หมอกหนาลงจัด เถาวัลย์เส้นขนาดลำแขนทิ้งห้อยลงมาเส้นแล้วเส้นเล่า ท่ามกลางความรางเลือนในสายหมอกที่บดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่อาจมองเห็นความจริง
ดาวเทียมหนักอย่างยิ่งถูกเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวรัด ตกอยู่บนรถไฟ ที่แห่งนี้ไร้สุ้มเสียงใดๆ เงียบสงัดไม่ต่างกับความตาย
ตรงหน้าคือภาพที่จู่โจมสายตาของผู้คน นั่นมันดาวเทียมเชียวนะ มันควรจะอยู่บนชั้นบรรยากาศสิ แล้วมันร่วงลงมาอยู่บนเส้นทางคมนาคมอย่างรางรถไฟได้อย่างไรกัน?!
ฉู่เฟิงกับโจวเฉวียนเสียวสันหลังวาบ ััได้ถึงความเย็นเยียบ แหงนมองความมืดเทาเบื้องบนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ บนนั้นมันมีอะไร?
“อย่าบอกนะว่า เถาวัลย์พวกนี้ห้อยลงมาจากกลางอากาศน่ะ!” เสียงของโจวเฉวียนค่อนข้างแหบพร่า สีหน้าดูไม่ได้
สถานการณ์ตรงนี้ทำให้ผู้คนยากจะยอมรับได้ ยากเหลือเกินที่จะเชื่อ!
ฉู่เฟิงเหม่อมองนิ่งเงียบ เดินไปข้างหน้าแหวกเถาวัลย์ออก เพ่งมองอย่างละเอียด ดูแล้วดูอีก จนมั่นใจว่านี่คือดาวเทียมไม่มีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
“นี่มันเื่อะไรกัน?” โจวเฉวียนรู้สึกว่าในสมองวุ่นวายไปหมด
ฉู่เฟิงครุ่นคิด ไม่รู้ว่าโลกภายนอกตอนนี้เป็เช่นไร พวกเขาควรออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกแล้ว
“พี่น้อง นายทำอะไรน่ะ?” โจวเฉวียนสติสตังกลับคืนมา เขาเห็นว่าฉู่เฟิงกำลังใช้สองมือดึงเส้นเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากกลางอากาศ
“ฉันอยากขึ้นไปดูข้างบน” ฉู่เฟิงตอบ
“นี่นายยังมีแก่ใจพูดเล่นอีกเรอะ?!” ตาอ้วนโจวที่ปรกติหัวเราะอารมณ์ดี เหมือนพระสังกัจจายน์ที่ใบหน้าอิ่มเอมมีเมตตา ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความกังวล
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันรุนแรงที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้เขาสับสนไปหมด
“ฉันจะขึ้นไปดูหน่อย” ฉู่เฟิงตอบ เขาคิดจะปีนขึ้นไปยังที่ที่สูงกว่านี้ สำรวจดูสักหน่อย
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป นี่มันไม่ใช่ทางสู่์ซะหน่อย นายคิดว่าปีนขึ้นไปแล้วจะเจอวังของเทพเซียนหรือไง?” โจวเฉวียนโต้กลับ เป็ห่วงความปลอดภัยของเขา
“ไม่เป็ไรน่า ฉันปีนขึ้นไปไม่สูงมากหรอก แค่ขึ้นไปดูเฉยๆ” ฉู่เฟิงว่า สภาพร่างกายที่ดีเยี่ยมของเขาเป็ตัวบอกความสามารถ ไม่นานก็ปีนขึ้นไปได้ 6-7 เมตรแล้ว
ในเวลานี้ หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณที่เขาอยู่ ด้านล่างก็มองไม่เห็นอะไร ทัศนวิสัยในการมองเลวร้ายอย่างมาก
“พี่น้อง เป็อะไรหรือเปล่า?” โจวเฉวียนะโขึ้นไป
“ไม่เป็ไร!” ฉู่เฟิงตอบ เขาปีนขึ้นข้างบนไปได้ประมาณสิบเมตรจึงหยุด
“เถาวัลย์กลางอากาศนี่หนาขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งตัวห้อยตรงแหน็วอย่างกับด้ามพู่กัน ดูท่าทางจะไม่ใช่เถาวัลย์จากสองฝั่งหน้าผางอกมาเชื่อมกันแน่นอน แต่เป็ทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศ” ฉู่เฟิงขมวดคิ้ว
เื่นี้มันยากที่จะเชื่อได้ เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น ทำไมถึงเกิดเื่สะท้านฟ้าะเืดินอย่างนี้ได้?
