่าเขาจะมีโอกาสหลังจากนี้อีกหรือ?”
ครั้นทั้งสองเดินมาถึงรถม้า พวกนางพลันหยุดฝีเท้า ฮองเฮาอวี่เหวินหันไปมองฉางไทเฮาและจับมือนางอย่างเสน่หา ในสายตาของผู้อื่น ภาพนี้แลดูเหมือนว่าพวกนางนั้นสนิทสนมกันอย่างมาก
ประโยคนี้เหมือนดาบคมแทงทะลุหัวใจของฉางไทเฮา
แต่ครู่หนึ่ง ฉางไทเฮายิ้มออกมา “นั่นก็ไม่ใช่เื่แน่นอนนักหรอก แล้วอย่างไรเล่า อย่างไรเสียข้ายังมีโอรส โอรสของข้ายังมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยมั่นคง ทว่าเ้าเล่า? ท่านอ๋องมู่ยังไม่กลับมาหรือ? คนตายจะมาสู้คนเป็ได้เยี่ยงไรเล่า?”
"ไม่ ลูกชายข้ายังไม่ตาย ฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ อี้เอ๋อร์ต้องยังติดพันเื่อะไรอยู่แน่นอน!"
ในขณะนี้ ใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินมืดมนลงเล็กน้อย นางจ้องมองฉางไทเฮาเขม็ง ถึงกระนั้นดวงตาของนางยังคงฉายแวววิตกกังวล
ฉางไทเฮามองมาที่นางและเอ่ยทำลายความฝันอันสวยงามของนาง "ฮองเฮา เ้าเลอะเลือนแล้วหรือ? ฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ แท้จริงพิสูจน์ได้ว่ากองเพลิงในค่ายเสินเช่อวันนั้นแปลกประหลาด ทว่าแม้นจะเป็เช่นนั้น กองไฟยังคงอยู่ เ้าลืมไปแล้วหรือไร ไฟในคืนนั้นยังคงลุกลามต่อเนื่องจนเข้าวันที่สองและสาม ได้ยินว่าท่านอ๋องมู่เห็นไฟค่ายเสินเช่อจึงตัดสินใจเข้าไปโดยมิสนใจความปลอดภัยของตัวเอง นี่เป็เื่ที่ทุกคนรู้ ไฟลุกลามเสียขนาดนั้น...วัวตัวเดียวเข้าไปยังมอดไหม้กลายเป็เถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว แล้วยิ่งเป็คนเล่า? ช่างน่าเสียดาย มู่อ๋องเป็คนสำคัญเสียขนาดนั้น กลับสิ้นพระชนม์ไปอย่างไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้..."
“หุบปาก!” ดวงตาของฮองเฮาอวี่เหวินตวัดมองนางอย่างดุดัน เสียงที่ดังตวาดขัดคำพูดของฉางไทเฮา แม้นเสียงที่เอ่ยจะเบา ทว่าน้ำเสียงและแววตาที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้ผู้คนที่เพิ่งออกมาจากที่พำนักและเห็นฉากนี้พลันฝีเท้าหยุดชะงัก
ในสายตาของทุกคน มองเห็นเพียงด้านหลังของฮองเฮาอวี่เหวิน ร่างกายของนางสั่นเทาเล็กน้อย ส่วนฉางไทเฮา...มีใบหน้าอ่อนโยน ดวงตาฉายความเป็กังวลอย่างไม่ปิดบัง
สถานการณ์ตอนนี้เป็อย่างไร?
