พลังต่อสู้ปะทุออกจากร่างนี่จ้านเทียน พร้อมแสงแห่งการต่อสู้เปล่งประกายรอบตัวเขา ทำให้รูปร่างเขาสูงใหญ่ขึ้นและน่าเกรงขามกว่าเดิม ทันใดนั้นนี่จ้านเทียนเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังต่อสู้ออกไป ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย จากการปะทะนี้ส่งผลให้เย่เฟิงถูกซัดจนถอยหลัง แม้เขาจะฝึกฝนทักษะหล่อิญญาและคัมภีร์หล่อกายาเทพาจนมีร่างกายไร้เทียมทาน แต่ร่างกายและพลังโจมตีของนี่จ้านเทียนก็แข็งแกร่งเป็อย่างมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ นี่จ้านเทียนได้เปรียบเื่ระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า แม้จะถูกกด แต่ก็อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 1 อีกอย่างร่างกายของนี่จ้านเทียนยังแข็งแกร่งขึ้นจากการเรียนรู้ก่อนหน้านี้อีก พลังกายจึงเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นการปะทะกับนี่จ้านเทียน จึงทำให้เย่เฟิงเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
“แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริง ๆ ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสแต่ไม่รับไว้ งั้นก็ใช้ชีวิตของเ้ามาชดใช้แล้วกัน!” นี่จ้านเทียนยืนตระหง่านพร้อมพลังต่อสู้พวยพุ่งออกจากร่างอย่างไร้จุดสิ้นสุด ดวงตาคมกริบเชิดมองเย่เฟิง ประหนึ่งาาแห่งาผู้สูงส่งมองประชาชน เขาให้เย่เฟิงมีชีวิตต่อได้ เขาก็มอบความตายให้เย่เฟิงได้เช่นกัน
รังสีหมัดดุจค้อนั์เข้าโจมตีเย่เฟิง เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบ เขาก้าวออกมาพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย แผนที่ดาวปรากฏและแผ่ปกคลุมพื้นที่ ก่อนจะหลบหมัดของนี่จ้านเทียนในพริบตา
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ พลันฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกถูกปล่อยออกไป
ดวงตาสีทองของนี่จ้านเทียนเต็มเปี่ยมด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น เขาเหวี่ยงหมัดเข้าปะทะกับฝ่ามือของเย่เฟิง เสียงดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่ จนเย่เฟิงตัวสั่นสะท้านชั่วขณะ รู้สึกปวดร้าวไปทั่วแขน พร้อมถอยหลังไปอีกครั้ง การโจมตีของนี่จ้านเทียนผู้นี้ช่างรุนแรงเหลือเกิน ทั้งยังมีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขา มิหนำซ้ำร่างกายก็แข็งแรงทนทานขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้จัดการได้ยากเสียเหลือเกิน
“แกร่งมาก!” ผู้คนต่างใกับความแข็งแกร่งของนี่จ้านเทียน ต่อหน้านี่จ้านเทียน สุดท้ายเย่เฟิงก็ยังอ่อนด้อยอย่างเห็นได้ชัด เย่เฟิงตกเป็เบี้ยล่างจากการปะทะกันสองครั้ง ขืนเป็เช่นนี้ต่อไป คงใช้เวลาไม่นานคงถูกนี่จ้านเทียนกำราบจนแพ้ราบคาบ
หมัดของนี่จ้านเทียนซัดโจมตีเย่เฟิงอีกหลายครั้ง ทุกการโจมตีล้วนรุนแรงและป่าเถื่อน เย่เฟิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำมาก มิอาจต่อต้านอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ ขณะที่แสงดาวโคจรรอบกาย เย่เฟิงก็ใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้ออย่างต่อเนื่อง เพื่อฝ่าการโจมตีของนี่จ้านเทียนที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า
