เมื่อสังเกตถึงตรงนี้แล้ว หลินเยว่ก็คิดไม่ออกว่าเขาควรจะสังเกตตรงจุดไหนต่ออันที่จริง อาจารย์ของเขาได้อธิบายไว้เยอะกว่านี้ แต่เนื่องจากเขาต้องจดจำข้อมูลรายละเอียดจำนวนมากอย่างต่อเนื่องเป็ระยะเวลานานทำให้สุดท้ายเขาจึงจำรายละเอียดของเื่นี้ได้เพียงเท่านี้เอง
ยังมีอะไรอีกล่ะ?
หลินเยว่รู้สึกโกรธจนตบหัวตัวเอง
ทำไมเวลาสำคัญเช่นนี้ถึงได้ใช้การไม่ได้ล่ะ!
หลินเยว่รู้สึกแค้น! เขาแค้นตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่ได้จดจำคำพูดของอาจารย์ตอนที่อธิบายถึงลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบสีขาวให้ดี!
หลินเยว่ตบหัวตัวเองอีกครั้งในที่สุดเขาก็คิดบางอย่างออกมา
ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเขาจะเคยพูดถึง... โดยปกติเครื่องเคลือบเลียนแบบเวลาทำแม่พิมพ์จะแบ่งการอัดฉีดเนื้อดินออกเป็ส่วนๆเนื่องจากเป็ผลงานที่ใช้วิธีการอัดฉีด ดังนั้นเนื้อชิ้นงานด้านในจะปรากฏร่องรอยการไหลของเนื้อดิน โดยปกติจะเป็เส้นตรงที่ทิ้งตัวลงมาด้านล่างชิ้นงานจะมีลักษณะบางและเบา สีเคลือบจะเป็สีขาวน้ำนมหากใช้แว่นขยายในการสังเกตจะพบฟองอากาศ หากมิใช่ของแท้ มันจะมีลักษณะอ้วนเทอะทะหากเป็รูปแบบเดียวกัน เป็วัตถุที่มีสมมาตรเดียวกันแล้วรูปทรงจะมีความเหมือนกันทั้งหมด ราวกับเป็ผลงานที่เกิดจากการพิมพ์ออกมาทำให้คนมองรู้สึกว่ามันเป็ของที่ผลิตจากโรงงาน ดูทื่อๆ ตายตัว ไม่มีชีวิตชีวาแต่ของแท้จะเป็การปั้นด้วยมือและค่อยๆ บีบค่อยๆ คลึงขึ้น และจากการบีบคลึงนี้จึงทำให้เกิดร่องรอยจากฝีมือของช่างปั้นถึงแม้ว่าจะเป็รูปแบบเดียวกัน เป็วัตถุที่มีสมมาตรเดียวกันแต่หากสังเกตให้ละเอียดก็จะพบว่าของแต่ละชิ้นจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างและเพราะความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จึงเป็การสะท้อนถึงตัวผลงานที่แท้จริงในขณะเดียวกันก็ทำให้ผลงานดูมีความเป็ธรรมชาติและมีชีวิตชีวา......
หลินเยว่พยายามคิดทบทวนแล้ว แต่สิ่งที่เขาสามารถคิดออกมีเพียงเท่านี้เท่านั้นแต่ทว่าเขารู้สึกว่ามันก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบสังเกตตามรายละเอียดที่อาจารย์ของเขาได้อธิบายไว้
มีร่องรอยการไหลของเนื้อดินหรือไม่?
มี......
เป็เส้นตรงที่ทิ้งตัวลงมาด้านล่างหรือไม่?
ใช่......
ดูเหมือนเป็ของที่ผลิตจากโรงงาน ดูทื่อๆ ตายตัวไม่มีชีวิตชีวาหรือไม่?
ไม่......
เมื่อพิสูจน์ครบแล้วหลินเยว่ก็รู้สึกปวดสมองทันที
เพราะข้อพิสูจน์ทั้งหมดล้วนสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของของแท้แต่ทว่าในที่แห่งนี้มีของแท้เพียงชิ้นเดียว! หากรูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาวเบื้องหน้านี้เป็ของแท้ถ้าเช่นนั้นชามลายครามในรัชศกว่านลี่เมื่อสักครู่ก็ต้องเป็ของปลอม?