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ ข่าวที่ว่ามีต้นไม้ปรากฏขึ้นในอวกาศ นอกจากนี้พืชอื่นๆ ที่ล่องลอยในอวกาศ ล้วนแล้วแต่เป็พันธุ์พืชที่มีต้นกำเนิดบนโลกนี้ทั้งนั้น ตอนนี้ความคิดของเขาแตกประเด็นออกไปมากมาย
ฉู่เฟิงไถตัวลงมาตามแนวเถาวัลย์ เขาไม่จำเป็ต้องเสี่ยงอันตรายมากไปกว่านี้
“พี่น้อง พวกเราต้องรีบเผ่นไปจากที่นี่ อยู่นานไม่ได้แล้ว ฉันรู้สึกหวั่นๆ” โจวเฉวียนพูด
ฉู่เฟิงพยักหน้า รถไฟหยุดนิ่งไปไหนไม่ได้ สถานที่นี้ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน เครื่องมือสื่อสารก็ถูกตัดขาดจากภายนอก เขาคิดว่าต้องหาทางเอาเอง ไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน
เหตุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เป็กังวล จึงไม่ควรเป็ฝ่ายรอให้เื่เกิดขึ้นเอง
“พระเ้า นี่ฉันมาเห็นอะไรเข้าเนี่ย?!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงร้องใดังขึ้น
คนหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงหลายคนพากันปีนขึ้นมาบนหลังคารถไฟ เดินมาจนถึงตรงนี้ พอมองเห็นดาวเทียมขนาดใหญ่นั่นเข้า แต่ละคนก็ตะลึงงัน
พวกเขาใบหน้าค้างแข็ง อย่างกับเห็นผีก็ไม่ปาน
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจาย ก่อให้เกิดความวุ่นวายพร้อมกันกับความตื่นตระหนก ูเาแถบนี้ไม่สงบเงียบอีกต่อไปแล้ว ทุกคนวิ่งออกจากตู้โดยสาร เสียงร้องไห้ผสมปนเปกับเสียงชุลมุนวุ่นวาย
“แบบนี้มันจะเละเทะไปกันใหญ่แล้ว” โจวเฉวียนเอ่ย
ภายใต้สถานการณ์วุ่นวาย เื่ร้ายอาจเกิดได้เสมอ แต่ว่าตอนนี้ใครจะช่วยกันห้ามปรามล่ะ? พวกพนักงานรถไฟเองก็เอ๋อกันไปแล้ว มือไม้อ่อนทำอะไรไม่ได้เลย
“แล้วคนยุคโบราณคนนั้นจะทำยังไงดี?” ฉู่เฟิงถาม
“ยังจะทำอะไรอีกล่ะ ตายไปั้แ่ปีมะโว้แล้ว เมื่อกี้ฉันไปดูแล้วได้ยินคนพูดว่า เขาอาจไม่ใช่คนยุคโบราณหรอก บนตัวมีเครื่องมือสื่อสารด้วยนะ” โจวเฉวียนตอบ
“หืม?” ฉู่เฟิงอึ้งไป เขาเองก็ตรวจดูคนผู้นั้นแล้ว เครื่องแต่งกายนั่นไม่ใช่ชุดย้อนยุคพื้นๆ แต่เป็ชุดโบราณแบบที่พิเศษมากจริงๆ
