“ข้ามาจากอาณาจักรจ้าว” เย่เฟิงไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายตรง ๆ เพียงแต่บอกที่มาของเขาก็เท่านั้น
เทียนเซียงและผู้าุโระดับสูงของเทียนเซียงหลินได้ยินเช่นนั้นก็ม่านตาหดแคบลง ในเมื่อมาจากอาณาจักรจ้าว เช่นนั้นตัวตนของเย่เฟิงดูเหมือนจะเปิดเผยแล้ว
“เ้าคือชายผู้นั้นที่ชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไปใช่หรือไม่?” เทียนเซียงซักถามเย่เฟิง แต่ครั้งนี้นางกลับใช้วิธีสื่อสารทางจิต คนอื่นจึงไม่ได้ยิน
“ใช่” เย่เฟิงพยักหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เปิดเผยตัวตนของเขา เย่เฟิงก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา
ดวงตาของเทียนเซียงทอประกาย จากนั้นเห็นนางสะบัดมือ พลันปรากฏลำแสงโค้งที่กลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็ม่านแสงและปกคลุมเย่เฟิงและตัวนาง เมื่อมองจากภายนอก ม่านแสงนี้จะเสมือนจริงและแฝงด้วยกลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์ แต่กลับมองไม่เห็นภายใน
ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างตะลึงงัน พวกนางไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเ้าสำนักคืออะไร เหตุใดจึงบดบังทัศนวิสัยของคนอื่น
“เ้าก็รู้ ชิงเซียงคือนักโทษของเทียนเซียงหลินข้า หากเ้า้าพานางไป เกรงว่าจะไม่ได้”
หลังจากม่านแสงปกคลุมพวกเขาสองคน เทียนเซียงก็กล่าวเช่นนั้นกับเย่เฟิง เมื่อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่เฟิง แววตาที่เทียนเซียงมองเย่เฟิงก็เปลี่ยนไป
การที่แสดงฝีมืออันโดดเด่นท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์จากแต่ละกองกำลังของจักรวรรดิจิ่วโยว ทั้งยังชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม คนประเภทนี้จะไม่โดดเด่นได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้เทียนเซียงเคยได้ยินบทสนทนาระหว่างหลันเซียงและชิงเซียง ตอนที่เย่เฟิงแย่งชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม มีผู้ฝึกยุทธ์ของจักรวรรดิจิ่วโยวตกตายในน้ำมือของเย่เฟิงหลายคน ในนี้รวมทั้งอัจฉริยะจากหมู่บ้านหานเสวี่ย พันธมิตรเทียนเตา สำนักหลิงไถ และกองกำลังอื่น ๆ ของจักรวรรดิจิ่วโยว พลังเช่นนี้คู่ควรที่จะให้เทียนเซียงเคารพนับถือ
“ชิงเซียงดูเหมือนจะไม่ได้ทำผิดต่อสำนัก นางซื่อสัตย์ต่อเทียนเซียงหลินมาตลอด ไยผู้าุโไร้ความเมตตาเช่นนี้เล่า?” เย่เฟิงกล่าว แม้เรียกอีกฝ่ายว่าผู้าุโ แต่กลับไม่นอบน้อม อีกฝ่ายไม่ใช่ญาติพี่น้องและไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาจะนอบน้อมไปไย
“นางรู้ทั้งรู้ว่าเ้าชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม แต่กลับปิดบัง หรือว่าโทษนี้ไม่หนักพอ?” เทียนเซียงกล่าว พร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่าง แม้นางมีหน้าตาสะสวย แต่ถึงอย่างไรก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะระดับสูง เพียงปล่อยพลังปราณก็ล้วนอัดแน่นไปด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด
“ข้าไม่ทราบกฎของเทียนซียงหลิน แต่ข้ารับประกันว่าชิงเซียงจงรักภักดีต่อเทียนเซียงหลิน เพียงแต่นางทำเพื่อปกป้องข้า จึงทำให้บุคคลระดับสูงของเทียนเซียงหลินบันดาลโทสะ ผลที่ตามมาควรเป็ข้าที่ต้องรับผิดชอบ” เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็ทางการสองสามส่วน
เทียนเซียงชะงักไปเล็กน้อยขณะมองท่าทีของเย่เฟิงในเวลานี้ ราวกับรู้สึกถึงความจริงจังในคำพูดของเย่เฟิง ชายผู้นี้รู้ว่าสาเหตุเป็เพราะผลึกเจตจำนงแรกเริ่มที่เทียนเซียงหลิน้า แต่หลังจากชายผู้นี้ทราบว่าชิงเซียงถูกขังเพราะเขา จึงมาเยือนเทียนเซียงหลิน หวังว่าจะใช้วิธีบุกด่านช่วยชิงเซียงออกไป และเมื่อครู่นี้เขายังบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างแทนชิงเซียง เห็นชัดว่ามีคุณธรรมมากเพียงใด
“เ้าจะรับผิดชอบแทนชิงเซียง แล้วจะรับผิดชอบอย่างไร?” เทียนเซียงซักถามเย่เฟิง นางเป็คนฉลาด แม้เย่เฟิงชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มไปได้ แต่เื่นี้ผ่านมานานแล้ว ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มก็ไม่มีทางที่จะยังอยู่ที่เย่เฟิง ดังนั้นเทียนเซียงจึงไม่คิดทำร้ายเย่เฟิง
“หากผู้าุโสัญญาว่าจะปล่อยชิงเซียง ข้าจะทำตามเงื่อนไขของเทียนเซียงหลินหนึ่งข้อ” เย่เฟิงกล่าวตอบไปเช่นนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ!”
เทียนเซียงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ นางไม่ใช่คนที่ดูถูกใครง่าย ๆ แม้เมื่อครู่เย่เฟิงจะแสดงพร์ที่ไม่เลวแล้วอย่างไรเล่า? แต่ในสายตานางก็เป็แค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น หากนาง้าชีวิตของเย่เฟิง เพียงแค่คิดก็ทำได้แล้ว ดังนั้นคำสัญญาของอีกฝ่าย จึงไม่สำคัญกับนางเท่าไรนัก เกรงว่าจะมีหรือไม่มีก็ได้
“ข้าอยากรู้ว่าเงื่อนไขของเ้าคืออะไร?” เทียนเซียงกล่าวขณะมองเย่เฟิง พร้อมเผยสีหน้าสนใจ
เย่เฟิงเงียบ แต่ทันใดนั้นพลังประหลาดพวยพุ่งออกจากร่างเขา ก่อนจะกลายเป็แสงจาง ๆ เข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง ซึ่งมีแสงเก้าสีที่ต่างกันรายล้อมร่างพร้อมกับปลดปล่อยพลังเก้าประเภทออกมา
“วูบ ๆ!” เสียงประหลาดดังขึ้นต่อเนื่อง แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยและปกคลุมทั่วพื้นที่ในพริบตา ห้วงอากาศพลันแข็งตัว ซึ่งในนั้นแฝงไปด้วยพลังอันแกร่งกล้า ก่อนมันจะเปลี่ยนไปเป็พลังวิถีฟ้าดิน
แม้ตบะของเย่เฟิงต่ำต้อยกว่าเทียนเซียง แต่ตอนนี้พลังที่พวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิง ทำให้เทียนเซียงรู้สึกใจสั่นและอดเซถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ นางเป็ใคร แล้วมีหรือจะมองไม่ออกว่าพลังที่เย่เฟิงปลดปล่อยออกมาหมายถึงอะไร
“เ้า... เ้าคือผู้ครองร่างเก้าธาตุและเปิดร่างเจตจำนง? จะเป็ไปได้ยังไง? ตบะของเข้าเพิ่งอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 แต่จะเปิดร่างเจตจำนงได้ยังไง? อีกอย่างร่างเก้าธาตุของเ้าทำได้ยังไง? ในใต้หล้านี้จะมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ปรากฏตัวได้ยังไง?”
