รูปแบบอักษรที่เป็ลักษณะเฉพาะในสมัยรัชศกเจียจิ้งแห่งราชวงศ์ินั้นรูปทรงตัวอักษรจะผอมและยาว ลายเส้นตัวอักษรจะมีขนาดใหญ่ในความแข็งแกร่งจะมีความสวยงามซ่อนอยู่ ปรากฏเป็ความแข็งแกร่งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันลักษณะโครงสร้างอักษรตัว “大” (ต้า)จะมีการลากเส้นปัดมาทางซ้ายและทางขวาเสมอกัน อักษรตัว “靖”(จิ้ง) จะเขียน “立” และ “平” อยู่บนตัว“月” และตัวอักษร “年”(เหนียน) มีบางครั้งจะเขียนเป็เส้นขีดขวาง 4 เส้น ซึ่งอักษรบนจานเคลือบใบนี้มีลักษณะตรงกับลักษณะเฉพาะเหล่านี้ทั้งหมด
ที่หลินเยว่มองออกว่าเครื่องเคลือบใบนี้เป็ของปลอมนั่นเป็เพราะเครื่องเคลือบในสมัยรัชศกเจียจิ้งแห่งราชวงศ์ิจะมีลักษณะที่เด่นมากอีกอย่างหนึ่งซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเด่นมาก แต่ทว่าก็มีคนจำนวนมากที่ลืมลักษณะเด่นจุดนี้ไป
ลักษณะเด่นนี้ก็คือ ไม่ว่าจะเป็เตาเผาหลวงหรือเตาเผาชาวบ้านในสมัยรัชศกเจียจิ้งแห่งราชวงศ์ิเวลาเขียนอักษรบนเครื่องเคลือบจะใช้คำว่า “ทำขึ้น” แต่ไม่ใช่ “ผลิตขึ้น” ดังนั้นหากบนเครื่องเคลือบเขียนไว้ว่า “ผลิตขึ้นในรัชศกเจียจิ้งแห่งราชวงศ์ิ” นั่นก็จะเป็ของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาในภายหลังทั้งหมด
คำว่า “ผลิตขึ้น”คำนี้มีการเริ่มใช้ในรัชศกหลงชิ่งซึ่งเป็ยุคสมัยที่อยู่ภายหลังจากรัชศกเจียจิ้ง
ดังนั้นหลินเยว่จึงสรุปว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของปลอม
เมื่อย้อนคิดถึงคำพูดของอาจารย์ตอนที่อธิบายถึงเครื่องเคลือบในสมัยรัชศกเจียจิ้งแห่งราชวงศ์ิหากเขาลืมจุดนี้ไป เขาจะต้องคิดว่าเครื่องเคลือบใบนี้เป็ของแท้อย่างแน่นอนเพราะว่ามันเป็การเลียนแบบที่เหมือนจริงมาก แทบจะสามารถแทนที่ของแท้ได้เลย
หากตัวอักษรไม่ได้เป็ปัญหาและหากไม่มีพลังพิเศษตาทิพย์เข้าช่วย ทักษะความสามารถในการพิสูจน์เครื่องเคลือบของหลินเยว่ในตอนนี้จะไม่สามารถแยกแยะว่าเครื่องเคลือบใบนี้เป็ของแท้หรือของปลอมได้เลย
อันตรายมาก อันตรายจริงๆ!
หลินเยว่ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเขาวางจานเคลือบใบนี้ลงแล้วเดินไปยังเครื่องเคลือบชิ้นที่ 5
เครื่องเคลือบก่อนหน้าทั้ง 4 ชิ้นล้วนเป็ของเลียนแบบชั้นเลิศและเป็ของเลียนแบบเกรดเอที่สามารถมองพลาดเองได้อย่างง่ายดายไม่รู้ว่าจะมีเครื่องเคลือบแบบไหนอีกที่กำลังรอการพิสูจน์จากเขา
หวังว่าจะไม่ยากจนเกินไป!
หลินเยว่แอบคาดหวังและก็รู้สึกกังวลในเวลาเดียวกัน
หากตอนนี้ไม่ได้อยู่ในระหว่างการแข่งขัน หลินเยว่จะต้องรู้สึกดีใจมากที่ได้ัักับของเลียนแบบเกรดเอเช่นนี้และเขาจะต้องสำรวจอย่างจริงจังในทุกๆ ชิ้น แต่ทว่าตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้เลย
การแข่งขันสำคัญมาก
อาจารย์ของเขากำลังรอข่าวดีจากเขาอยู่ข้างนอก!