“จะไปคิดมากเื่นั้นทำไม พวกเรารีบเผ่นเถอะ!” โจวเฉวียนเร่ง อีกแค่นาทีเดียวเขาก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว
ในความเป็จริง คนอื่นๆ ต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว อยากไปให้พ้นจากที่นี่ในทันที
ฉู่เฟิงชั่งน้ำหนักกระบี่สีดำในมือ ความยาวแค่ฟุตกว่าแต่กลับหนักอื้ง ความหนาแน่นเกินกว่าโลหะทุกชนิดที่เขารู้จัก สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยอย่างยิ่ง
“แล้วเครื่องมือสื่อสารของคนคนนั้นล่ะ เอามาดูซิว่าเขาติดต่อใครบ้าง มันผิดปรกติเกินไปแล้ว”
น่าเสียดาย ที่ฉู่เฟิงไม่อาจทำได้อย่างที่้า ที่นี่คนพลุกพล่านวุ่นวายเกินไป เครื่องมือสื่อสารเครื่องนั้นไม่รู้หายไปไหนแล้ว
“ไป!”
พวกเขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปรีบออกเดินทาง
ผู้โดยสารต่างจับกลุ่มกันแล้วออกเดินทางกันทีละกลุ่มๆ มุ่งไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด
ฉู่เฟิงกับโจวเฉวียนยึดแนวรางรถไฟ ตาอ้วนคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ เพราะนั่งรถขึ้นล่องหลายต่อหลายครั้งตามคำพูดของเขา ผ่านเขตูเาไปห้ากิโลเมตรกว่าก็จะพบเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง
“นี่มันฝีมือใครกันวะ มิน่ารถไฟถึงต้องหยุด อันตรายเกินไปแล้ว!” โจวเฉวียนหัวเสียกับสิ่งที่เห็นระหว่างทาง
ออกเดินทางมาไม่กี่กิโลเมตร พวกเขาพบว่ารางรถไฟ่หนึ่งถูกตัดขาด นี่เป็หายนะอย่างแท้จริง หากรถไฟเดินทางต่อเป็ไปไม่ได้เลยที่จะไม่เกิดเหตุร้ายแรง
“นี่มันไม่ถูกต้อง!”
เมื่อเดินทางต่ออีกราวหนึ่งกิโลเมตร พวกเขาก็พบว่ารางเหล็กถูกตัดขาดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกประหลาดอย่างมาก ไม่เหมือนเป็ฝีมือของคน แต่ว่า...มีเลศนัยบางอย่าง
“นายเห็นไหม สถานการณ์ไม่ปรกติ!”
โจวเฉวียนตรวจดูโดยละเอียด สีหน้าเคร่งเครียด
พื้นดินเหมือนถูกจับดึงยืดมาก่อน บริเวณนั้นขยายใหญ่ ส่วนรางรถไฟแตกกระจายทำให้ไม่อาจเชื่อมกันได้
ทั้งสองคนงุนงงสงสัย พื้นที่ตรงนี้สามารถดึงยืดให้ขยายใหญ่ขึ้นได้ด้วยหรือ?