เทียนเซียงมองเย่เฟิงพลางตัวสั่นสะท้าน ทั้งยังซักถามเย่เฟิงหลายประโยคด้วยความเหลือเชื่อ
คุณสมบัติร่างเก้าธาตุหาได้ยากยิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่เปิดร่างเจตจำนงก็ยิ่งเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นตบะของเย่เฟิงก็อยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 เท่านั้น
แม้นางคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะระดับสูงที่เกือบเข้าใกล้ขั้นาา แต่ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะเปิดร่างเจตจำนงได้หรือไม่ บัดนี้ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 กลับทำสำเร็จ ทำให้เทียนเซียงใอย่างมากและอดรู้สึกริษยาไม่ได้
“ข้ามีพลังเก้าธาตุ ตระหนักรู้พลังแห่งอำนาจขั้นกายาคู่ และเปิดร่างเจตจำนง แม้ไม่กล้าพูดว่าในภายภาคหน้าจะขึ้นไปอยู่บนสูงสุดได้หรือไม่ แต่ตราบใดที่ผู้าุโรับปากข้าว่าจะปล่อยตัวชิงเซียง ถือว่าข้าติดค้างคำสัญญาหนึ่งข้อ เมื่อข้าประสบความสำเร็จ เทียนเซียงหลินสามารถทวงคืนคำสัญญานี้ได้ทุกเมื่อ” เย่เฟิงกล่าวเช่นนั้น เขาดูเฉิดฉายเป็พิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงแห่งเจตจำนง
เทียนเซียงกะพริบตาปริบ ๆ เย่เฟิงใช้พร์ของเขาเป็แต้มต่อเพื่อแลกเปลี่ยนอิสรภาพของชิงเซียง แต่ขณะที่นางยังคงใกับพร์ของเย่เฟิง ในหัวนางก็เริ่มครุ่นคิดถึงข้อดีและข้อเสียของเื่นี้อย่างรวดเร็ว
อัจฉริยะผู้หนึ่งครองร่างเก้าธาตุ ตระหนักรู้พลังแห่งอำนาจขั้นกายาคู่ และเปิดร่างเจตจำนง แน่นอนว่าอนาคตของเขาไม่มีผู้ใดคาดเดาได้
ซึ่งคำสัญญาของเย่เฟิงดูไม่มีประโยชน์ต่อเทียนเซียงหลินสักเท่าไร แต่หากวันหนึ่งเย่เฟิงเติบใหญ่ คำสัญญานี้อาจมีประโยชน์อย่างที่เทียนเซียงหลินคาดไม่ถึงก็เป็ได้
อย่างไรก็ตามนางเห็นชิงเซียงมาั้แ่เล็กจนโต แม้มีนิสัยเ็า แต่ก็ซื่อสัตย์ต่อเทียนเซียงหลิน หากไม่ใช่เพราะกลัวผู้อื่นกล่าวหาว่านางไม่ยุติธรรม เทียนเซียงคงไม่มีทางจัดการชิงเซียงเช่นนี้
บัดนี้ดูเหมือนว่าเทียนเซียงเริ่มสั่นคลอนเพราะคำสัญญาของเย่เฟิงแล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะปล่อยตัวชิงเซียง แต่เ้าต้องห้ามลืมคำสัญญานี้ของเ้า” เทียนเซียงกล่าว แม้เผชิญหน้ากับคำสัญญาของอัจฉริยะผู้โดดเด่นเช่นนี้ แต่เทียนเซียงก็รู้ถึงคุณค่าของมัน ต่อให้สุดท้ายแล้วเย่เฟิงจะไม่สามารถเติบใหญ่ได้ คำสัญญานี้สำหรับเทียนเซียงหลินแล้วก็ไม่มีอะไรเสียหาย แล้วเหตุใดจะไม่ยินดีเล่า
“แน่นอน” เย่เฟิงพยักหน้า แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนไร้สัจจะ
เทียนเซียงเหลือบมองเย่เฟิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเห็นนางสะบัดมือ ก่อนม่านแสงจะหายไป เย่เฟิงและเทียนเซียงปรากฏตัวในสายตาของผู้คนอีกครั้ง
เมื่อทุกคนเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวต่างก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
หนิงเซียงมีสีหน้าไม่สู้ดี นางเพิ่งถูกปฏิเสธต่อหน้าคนมากมาย นี่ทำให้หนิงเซียงอารมณ์เสีย ขณะเดียวกันยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก
ซวนหยวนจวิ้นก็เช่นกัน เขาถูกหนิงเซียงปฏิเสธ เหตุผลคือเทียนเซียงหลินให้ความสำคัญต่อเย่เฟิงมากกว่า สวะขั้นยุทธ์แท้ที่ไม่ต่างจากมดปลวก แต่กลับทำให้เขาอับอายขายหน้า อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้ซวนหยวนจวิ้นเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูกดำ จากนั้นเห็นเขาเดินไปที่ด้านหน้าเย่เฟิง และมองด้วยสายตาคมกริบแฝงความเย็นเยือก “ไม่รู้สวะขั้นยุทธ์แท้อย่างเ้ามีอะไรดี ถึงขั้นที่เทียนเซียงหลินให้ความสนใจเ้า บัดนี้ข้า้าสั่งสอนเ้า แต่ไม่รู้ว่าเ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่? หากเ้าไม่กล้าก็ฉวยโอกาสนี้ไสหัวไปซะ จะได้ไม่ต้องขายหน้าไปมากกว่านี้!”