เครื่องเคลือบชิ้นที่5 คือ โต้วลายครามเขียนลายก้านเกลียว
โต้วลายครามถือเป็เครื่องเคลือบชนิดหนึ่งตัวท้องโต้วมีลักษณะกลมป่องคล้ายลูกบอล ลักษณะภาพรวมคล้ายกับแก้วก้านยาวที่ใช้สำหรับดื่มไวน์ในปัจจุบันเพียงแต่ว่ารูปทรงของโต้วไม่ได้เล็กและยาวแบบนั้น แต่กลับดูค่อนข้างอ้วนและเตี้ยตรงขาของมันก็ไม่ได้ยาวแบบแก้วก้านยาว ในสมัยโบราณโต้วเป็ภาชนะไว้สำหรับใส่อาหาร
หลินเยว่จึงสังเกตลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบชิ้นนี้ทั้งหมด
ตรงตัวท้องโต้วมีลักษณะกลมตรงปากโต้วโค้งเข้าด้านใน ตรงขอบปากมีตัวอักษรเขียนด้วยสีครามเป็แนวขวางเขียนจากทางขวาไปทางซ้ายด้วยอักษรไข่ซูเป็จำนวน 6 ตัวอักษรว่า“ทำขึ้นในรัชศกเซวียนเต๋อแห่งราชวงศ์ิ” ตรงกลางขามีลักษณะกลวง ตรงฐานบานออกฝาปิดเป็ลักษณะโค้งขึ้น้า ฝาจุก้ามีลักษณะเหมือนไข่มุก ลวดลายเขียนด้วยสีครามเป็หลักตรงตัวท้องโต้วเป็ลายก้านเกลียวพันกัน ส่วน้าและด้านล่างของก้านเกลียวมีกลีบและใบของดอกเบญจมาศตรงขาโต้วมีการเขียนลายกลีบเบญจมาศและลักษณะกลมๆ เหมือนไข่มุกภายในโต้วมีการเขียนลายก้านดอกไม้ที่ถูกตัดมาเพียงบางส่วน ตรงฝาปิดเขียนลายเหมือนเหรียญเงินในสมัยโบราณพร้อมทั้งมีกลีบดอกไม้และลายไข่มุก
เครื่องเคลือบใบนี้เป็การเลียนแบบลักษณะของเครื่องสัมฤทธิ์อย่างเห็นได้ชัดตัวเครื่องเคลือบทั้งหนาและหนัก เป็ทรงกลมแต่มีความเรียบง่ายแบบโบราณลวดลายสวยงามกลมกลืน
เครื่องเคลือบในสมัยรัชศกเซวียนเต๋อแห่งราชวงศ์ิมีลักษณะเฉพาะที่เห็นได้เด่นชัดอยู่4 อย่าง
อย่างแรก คือ สีเคลือบปกติจะเห็นลายที่เหมือนกับลายเปลือกส้มอย่างที่ 2เมื่อใช้แว่นขยายส่องสีเคลือบจะสามารถสังเกตเห็นฟองอากาศขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนกันและระยะห่างระหว่างกันก็แตกต่างกันเช่นกันแต่หากฟองอากาศมีการจัดเรียงอย่างเป็ระเบียบและมีความถี่สูงส่วนใหญ่จะไม่ใช่เครื่องเคลือบในสมัยรัชศกเซวียนเต๋ออย่างที่ 3 รอยต่อระหว่างแม่พิมพ์ชิ้นงานและตัวเครื่องเคลือบจะมีรอยค่อนข้างชัดนั่นเป็เพราะเครื่องลายครามในสมัยรัชศกเซวียนเต๋อมีความละเอียดประณีตสู้เครื่องลายครามในสมัยรัชศกหย่งเล่อไม่ได้เลยและก้นเครื่องเคลือบจะมีลักษณะเป็สี่เหลี่ยมคางหมูกลับด้าน ทำให้ไม่สามารถใช้มือข้างหนึ่งจับไว้ได้เลยส่วนขอบขาจะมีความรู้สึกเหมือนเป็มุมขึ้นมา
ลักษณะเฉพาะอย่างสุดท้ายมีความน่าสนใจมากเป็พิเศษไม่รู้ว่าเป็เพราะผู้เขียนอักษรมีความรู้น้อยหรือว่าตั้งใจจะเขียนอักษรให้มีขีดหายไป1 ขีด นั่นก็คือทุกครั้งที่เขียนคำว่า “ทำขึ้นในรัชศกเซวียนเต๋อแห่งราชวงศ์ิ” ด้วยอักษรไข่ซูในส่วนอักษร “德” (เต๋อ) จะไม่มีขีดขวาง 1 เส้นบนตัวอักษร “心” เสมอแต่หากเขียนด้วยอักษรจ้วนซู ตัวอักษร “德” (เต๋อ) จะเขียนแบบปกติที่มีขีดขวางบนตัวอักษร“心”ซึ่งลักษณะพิเศษแบบนี้ไม่ปรากฏบนเครื่องเคลือบในสมัยอื่นๆ ดังนั้น จึงเป็ลักษณะเฉพาะเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ
เมื่อมีลักษณะเฉพาะทั้ง 4 อย่างนี้ หลินเยว่ก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดาย
หลินเยว่เหลือบมองอักษรไข่ซูนั้นและเป็ไปตามที่คาดไว้ บนอักษร “德” (เต๋อ) ไม่มีขีดขวางบนตัวอักษร “心”การเขียนอักษรก็มีความถูกต้องตามลักษณะเฉพาะของยุคสมัยนี้
หลังจากนั้นเขาจึงดูสีเคลือบและก้นเครื่องเคลือบ สีเคลือบพอมองเห็นเป็ลายเปลือกส้มส่วนรอยต่อระหว่าง่ท้องและตรงขาก็มีรอยต่อจางๆ ปรากฏอยู่ และสองส่วนนี้ก็เป็ไปตามลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในสมัยเซวียนเต๋อ
ขณะที่เขาเตรียมจะสังเกตฟองอากาศนั้นเขาถึงเพิ่งนึกได้ว่าตนเองได้ลืมหยิบอุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักพิสูจน์เครื่องเคลือบนั่นก็คือ แว่นขยาย
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง!
หากรู้ล่วงหน้าเขาจะพกทุกอย่างที่สามารถพกได้เข้ามาทำการแข่งขันด้วยเพราะทางผู้จัดก็ไม่ได้บอกว่าห้ามนำเข้ามา!
ขาดทุนจริงๆ!
หลินเยว่ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจแต่ทว่าเื่เล็กๆ เช่นนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแว่นขยายแต่เขามีตาทิพย์ที่มีศักยภาพดีกว่าแว่นขยายมากยิ่งนัก
ตอนที่เปิดพลังพิเศษตาทิพย์นั้นเขาก็ยังสามารถมองทะลุเข้าไปด้านในได้ด้วยแต่หากไม่ได้เปิดพลังพิเศษตาทิพย์ เขาก็ยังสามารถมองรายละเอียดเล็กๆได้อย่างชัดเจนเช่นกัน อย่างเช่นเครื่องเคลือบชิ้นที่ 2 เขายังใช้เพียงสายตาอันเฉียบคมตามปกติของเขาก็สามารถเห็นรอยตำหนิที่เกิดจากรถสามล้อในยุคปัจจุบันได้เลย
เพื่อป้องกันเหตุการณ์บางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นหลินเยว่จึงไม่มีความลังเลใดๆ เขายื่นหน้าเข้าไปมองผิวนอกของโต้ว
และก็เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้เขาสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า!
หลินเยว่รู้สึกดีใจมาก ตอนแรกเขาก็ไม่กล้าคาดหวัง100%หากเขาสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าก็ถือว่าโชคดีไปแต่หากมองไม่เห็นเขาก็จะใช้พลังพิเศษตาทิพย์
ฟองอากาศปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนท่ามกลางสายตาของหลินเยว่
ฟองอากาศจัดเรียงตัวกันอย่างเป็ระเบียบราวกับการจัดกองกำลังของทหาร มันมีความเป็ระเบียบจนน่าใ
ของปลอม!
หลินเยว่ถอนสายตากลับคืนมา เขาได้ข้อสรุปในใจแล้วณ เวลานี้ เขารู้สึกว่าตนเองโชคดีมากขนาดไหน
หากไม่ได้เป็เพราะพลังพิเศษตาทิพย์ทำให้สายตาปกติของเขาดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายนักครั้งนี้เขาก็อาจจะต้องเสียพลังพิเศษตาทิพย์ไปกับเครื่องเคลือบชิ้นนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าคนด้านนอกพกแว่นขยายมาด้วยหรือเปล่าหากเขาออกไปแล้วเขาจะต้องเตือนจางฮุยิสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะเป็การแข่งขัน แต่ทว่าเขาไม่ได้คิดอยากให้จางฮุยิแพ้เพราะคนที่แพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ต้องมีเพียง 2 คนเท่านั้น นั่นก็คือหลี่เฉียนโจวและเฉินเฟยอาจารย์ของเขา!
