ท่านหานอ๋องเหลือบมองอวิ๋นซีรอบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด ยามที่หัวเราะนั้นแลดูชั่วร้ายยิ่งนัก ั์ตาดอกท้อ[1]น่ามองคู่นั้นดูเหมือนจะมองทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ขอเพียงแค่ชำเลืองมองเท่านั้น อวิ๋นซีรู้ในทันทีว่าคนผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่ตาเห็นแค่ผิวเผิน
เป็อีกคนที่หลบซ่อนตัวตนได้เก่ง แสร้งว่าไร้น้ำยาทั้งที่แท้จริงแล้วก็เพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจ ดูเหมือนจะเป็งานถนัดของบ้านสกุลโอวหยางเสียจริง
“ไม่ต้อง เงินนี้ไม่จำเป็ต้องให้ข้า ส่งไปที่สำนักแพทย์เช่นเดิมดีแล้ว สิ่งที่ข้า้าคือของขวัญที่เสี่ยวซีซีจะมอบให้ข้า” เขาค่อยๆ เดินเข้ามาถึงข้างกายนาง แล้วโน้มตัวลงประชิดข้างใบหูนางและกระซิบ “แม่หญิง หาก้าใช้ประโยชน์จากข้า เ้าก็ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนนะ”
เสียงของเขาเบามาก เบาจนมีแค่พวกนางสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันยิ่งนัก และท่านหานอ๋องเองก็โปรยยิ้มยวนใจเช่นนี้ เลยทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังพูดคำหวานหยดย้อยใส่กันอย่างไรอย่างนั้น
อวิ๋นซีเหลือบมองท่านหานอ๋อง ก่อนที่แววตาจะวาบขึ้นมาในทันใด คนผู้นี้ก็คือชายที่าเ็ในวัดที่ทรุดโทรมนั่นเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามจะปิดบังกลิ่นอายของตนเองให้มากที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาใช้ผงยาของอวิ๋นซี ซึ่งผงยานั่นประกอบด้วยบัวหิมะเทียนซานและสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหญ้าจื่อเหลียน หากทั้งสองอย่างนี้ผสมเข้าด้วยกัน ผงยาที่พัฒนาขึ้นจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมา
ในความทรงจำ ผงยาที่ใช้สำหรับรักษาาแภายนอกนี้เ้าของร่างเดิมนี้เป็ผู้ค้นคว้าเอง ผู้คนภายนอกนั้นไม่เคยรู้มาก่อน หากรั่วไหลออกไปแล้ว จะต้องก่อให้เกิดความอลหม่านไม่น้อยอย่างแน่นอน
อวิ๋นซีจึงทำเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร
ในที่สุดลู่เหวินเจินก็ตกปากรับคำว่าจะส่งเงินหมื่นตำลึงไปที่สำนักแพทย์อวิ๋นซาน หลังจากอวิ๋นซีได้ฟังก็มีสีหน้าเรียบเฉยดั่งเดิม “เช่นนั้น ข้าน้อยต้องขอบพระคุณท่านนายอำเภอแล้ว”
ขณะที่ลู่เหวินเจินอุ้มลู่อวี้ฉิงออกไป นางก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า “ในวันข้างหน้าผู้ใดที่แต่งงานกับคุณหนูสกุลลู่ช่างโชคดีนัก เมื่อครู่ที่ข้าจับชีพจรให้นางนั้นพบว่านางเป็ผู้ที่คลอดบุตรง่ายเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีชะตาที่จะคลอดบุตรชายอีกด้วย”
คำพูดของนางนี้ลอยเข้าหูหลายคนในร้าน และลอยไปถึงหูของลู่เหวินเจินผู้มีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ หลังจากที่ลู่เหวินเจินได้ยินดังนั้น ทั้งร่างก็หยุดชะงักไป ก่อนจะได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วและจากไปพร้อมกับลู่อวี้ฉิงในอ้อมแขน
อวิ๋นซีมองไปยังทิศทางของพวกเขา ก่อนที่ตัวนางเองจะเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม สำหรับเื่ของท่านหานอ๋องนั้น นางโยนออกไปจากสมองตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางไม่ได้หวาดกลัวสถานะที่สูงส่งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ชายผู้โปรดปรานการกินดื่มและเล่นพนัน ที่แท้แล้วก็มีด้านที่ไม่มีใครรู้จักอีกด้านหนึ่ง