“สวะ นี่เ้ากำลังหนีงั้นหรือ?” นี่จ้านเทียนกล่าว พร้อมปล่อยหมัดคู่ที่ทรงพลังขึ้นออกไป
“พูดให้น้อย ๆ หน่อย หรือเ้าหมายความว่า ข้าต้องยืนอยู่ที่เดิมโดยปล่อยให้เ้าโจมตีงั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มอย่างเย็นเยือก จากนั้นก้าวออกมาอีกครั้งพร้อมมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นที่ฝ่ามือ อุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลัน ก่อนจะปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังธาตุไฟโจมตีนี่จ้านเทียน
นี่จ้านเทียนชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะเชี่ยวชาญพลังธาตุไฟ ทวนจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นบนมือเขาพร้อมพลังสังหารพวยพุ่ง แสงสีเงินเปล่งประกาย ก่อนจะแทงออกไปที่ฝ่ามือของเย่เฟิง
“ตาย!” นี่จ้านเทียนกระตุ้นพลังทวนจันทร์เสี้ยวเต็มกำลัง หมายปลิดชีวิตเย่เฟิงในการโจมตีนี้
แสงเยือกเย็นสว่างวาบ ฝ่ามือของเย่เฟิงย่อมต่อต้านไม่ได้ จึงเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วเพื่อหลบรังสีทวน
“ไป!” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นเปลวไฟในมือเขาลอยออกไป หมายแผดเผาร่างนี่จ้านเทียน ทุกที่ที่มันผ่านล้วนต้องถูกเผาเป็เถ้าถ่าน
นี่จ้านเทียนก้าวออกมาพร้อมแทงทวนจันทร์เสี้ยวซึ่งอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวออกไป แต่ขณะเดียวกันแดนมรดกที่เป็สัญลักษณ์ของมรดกสูงสุดก็เรืองรองแสงประหลาด ทันใดนั้นมีแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ก่อนจะแผ่ปกคลุมแดนมรดกสูงสุด พร้อมอักขระโคจรอย่างบ้าคลั่ง
“นั่นอะไรน่ะ?” ผู้คนเห็นฉากนี้ก็มองด้วยความแปลกใจ ตอนนี้พวกเขาก็ถูกแสงนั่นปกคลุมเช่นกัน
“ครืน!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่หยุด ผู้คนพบว่าแดนมรดกสูงสุดนั่นกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง กฎในการเรียนรู้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน วินาทีที่แสงเรืองรองนั่นมาเยือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทั่วทั้งแดนลับเปลี่ยนไปอย่างสั้นเชิง อีกแปดแดนมรดกหายไป พลังงานในนั้นมาที่แดนมรดกสูงสุด ทำให้พลังงานในแดนมรดกสูงสุดทรงพลังขึ้นอีกหลายเท่า พื้นที่แห่งนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่น่าทึ่ง กระทั่งครอบคลุมผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ในแดนมรดกสูงสุด นี่มันหมายความว่ายังไง?” นาทีนี้ทุกคนต่างตื่นใ
กฎแห่งแดนมรดกสูงสุดเปลี่ยนไป แปดแดนมรดกจางหาย ผู้คนมารวมตัวที่แดนมรดกสูงสุดแทน ทำให้แดนมรดกสูงสุดมีพลังมรดกที่แกร่งกล้า โอกาสในการแย่งชิงมรดกที่พวกเขาเหล่านี้ได้สูญเสียไปได้เปิดขึ้น จนััได้ถึงความหวังของพวกเขาอีกครั้ง