ทุกคนที่เห็นมิอาจคาดเดาสถานการณ์ตรงหน้าได้ ทางด้านฉางไทเฮา ครั้นนางเห็นผู้คนกำลังเดินมา นางพลันสวมบทบาทเสแสร้งเป็ผู้บริสุทธิ์และเอ่ยออกมาอย่างใสซื่อว่า “เป็ข้าเองที่ผิด ข้าตรัสไม่ดีแล้ว”
"เ้า" ฮองเฮาอวี่เหวินที่ในใจคิดถึงแต่เื่จ้าวอี้ ครั้นเห็นฉางไทเฮาเอ่ยออกมาเช่นนั้น สติพลันขาดผึง นางในยามนี้มิได้สังเกตเห็นท่าทีแปลกประหลาดของฉางไทเฮาเลยแม้แต่น้อย
ทว่านางพ่นคำออกมาเพียงคำเดียว องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเดินเข้ามาอย่างช้าๆ โดยมีจือเถาคอยประคอง “เสด็จพี่สะใภ้ทั้งสองมายืนทำอะไรตรงนี้หรือเพคะ? มิกลับตำหนักหรือ เสด็จพี่ฮองเฮา เมื่อครู่นี้ข้าทำของหล่นไว้ที่ตำหนักชีอู๋ เกรงว่าจะต้องไปรบกวนที่ตำหนักท่านอีกรอบ ข้าเองก็จะนั่งไปกับพวกท่านด้วย”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอขัดจังหวะฮองเฮาอวี่เหวิน ทำลายสถานการณ์การปะทะกันของทั้งสอง
ฮองเฮาอวี่เหวินพลันได้สติ ตระหนักได้ว่าทุกคนอยู่ที่นี่ นางหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติเล็กน้อย แล้วมองไปที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นางรู้ว่าองค์หญิงใหญ่เข้ามาช่วยนางไว้เมื่อครู่นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะองค์หญิงใหญ่ นางคงจะถูกนางมารร้ายฉางหนิงผู้นี้ ยั่วเย้าจนสูญเสียอากัปกิริยาต่อหน้าผู้คนมากมายเป็แน่
ฮองเฮาอวี่เหวินรู้สึกขอบคุณองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ฉางไทเฮาแอบปรายตามององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ในใจรู้สึกไม่พอใจ
ชิงเหอ...แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเข้ามายุ่งเื่ในวัง ทั้งตัวนางและอวี่เหวินซิน พวกนางทั้งคู่ต่างเป็พี่สะใภ้ขององค์หญิงใหญ่ นางไม่เคยลำเอียงถึงเื่การทะเลาะกันของพวกนาง ทว่าการกระทำของนางในวันนี้...ไม่ใช่แค่เมื่อครู่นี้ ทั้งเื่แบ่งฝักฝ่ายในวัง เื่ตำแหน่งแม่ทัพฝ่ายกองทัพ เห็นได้ชัดว่าชิงเหอ้าขวางทางนาง!
ชิงเหอ...
ฉางไทเฮาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ นางควรคาดเดาได้นานแล้วว่า ระหว่างตนเองกับอวี่เหวินซิน นางน่าจะเอนเอียงไปหาอวี่เหวินซิน ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ชิงเหอปกป้อง มันคือความสัมพันธ์สายตรงในใจนาง!
“เช่นนั้นก็ดี เจินกูกู ช่วยประคององค์หญิงใหญ่ขึ้นรถม้า” ฮองเฮาอวี่เหวินสงบอารมณ์และพูดด้วยท่าทางสง่างาม
เจินกูกูก้าวไปข้างหน้าทันทีและเข้าไปช่วยจือเถาประคององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ หลังจากขึ้นรถก็มีทหารกลุ่มหนึ่งมาที่นี่ แต่งกายด้วยชุดดำทั้งตัว นั่นคือการแต่งกายขององครักษ์ส่วนพระองค์ ทุกคนขี่ม้าและมีผู้คนหลายร้อยคนเรียงแถวอย่างเป็ระเบียบ ท่วงท่าแฝงพลังยิ่งใหญ่
ทว่าบุรุษที่ขี่ม้านำมาผู้นั้น...
หน้ากากสีเงินกระทบสู่สายตาของผู้คน แทบทุกคนล้วนมีสีหน้าต่างกันไป
ทุกคนยังคงไม่ลืมตำแหน่งแม่ทัพผู้กุมกำลังกองทัพเป็สิ่งที่พวกเขาโหยหาอยากไขว่คว้ามาตลอดใน่หลายวันมานี้ พอดีกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขา ทำให้ความคิดและแผนการของคนทุกคน พลันว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
แม่ทัพผู้กุมกองทัพ ฉู่ชิง!
มิใช่ว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อเรียกเขาเข้าห้องทรงพระอักษรหรือ?