นางหัวเราะเยาะในใจ ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะหลอกผู้คนทั้งโลก ท่านหานอ๋องก็ได้ทำการเสียสละไปเสียมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในจวนอ๋องก็ทำบ่อสุรา ทั้งวันอยู่แต่หลังเรือนกอดเหยือกเหล้าเมามายเอาเป็เอาตาย ไม่ก็จะออกไปโรงพนันบ้าง ไปโรงเหล้าเพื่อกินดื่มบ้าง
แต่ผู้ใดจะไปคิดเล่า ว่าท่านหานอ๋องซึ่งดูแล้วไร้ประโยชน์นี้จะเป็ผู้มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม ยามที่นางพันผ้าพันแผลให้เขาในวันนั้น นางก็พบแล้วว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งลึกล้ำจากภายใน เกรงว่าแม้แต่โอวหยางเทียนหัวก็เทียบไม่ติดด้วยซ้ำ
นางละตั้งตารอจริงๆ หากโอวหยางเทียนหัวรู้ว่าหานอ๋องซึ่งเป็โอรสทางสายเืโดยตรงองค์นี้เป็ผู้ที่เก่งกาจในการหลบซ่อนตัวตนและเก็บงำความรู้สึก อีกฝ่ายจะรู้สึกหวั่นใจบ้างหรือไม่ เพียงแต่การจะให้หานอ๋องและโอวหยางเทียนหัวมาปะทะกันซึ่งๆ หน้านั้นก็ไม่ใช่เื่ที่ง่ายดายขนาดนั้น
ว่ากันว่าหานอ๋องทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองพระทัย ดังนั้นฮ่องเต้ถึงได้นำหานอ๋องมาหย่อนไว้ในที่แบบนี้ด้วยโทสะ ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เรียกว่าหานโจวหรอก แต่หลังจากที่หานอ๋อง ‘ถูกเนรเทศ’ มายังที่แห่งนี้ ก็เลยถูกเปลี่ยนชื่อเป็หานโจวไปโดยปริยาย
ความหมายของฮ่องเต้ก็คือหากหานอ๋องสามารถทำให้หานโจวเป็นครที่ร่ำรวยที่สุดในแถบตะวันตกเฉียงเหนือได้ เขาก็จะสามารถกลับไปยังนครหลวงได้ ยามที่หานอ๋องถูกเนรเทศ นางมีอายุเพียงสิบปีเท่านั้น ณ ตอนนั้นก็ทราบจากตำราหลายเล่มว่าที่แห่งนี้เป็ที่ที่ยากจนที่สุดในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ นครหานโจวนั้นยังดีกว่าหน่อย แต่หากมองลงไปยังมณฑล ชุมชนตามเส้นทางการค้าหรือไปจนถึงตามหมู่บ้าน ก็จะพบว่าคำกล่าวที่ว่ากินไม่อิ่มท้อง เสื้อผ้าไม่มีใส่เป็เช่นไร
ยามนั้นโอวหยางเทียนหัวได้กล่าวไว้ว่า “น้องชายของข้าชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะได้กลับนครหลวงอีกเลย”
เมื่อนึกภาพดูก็รู้แล้วว่าหานโจวยากจนมากแค่ไหน ยามที่หานอ๋องมาถึงที่นี่ก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะพลิกตัวลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำไป ในขณะนั้น นางเคยสงสัยว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็เื่ที่หวังกุ้ยเฟย[2]และโอวหยางเทียนหัวจัดฉากไว้อยู่แล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว หานอ๋องเองก็ยังเป็โอรสองค์แรก เป็ผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดราชบัลลังก์ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะถูกเนรเทศ หานอ๋องเองก็ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากเหล่าข้าราชบริพาร หากไม่มีเื่เกิดขึ้นั้แ่แรก ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทย่อมต้องอยู่ในกำมือเขาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเื่ทุกอย่างจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว?