เขาเดินออกมาจากเครื่องเคลือบชิ้นที่ 5 และเดินตรงเข้าไปหาเครื่องเคลือบชิ้นที่ 6
หลินเยว่เห็นเครื่องเคลือบชิ้นที่ 6 ที่อยู่เบื้องหน้าเขา มันเป็กระถางธูปลายคราม 2หูเขียนลายดอกปทุมก้านเกลียว
กระถางธูปมีลักษณะเรียบง่าย ด้านล่างมี 2 ขา ้ามี 2 หู ซึ่งเป็ลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์ิลวดลาย้าใช้สีฟ้าอ่อนเขียนลายดอกปทุมก้านเกลียว เป็ความเรียบง่ายแต่ทว่ากลับสามารถสะท้อนความงามอย่างเต็มที่
ตัวเครื่องเคลือบเป็สีขาว สีเคลือบมันวาวแต่กลับให้ความรู้สึกแข็งทื่อ ถึงแม้ว่าตัวกระถางธูปจะกลมเกลี้ยงไปทั้งหมดแต่เมื่อมองตรงขาที่มีลักษณะเป็มุมแล้วจึงสร้างความรู้สึกที่แข็งกระด้างขึ้นมาทันที ทำให้คนมองแล้วรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ
หลินเยว่หยิบกระถางธูปขึ้นมา เขาสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งจึงพบว่าตรงรอยต่อระหว่างกระถางธูปตรง่ท้องมีร่องรอยการเชื่อมต่ออย่างเห็นได้ชัดและนี่ก็เป็ลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในราชวงศ์ิ แต่เมื่อเทคนิคการผลิตเครื่องเคลือบถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงราชวงศ์ชิงการผลิตเครื่องเคลือบจึงมองไม่เห็นรอยต่อเช่นนี้อีกต่อไป แต่แน่นอน ยังไงก็ห้ามลืมว่ามันอาจจะเป็ของปลอมก็ได้เหมือนกัน
รูปทรงเครื่องเคลือบเป็รูปทรงของเตาเผาหลวงและเมื่อเป็เตาเผาหลวงก็ย่อมมีการลงนามตัวอักษร
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินเยว่จึงรีบสำรวจตรงช่องว่างระหว่างขาทั้ง 2 ขา และก็มีการเขียนตัวอักษรจริงๆ
เป็อักษรจ้วนที่เขียนด้วยสีคราม
ผลิตขึ้นในรัชศกไท่ชางแห่งราชวงศ์ิ
เมื่อเห็นคำว่า “ไท่ชาง”หลินเยว่ก็ตกตะลึงไปในทันที
ทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงได้มีเครื่องเคลือบจากเตาเผาหลวงในสมัยจักรพรรดิไท่ชางด้วยล่ะ?
หลังจากนั้นหลินเยว่จึงส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ
มันเป็ของปลอมอีกหนึ่งชิ้นนั่นเอง!
หากเป็คนที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนทั่วไปย่อมรู้ดีว่าจักรพรรดิไท่ชางครองราชย์เพียง35 วันเท่านั้นหลังจากนั้นก็ทรงพระประชวรแล้วตใน่ประมาณ 1 เดือนนี้ถึงแม้ว่าจะมีการผลิตเครื่องเคลือบแต่ก็อาจจะไม่ได้ลงนามว่าเป็รัชศกไท่ชางก็ได้ อีกทั้งั้แ่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พบเครื่องเคลือบจากเตาเผาหลวงที่ลงนามตัวอักษรเป็รัชศกไท่ชางเลยหากมีการค้นพบจริงๆ ก็คงจะเป็การสร้างความตกตะลึงไปทั่ววงการเครื่องเคลือบทั้งประเทศอย่างแน่นอน
ทางจิ่งเต๋อเจิ้นจะมีเครื่องเคลือบในสมัยไท่ชางได้อย่างไร?เครื่องเคลือบชิ้นนี้ 80%น่าจะถูกเลียนแบบขึ้นใน่ปี 1937 – 1938 สมัยสาธารณรัฐจีน่เวลานั้นเป็่เวลาที่มีการเลียนแบบเครื่องเคลือบได้อย่างรุ่งเรืองที่สุดเวลานั้นไม่ว่าจะเป็ของอะไรก็สามารถเลียนแบบได้ทั้งนั้น นอกจากจะเลียนแบบเครื่องเคลือบจากเตาเผาที่มีชื่อเสียงแล้วแม้กระทั่งเครื่องเคลือบใน่สมัยที่สั้นแบบนั้น พวกเขาก็ยังไม่ยอมละเว้นอีก!แต่ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ลองคิดทบทวนดูว่าใน่เวลาแบบนั้นมันจะมีเครื่องเคลือบถูกผลิตออกมาได้อย่างไรล่ะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้