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินเริ่มสั่นะเืไม่หยุดและเสียงดังอย่างต่อเนื่อง รอยร้าวนับไม่ถ้วนล้วนปรากฏ จากนั้นผู้คนพบว่า ณ ศูนย์กลางของแดนมรดกสูงสุด มีบางอย่างที่ใหญ่มหึมาโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จู่ ๆ สิ่งนั้นก็ค่อย ๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริง มันคือเตาหม้อขนาดั์ เตาหม้อนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายสิบจั้ง ประหนึ่งูเาลูกเล็ก ทั้งยังมีกลิ่นอายโบราณแผ่ออกมาจากในนั้น ราวกับอยู่มานานมากแล้วและสามารถเชื่อมโยงกับฟ้าดินได้
เวลานี้เหล่าผู้คนต่างมองเตาหม้อั์นั่นด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่เย่เฟิงกับนี่จ้านเทียนที่กำลังสู้กันอยู่ก็หยุดชะงัก และมองเตาหม้อั์นั่นด้วยความตกตะลึง
“วิ้ง...” เสียงแปลก ๆ ดังขึ้น ทันใดนั้นมีแสงเก้าดวงลอยออกมาจากในเตาหม้อั์นั่น ลอยตระหง่านกลางอากาศพร้อมปลดปล่อยพลังมรดกออกมา
นาทีต่อมาแสงเก้าดวงนั่นหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกัน ก่อเกิดเป็ดวงแสงที่เจิดจรัส ทั้งยังมีพลังเก้าประเภทไหลเวียนอยู่ในนั้น แสงเก้าสีที่ปลดปล่อยออกมาเข้าปกคลุมทั่วพื้นที่
“ทรงพลังมากเหลือเกิน ดวงแสงนั่นคืออะไรกัน ทำไมถึงมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้?” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพึมพำกับตัวเอง แสงเก้าสีแผ่ปกคลุมทั่วฟ้า ห่อหุ้มหมื่นสรรพสิ่ง นาทีนี้ทั่วทั้งพื้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเก้าประเภทที่กล้าแกร่ง
“นั้นคือนวมรดก ดูท่าเฒ่าประมุขอยากหาผู้สืบทอดนวมรดกก่อนที่จะลงจากตำแหน่ง จึงปลุกนวมรดกขึ้นมาในเวลานี้!” ท่ามกลางฝูงชน เซี่ยจวิ้นหลงที่พูดน้อยมาตลอดเอ่ยปากขึ้น ดวงตาทอประกายแสง ในฐานะศิษย์วังเทพโอสถ เขาย่อมรู้เื่สำคัญบางอย่างในวังเทพโอสถ ส่วนฟู่หยิงที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ตื่นใเช่นกัน
“นวมรดก!” ผู้คนได้ยินคำศัพท์แปลก ๆ ตาก็เผยประกายคมกริบ แม้จะไม่รู้ว่านวมรดกนี้หมายความว่าเช่นไร แต่จากคำพูดของเซี่ยจวิ้นหลง นวมรดกนี้จะต้องเป็ของบางอย่างที่มีพลังฝืนชะตาฟ้าลิขิตอย่างแน่นอน
วินาทีที่เปิดนวมรดก ยอดเขาเทพโอสถที่อยู่ภายนอกแดนมรดกก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง เมฆพลังหยวนบนท้องฟ้าแปรปรวนคล้ายมีเื่ใหญ่เกิดขึ้น
“ตาเฒ่า! ลูกข้าได้รับาเ็อยู่ในแดนลับ แต่ท่านกลับเปิดนวมรดก นี่ท่านกำลังบีบบังคับข้างั้นหรือ?” ฟู่หยางกล่าวขณะแหงนมองเมฆพลังหยวนบนท้องฟ้าที่แปรปรวนไม่หยุดด้วยสายตาไม่ยินดี
“เมื่อท่านอาจารย์เปิดนวมรดก พวกเราจะทำอะไรได้?” จี๋เหยียนเผยสีหน้าไม่สู้ดี นวมรดกนั้นคือตัวแทนอำนาจสูงสุดของวังเทพโอสถ เป็สิ่งที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์วังเทพโอสถเลื่อมใสศรัทธา เมื่อมันถูกเปิดใช้งาน สถานการณ์ในวังเทพโอสถก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พวกเขาไม่รู้ว่า เฒ่าประมุขที่ใกล้สิ้นอายุขัยจะเปิดนวมรดกไปทำไม?
“คอยสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ เถอะ ข้าก็อยากดูว่าตาเฒ่านี่จะทำอะไรได้บ้างก่อนที่เขาจะตาย!” ฟู่หยางกล่าวเสียงเบา ใน่เวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาไม่อาจเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ในใจของฟู่หยางกลับมั่นใจเต็มเปี่ยม หลายปีมานี้ เขารวบรวมกองกำลังในวังเทพโอสถได้ไม่น้อย แม้ตาเฒ่าจะทำการบางสิ่งก่อนจะตาย หรือไม่คิดสละตำแหน่งให้เขา ก็ไม่เป็ไร ด้วยฐานะของฟู่หยางในวังเทพโอสถตอนนี้ หาก้าตำแหน่งนั้น ย่อมไม่ใช่เื่ยากอะไร
นวมรดกปรากฏขึ้นมาแล้วก็จริง แต่ฟู่เจินบุตรชายเขากลับถูกเย่เฟิงทำร้ายจนาเ็สาหัส จึงมิอาจแย่งชิงมรดกได้ นี่ทำให้เขาเสียใจมาก
ณ ห้องลับภายในยอดเขาเทพโอสถ มีสี่เงาร่างชราห้อมล้อมชายชราคนหนึ่งที่นั่งฌานอยู่บนแท่นหิน พวกเขาต่างมีสีหน้าอึมครึมและในดวงตายังแฝงด้วยความโศกเศร้า
“เฒ่าประมุข ท่านใช้พลังเฮือกสุดท้ายเพื่อเปิดนวมรดก ทำให้ตนมีความผิด ท่านจะลำบากไปไย?” ชายชราในชุดเหลืองกล่าว
“เ้าสี่คนอย่าเศร้าเสียใจไปเลย ข้าก็แค่คนแก่ที่ใกล้ตายและใช้นาทีสุดท้ายของชีวิตทำเพื่อวังเทพโอสถ ทำไมจะไม่ยินดีเล่า?” ชายชราผมขาวที่นั่งอยู่บนแท่นหินกล่าวพลางหลับตาสนิท ลมปราณอ่อนแรง แต่กลับนั่งตัวตรง แสงที่รายล้อมร่างกายก็บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่หากมองดูดี ๆ จะพบว่าลมปราณเพียงน้อยนิดภายในร่างของชายชราคนนี้กำลังเหือดแห้งทีละนิด ๆ เหมือนไฟใกล้ดับมอด
“พวกเราเคารพการตัดสินใจของเฒ่าประมุข!” ชายชราทั้งสี่คนโค้งคำนับให้ชายชราผมขาว
“การที่เปิดนวมรดกก็เพื่อความก้าวหน้าของวังเทพโอสถ ให้ยั่งยืนอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย ผู้สืบทอดจะเป็ประมุขวังเทพโอสถคนต่อไป แต่จะได้รับตำแหน่งจริง ๆ ก็ต่อเมื่อคนผู้นี้บรรลุขั้นยุทธ์แท้เท่านั้น” ชายชราผมขาวกล่าว ลูกศิษย์ทั้งสองคนของเขาต่างแย่งชิงอำนาจกัน แต่ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้
“เฒ่าประมุข...” แววตาของชายชราสี่คนนั้นสั่นไหวทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเฒ่าประมุข
“ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก!” ชายชราผมขาวโบกสะบัดมือหยุดชายชราทั้งสี่
“เ้าทั้งสี่คนปิดด่านอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้มานานหลายปี กระทั่งคนในวังยังไม่ทราบว่าพวกเ้ารออะไรอยู่ แต่บัดนี้ถึงเวลาที่พวกเ้าจะออกไปได้แล้ว จงปกป้องผู้สืบทอดนวมรดก เพื่อหลีกเลี่ยงการลอบทำร้ายของผู้มีเจตนาไม่ดี!”
น้ำเสียงของชายชราผมขาวดูอ่อนแรง ลมปราณเริ่มเหือดแห้งขึ้นเรื่อย ๆ มือที่ยกขึ้นโบกสะบัดเมื่อครู่นี้ก็ยกขึ้นไม่ได้อีก ตอนนั้นเองเขาหยุดหายใจอย่างสิ้นเชิง ทว่าเขาจากไปอย่างไม่สงบ เหมือนมีบางอย่างที่ยังปล่อยวางไม่ได้
เมื่อชายชราทั้งสี่คนเห็นชายชราผมขาวจากโลกนี้ไปแล้ว ก็คุกเข่าลงคำนับ
ถ้ำนี้คือเขตต้องห้ามแห่งหนึ่งในยอดเขาเทพโอสถ และเื่ราวที่เกิดขึ้นภายในนี้ก็ไม่มีใครในโลกภายนอกได้รับรู้
ชายชราผมขาวคนนั้นที่ใช้พลังทั้งหมดในการเปิดนวมรดกก็คือเฒ่าประมุขวังเทพโอสถ ส่วนชายชราทั้งสี่ที่อยู่ข้างกายเขาคือผู้ทำพิธีที่เร้นกายอยู่ในวังเทพโอสถ หลายปีมานี้พวกเขาสี่คนฝึกฝนอย่างยากลำบากและไม่ยุ่งเื่ทางโลก จงรักภักดีต่อวังเทพโอสถ มีเพียงยามวิกฤตเท่านั้น พวกเขาจึงจะปรากฏตัว
เฒ่าประมุขสิ้นอายุขัยในครั้งนี้ ได้มอบภารกิจให้พวกเขาคุ้มครองผู้สืบทอดนวมรดก พวกเขาจำต้องออกจากูเา เพื่อให้วังเทพโอสถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้