หากเป็เมื่อก่อน ถ้านางได้พบคนผู้นี้ นางก็จะรู้สึกว่าตำแหน่งที่โอวหยางเทียนหัวนั่งอยู่นั้นมั่นคงดี แต่พอเป็ตอนนี้นางกลับอยากจะหัวเราะคิกคักออกมาดังๆ ความโหดร้ายที่แท้จริงอยู่ที่นี่ต่างหากเล่า
หานอ๋องจวินหยานไม่ได้หยุดนางจากการจากไป เพียงแค่จ้องไปที่แผ่นหลังของนางอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง เดิมวันนี้เขาไม่อยากออกไปไหน ต่อมามีคนมาบอกเขาว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้นที่นี่ เขาเลยนึกถึงหญิงสาวที่เย็บาแให้เขาในวัดทรุดโทรมหลังนั้น หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็สืบหาตัวนาง อวิ๋นซีแห่งสำนักแพทย์อวิ๋นซานของหานโจว หญิงสาวผู้คัดแยกยาสมุนไพรเป็ั้แ่อายุสามขวบ และมีมุมมองความคิดความอ่านในทักษะการแพทย์เป็ของตนเอง
เขาเพียงแค่อยากมาพบหญิงน่าสนใจผู้นี้สักหน่อยในทันทีเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะได้รับชมฉากที่น่าสนใจเยี่ยงนี้ คำพูดที่นางพึมพำเมื่อชั่วครู่นั้นค่อนข้างมีนัยอยู่ ก็แค่ไม่รู้ว่านางมีความเกลียดชังอะไรกับบ้านสกุลลู่เท่านั้น
ข้อมูลที่ไปสืบค้นมาก็ได้บอกไว้หมดแล้ว แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยออกจากหานโจวเลย ไกลที่สุดที่นางเคยไปก็แค่ชุมชนตามเส้นทางการค้าเล็กๆ บางแห่งในหานโจว ดังนั้นนางและสกุลลู่จึงยิ่งไม่ควรมีความเกลียดชังต่อกันเลย แต่สิ่งที่นางกระทำนั้นกลับยากที่จะหยั่งถึงยิ่งนัก
ซือถูเวยที่เดินอยู่ข้างกายอวิ๋นซีอยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ก็หยุดกลางคันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดอวิ๋นซีก็ทนมองไม่ไหวนางหยุดฝีเท้าก่อนจะถามว่า “เวยเวย เ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
หลังจากซือถูเวยฟังจบ ก็หน้าแดงก่อนจะถามว่า “เ้ารู้จักท่านหานอ๋องั้แ่เมื่อไรหรือ?”
“ข้าหลอกลู่เหวินเจิน” นางไม่ได้คิดอะไรและกล่าวออกไปโต้งๆ เลยว่า “เ้ากับข้าเป็สามัญชนธรรมดา อีกฝั่งเป็คุณหนูจากบ้านที่รับราชการ หากเรา้าความสงบ เราก็ต้องหาคนที่มีอำนาจมากกว่าลู่เหวินเจินมา ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ ในหานโจว เ้าคิดว่าจะมีใครเป็ผู้ที่คนเคารพยกย่องไปมากกว่าท่านหานอ๋องอีกล่ะ?”
หลังจากที่ซือถูเวยได้ฟัง ก็พลันนึกขึ้นได้มาว่า “ที่แท้เป็เช่นนี้นี่เอง ข้าก็ยังคิดอยู่เลยว่า หากเ้ารู้จักท่านหานอ๋องจริงๆ ถ้าเ้าตั้งใจจะมอบให้ท่านจริงๆ ก็ไม่เสียหายอะไร เอาตามตรงนะ อาซี เ้างดงามเช่นนี้ อีกทั้งยังเก่งไปหมดทุกอย่าง ทำตัวดีกับทุกคน ในหานโจวนอกจากท่านหานอ๋องแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าใครจะคู่ควรกับเ้า”
เตี๋ยชุ่ยได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วทันที “ไม่ได้นะเ้าคะ คุณหนูซือถูเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเป็คนเช่นไร ได้ยินมาว่าทั้งวันท่านล้วนแต่กินดื่ม ไม่ก็จะไปที่โรงพนัน คุณหนูจะกล่าวว่าคนแบบนี้ หากแต่งงานด้วยแล้ว คุณหนูของข้าจะยังมีความสุขอยู่อีกหรือเ้าคะ?”
ซือถูเวยเมื่อได้ฟังก็เคาะหัวเตี๋ยชุ่ยแรงๆ เสียทีหนึ่ง “เ้านี่โง่นัก แม้ว่าองค์ชายจะชอบกินดื่มหรือเล่นพนัน แต่ก็ไม่เคยมีข่าวลือเสียๆ หายๆ กับหญิงนางใดเลยสักนาง แถมยังไม่เคยไปท่องหอคณิกาเลยด้วย สำหรับบุรุษที่เป็เช่นนี้ ย่อมยากมากอยู่แล้ว หากท่านอ๋อง้าจะแต่งงานกับอาซีจริงๆ ก็ย่อมรักเดียวใจเดียวอยู่แล้ว”
**************************
[1] ั์ตาดอกท้อ (桃花眼 : taohua yan) ั์ตาโตสองชั้น ปลายเรียวยาว ดูเ้าชู้เย้ายวน
[2] หวังกุ้ยเฟย (皇贵妃) ตำแหน่งพระมเหสีรองจากฮองเฮา มีได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น