“น่าจะเป็แผ่นดินไหวมั้ง?” โจวเฉวียนเอ่ยขึ้น
แต่ว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเกิดแผ่นดินไหวเลย สถานการณ์พิลึกพิลั่นทำให้คนแตกตื่น ตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่อาจหาคำตอบได้
ทั้งคู่เริ่มหวาดกลัวอย่างไม่อาจหาสาเหตุได้
เดินทางต่อไปอีกไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงรางรถไฟฉีกขาดด้วยหูของตัวเอง อีกทั้งยังเห็นภาพพื้นดินเหมือนกับถูกดึงยืดจนขยายใหญ่ด้วยตาของตัวเอง
โจวเฉวียนตาค้างปากก็ค้างด้วย พูดอะไรไม่ออก
“ผีหลอก!” ในที่สุดก็แหกปากร้องเสียงดัง
“หนีเร็ว พื้นที่ตรงนี้มันไม่มั่นคง!” ฉู่เฟิงพูด เริ่มเร่งความเร็ว
โจวเฉวียนแม้จะอ้วน แต่เห็นได้ั้แ่เมื่อตอนปีนขึ้นหลังคารถไฟแล้ว ว่าสภาพร่างกายของเขาดีมาก เวลาวิ่งถึงจะหอบหายใจแต่ก็ไม่ใช่หอบเพราะเหนื่อย
“เฮ้ย ไม่มีทางแล้ว?”
รางรถไฟข้างหน้า มีูเาลูกหนึ่งพาดขวางสกัดกั้นเส้นทางไว้
ที่พิสดารที่สุดก็คือรางรถไฟที่ลอดผ่านไป เหมือนกับถูกูเาลูกนั้นพาดทับ เมื่อมองดูให้ดีก็เป็เช่นนั้นจริงๆ หากโกยดินโกยหินที่ทับถมออกไปก็จะพบส่วนที่ถูกกลบฝังนั่น
อย่าว่าแต่ตาอ้วนโจวเลย แม้แต่ฉู่เฟิงก็บื้อไปด้วย นี่มันเื่อะไรกัน? ทำไมถึงมีูเาทั้งลูกมาตั้งอยู่ที่นี่!
“นายแน่ใจนะว่าข้างหน้ามีเมืองอยู่จริงๆ?” ฉู่เฟิงถาม
“ฉันแน่ใจ!” โจวเฉวียนพูด ทั้งยังสบถสาบานว่าไม่เคยเห็นูเาลูกนี้มาก่อน อย่างกับโผล่ออกมาจากกลางอากาศมาวางอยู่ตรงนี้
“ไม่มีทางอื่นแฮะ ถ้าปีนข้ามไป ฉันไม่มั่นใจว่าเราจะเข้าไปอีกโลกที่เราไม่รู้จักหรือเปล่า!” โจวเฉวียนพูด
“อย่าเลยเดินอ้อมเถอะ ไม่ได้ไกลเท่าไหร่!” ฉู่เฟิงห้ามเขาไว้
โจวเฉวียนไม่พอใจเล็กน้อย เขาอยากจะตรวจสอบดูว่าูเาลูกนี้มาได้ยังไงกัน ทำไมอยู่ดีๆ ถึงโผล่มาได้?
“โฮก!”
เสียงคำรามขนาดทำให้ป่าสั่นะเืดังขึ้นมาจากทางูเาที่ดูไม่ธรรมดาลูกนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าต้องมีสัตว์ร้ายแน่นอน!