ผู้คนได้ยินคำพูดของซวนหยวนจวิ้นก็นิ่งอึ้ง ซวนหยวนจวิ้นท้าเย่เฟิงอย่างนั้นหรือ? นี่ทำให้พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอ การปะทะของอัจฉริยะทั้งสอง พวกเขาอยากรู้ว่าใครแกร่งกว่ากัน และใครจะชนะ
“ชายผู้นั้นมีฝีมือร้ายกาจ แต่ตบะต่ำต้อยเกินไป คงต้านทานซวนหยวนจวิ้นไม่ได้แน่” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น เขาคิดว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซวนหยวนจวิ้น มีหลาย ๆ คนที่พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา ตบะของทั้งสองคนห่างชั้นมากเกินไป แม้เย่เฟิงมีพร์ยอดเยี่ยม แต่ช่องว่างนี้มิอาจชดเชยได้
“เ้าจะสู้กับข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงเอ่ยถามพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ทำไม? เ้าไม่กล้ารับคำท้าหรือ?” ซวนหยวนจวิ้นเอ่ยถามพลางแสยะยิ้ม
“เ้าอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด แต่กลับท้าข้าที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ไม่ละอายใจบ้างหรือ?” เย่เฟิงกล่าวถากถางซวนหยวนจวิ้น
ซวนหยวนจวิ้นเผยรอยยิ้มดูแคลน คิดว่าเย่เฟิงไม่กล้ารับคำท้า ซึ่งไม่ใช่แค่เขา หลายคนในที่แห่งนั้นก็คิดเช่นนี้ แม้คำพูดของเย่เฟิงจะเฉียบคม แต่ฟังไปแล้วก็เป็การแสดงออกว่าไม่กล้ารับคำท้า พวกเขายังไม่ทันจะได้กล่าวอะไร ก็ได้ยินเสียงเย่เฟิงดังขึ้นอีกครั้งว่า “ในเมื่อเ้าอยากสู้นัก งั้นข้าจะสงเคราะห์เ้า แต่ข้าไม่สนศึกต่อสู้ธรรมดา ศึกเป็ตาย เ้ากล้าหรือไม่?”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็อดประหลาดใจไม่ได้ ก่อนจะหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาตกตะลึง
“หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ ท้าด้วยศึกเป็ตายก่อน หรือเขาไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ที่ตัวเองกำลังเผชิญเป็แบบไหน? ซวนหยวนจวิ้น อัจฉริยะสายตรงแห่งสำนักซวนหยวน ตบะขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ิญญาาขั้นครามคู่ ตระหนักรู้พลังแห่งอำนาจขั้นกายา แต่คนอย่างเขาจะทัดเทียมได้อย่างไร? ข้าว่าจุดจบของเขาต้องน่าอนาถเป็แน่!”
ผู้คนต่างคิดในใจเช่นนี้ขณะมองเงาร่างชุดขาวนั้น พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงเหิมเกริมมากเกินไป
แม้แต่เทียนเซียง หนิงเซียง และหลันเซียงก็ยังใ พวกนางคิดว่าเย่เฟิงบุ่มบ่ามเกินไป ถึงอย่างไรซวนหยวนจวิ้นก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด แต่จะใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 อย่างเย่เฟิงรับมือได้อย่างไร?