เขารายงานเื่กู่พิษในค่ายเสินเช่อเสร็จแล้วหรือ?
ในหัวใจของทุกคน พวกเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนี้ ทุกคนต่างสงสัยมากขึ้นถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนเขตพำนักของท่านแม่ทัพฝ่ายกองทหาร
ทุกคนจับจ้องเขา แต่เขาพาทหารมาด้วย นั่นหมายความว่าอย่างไร?
ขบวนทหารหยุดรอที่ด้านนอกเขตพำนัก ฉู่ชิงกลับตัวลงจากหลังม้าและโค้งคำนับฮองเฮาอวี่เหวิน ฉางไทเฮาและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ชั่วครู่หนึ่งครั้นฉู่ชิงปรากฏตัว จิตใจของฉางไทเฮาพลันเคร่งเครียดไปชั่วขณะหนึ่ง แม้นางจะพยายามระงับ ทว่ามิอาจปกปิดได้
ฮองเฮาอวี่เหวินรู้สึกได้ถึงท่าทีของนาง มุมปากยกยิ้มเบาบาง นางไม่สนใจฉางไทเฮาและเอ่ยกับฉู่ชิงว่า “ท่านแม่ทัพฝ่ายกองทหารมาเยือนที่นี่ มีเื่อันใดหรือ?”
‘แม่ทัพฝ่ายกองทหาร’ ฮองเฮาอวี่เหวินจงใจเพิ่มน้ำเสียงของนาง ราวกับว่ากำลังจงใจเรียกใครบางคนให้ฟัง
นางเป็คนฉลาด ไม่ง่ายเลยที่ฉู่ชิงจะนำทหารมาในเวลานี้
เป็เพราะเื่กู่พิษในค่ายเสินเช่อหรือไม่?
เป็อย่างที่คาดคิด ฉู่ชิงก้มหน้าลงเล็กน้อยและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและทรงพลังว่า “กระหม่อมมาที่นี่ตามพระบัญชาของฮ่องเต้ ให้ปิดล้อมเขตพำนักแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ชิงเอ่ยออกมาสั้นๆ กระชับได้ใจความ เขาเอ่ยออกมาเพียงเท่านี้และมิได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ทว่าเพียงจุดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกลแล้ว
ปิดเขตพำนัก...
เพื่อสอดส่องราชทูตแคว้นหนานเยวี่ยที่อยู่ในเขตพำนัก!
หึ ที่แท้กู่พิษและแคว้นหนานเยวี่ยคงเกี่ยวข้องอย่างมิอาจสลัดทิ้งไปได้
“เช่นนี้คงลำบากเ้าแล้วท่านแม่ทัพ อีกเื่คือ...” ฮองเฮาอวี่เหวินหยุดชั่วคราว นางนึกถึงจ้าวอี้ ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้วและ้าถามฉู่ชิงว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าคำพูดของฉางไทเฮายังคงดังก้องในหูนาง ในที่สุดนางยังคงมิอาจทำใจได้ นางกลัวที่จะถามออกไป และกลัวว่าคำตอบนั้นจะทำร้ายหัวใจนาง อีกอย่างฉางหนิงเองก็ยังอยู่ตรงนี้...นางมิอยากให้ฉางหนิงเห็น!
"ไม่ ไม่มีอะไร" ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว นางกดความกังวลในใจลง หันหลังไปมองฉางไทเฮา “เสด็จพี่ ในเมื่อท่านแม่ทัพเองก็ดูแลอยู่ เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถิด”
เมื่อมองผ่านๆ ฉางไทเฮารู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมใจของฮองเฮาอวี่เหวินอย่างชัดเจน หัวใจของนางพลันปั่นป่วน
พวกนางรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เหตุใดนางจะไม่รู้ความคิดของฮองเฮาอวี่เหวิน เมื่อครู่นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง...นางอยากจะถามเื่จ้าวอี้หรือ
หึ ฮองเฮาอวี่เหวินอยากรู้ แต่กลับกลัว!
วันนี้นางถูกกดดันให้ต้องยอมแพ้ ในใจนางรู้สึกไม่สบายใจ หากได้ยินข่าวการตายของจ้าวอี้ล่ะก็...