“เป็ไปได้ยังไงกัน เสียงคำรามนี่มันน่ากลัวไปหน่อยแล้ว พื้นที่แถบนี้ไม่เคยมีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่มาก่อน มาจากไหนกัน? โจวเฉวียนใจสั่น
ฉู่เฟิงชี้ไปทีู่เาลูกนั้น ตาอ้วนโจวล้มเลิกความคิดที่จะปีนูเาข้ามไปทันที แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินอ้อมแทน
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาได้ยินเสียงคำรามน่าหวาดกลัวอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงกู่ร้องอย่างหวาดกลัวของคน
“มีคนปีนเขาข้ามไปด้วย!” โจวเฉวียนหน้าซีด โชคดีเหลือเกินที่ไม่เลือกไปทางนั้น
ในที่สุด ทั้งคู่ก็เดินอ้อมเขาลูกนั้น แล้วยึดแนวรางรถไฟตามเดิมเพื่อไปยังเมืองใกล้เคียง
ขณะเดียวกันระหว่างทางพวกเขาก็ยิ่งหวาดหวั่น ระยะทางที่รางเหล็กถูกทำลายขยายใหญ่ขึ้น พื้นดินก็ดูเหมือนถูกยืดขยายกว้างขวางขึ้นไปอีก
ระยะทางในตอนแรกห้ากิโลเมตร แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าเดินมาแล้วสิบกิโลเมตรเต็มๆ
ก็ยังนับว่าโชคดี ที่พวกเขาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้โดยปลอดภัย
ถึงเวลานี้หมอกก็จางหายไปในที่สุด แต่ว่าแสงอาทิตย์ก็ยังถูกบดบังอยู่ ไม่อาจเล็ดลอดลงมาได้
“เกิดเื่จริงๆ ด้วย!” สีหน้าของฉู่เฟิงเปลี่ยนไป ในกลางอากาศนั้น มีเถาวัลย์ทิ้งห้อยลงมาเส้นแล้วเส้นเล่า ล้วนแต่มีขนาดใหญ่โต อีกทั้งมีใบที่เขียวชอุ่มเรืองรอง
มันปิดฟ้างำดิน พาดขวางอยู่กลางอากาศ
เหมือนกับว่ามันไม่ได้งอกขึ้นมาจากผืนดิน หากทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้าประหนึ่งเทพนิยายก็ไม่ปาน
เถาวัลย์ต้นมหึมาปิดฟ้างำดิน ปกคลุมพื้นที่แถบนี้
เมื่อหมอกหนาจางหาย ผู้คนในเมืองเล็กๆ นี้ต่างก็เห็นภาพเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา ถึงกับเกิดเหตุหวาดหวั่นวุ่นวาย
“เผ่น ต้องรีบเผ่นกันแล้ว!” โจวเฉวียนคำรามลั่น
ในความเป็จริงคือ หลายต่อหลายคนกำลังวิ่งอยู่ รถคันแล้วคันเล่าต่างเคลื่อนตัว แล่นห่างออกไป
“ไม่ได้การ พวกเรารีบโบกรถสักคัน ฉวยจังหวะที่ยังเดินทางได้ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมีหวังถูกขังตายอยู่ที่นี่แน่ๆ” ฉู่เฟิงร้องตอบ
“จะโบกทำแป๊ะอะไรล่ะ ยึดมันเลย!” โจวเฉวียนะโลั่น
กระนั้น สุดท้ายพวกเขาก็โบกรถได้ คุณอาชายวัยกลางคนคนหนึ่งรับพวกเขาขึ้นรถขับหนีไปด้วยกัน ออกไปนอกเมืองหนีไปให้ห่างไกล
เมื่อหมอกหนาจางหายไปจนสิ้น เครื่องมือสื่อสารก็กลับมาใช้งานได้ดังเดิม สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้
พอฉู่เฟิงเปิดเครื่องมือสื่อสาร ก็รีบดูทันทีว่ามีข่าวช็อกโลกอะไรบ้าง
“พระเ้า ทีู่เาดังๆ อย่างเขาซงซาน เขาหวังอูซาน เขาหลัวฝูซาน เกิดเหตุประหลาดทุกรูปแบบ ขนาดก้อนหินยังเปล่งแสงสีม่วงเลย”
ตาอ้วนโจวร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นข่าว เพียงแค่ชั่วข้ามคืนโลกภายนอกเกิดเื่ใหญ่โตขึ้นมากมาย!
“เอ๋ มีคนพบต้นไม้ธรรมดาต้นเล็กข้างทางที่ออกผลสีเงิน เมื่อกินเข้าไปแล้ว เขา...มีปีกสีเงินคู่หนึ่งงอกออกมา!” โจวเฉวียนอ่านจบก็ตะลึงโดยพลัน
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง นี่คือความรู้สึกแรกที่ฉู่เฟิงััได้ทันทีที่อ่านข่าวจบ!