มันจะเป็อย่างนี้ได้อย่างไรล่ะ?
ลักษณะเฉพาะทุกอย่างของชามลายครามในรัชศกว่านลี่ล้วนสอดคล้องกับเครื่องลายครามของแท้มันก็ต้องเป็ของแท้สิ!
แต่ว่ารูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาวเบื้องหน้านี้ก็ไม่มีหลักฐานใดๆที่จะพิสูจน์ว่าเป็ของปลอมได้เลยเหมือนกัน
ถ้าเช่นนี้เครื่องเคลือบชิ้นไหนถึงจะเป็ของแท้ล่ะ?
คิ้วของหลินเยว่ขมวดเป็รอยลึกขึ้นทุกทีสมองของเขามีภาพเครื่องเคลือบทั้ง 2 ชิ้นบินร่อนไปมาชุลมุนไปหมดเดี๋ยวชิ้นนั้นก็โผล่ออกมา เดี๋ยวชิ้นนี้ก็โผล่ออกมา ราวกับว่าพวกมันกำลังเสนอตัวว่าตนเองเป็ของแท้
อ๊าก..........
หลินเยว่อดไม่ได้ที่จะกำมือทุบลงบนหัวของตัวเองอีกครั้งเขา้ากรีดร้องระบายความอึดอัดภายในใจหลังจากนั้นเขาจึงสะบัดหัวเพื่อเป็การล้างข้อมูลทุกอย่างออกจากสมอง ให้สมองเหลือแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น
ตอนนี้เขาห้ามเกิดความลังเล เพราะยิ่งลังเลต่อไปเขาก็จะไม่เหลือเวลาอีกแล้ว
หลินเยว่รู้สึกว่าตอนนี้เขาเหลือเวลาไม่ถึง 3นาทีแล้ว
ตอนนี้ยังเหลือเครื่องเคลือบอีก 2 ชิ้นที่ยังไม่ได้ทำการพิสูจน์เลย และยังมีอีก 2ชิ้นที่พิสูจน์จนครบแล้วแต่ยังแยกไม่ออกว่าชิ้นไหนเป็ของแท้กันแน่!
เครื่องเคลือบ 4 ชิ้น.....
เวลาไม่ถึง 3 นาที......
ใช้สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กร่วมกับพลังพิเศษตาทิพย์เถอะ!
หลินเยว่ไม่เหลือหนทางอื่นให้เลือกแล้วเขาไม่มีความลังเลใดๆ
เขาเริ่มปรับระดับลมหายใจเข้าออกทันทีดวงตาทั้งสองข้างจ้องเครื่องเคลือบเบื้องหน้า ดวงตาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
จิตใจของหลินเยว่ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ ......ประสาทหูถูกปิดลง เสียงภายนอกไม่สามารถรบกวนเขาได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น...สมองของหลินเยว่พลันเหลือแต่ความว่างเปล่าภาพเบื้องหน้าทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กและพลังพิเศษตาทิพย์ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน
ขณะที่สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กและพลังพิเศษตาทิพย์เริ่มถูกใช้งานนั้นหลินเยว่ััได้ว่าพลังจิตของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว เขาสามารถคงสภาวะนี้ไว้ได้อย่างมากสองนาทีครึ่ง
เร็ว! เขาต้องทำอย่างรวดเร็ว!
หลินเยว่รีบเคลื่อนตัวเข้าไปหาเครื่องเคลือบชิ้นที่9 เขาจำเป็ต้องพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้ง2ชิ้นที่เหลือให้เสร็จก่อน เพราะหากการพิสูจน์ชามลายครามในรัชศกว่านลี่และรูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาวเกิดความผิดพลาดที่มาจากความรู้และประสบการณ์ของเขาไม่เพียงพอและทั้งสองชิ้นนี้ล้วนเป็ของปลอมแล้วสถานการณ์เช่นนี้คงกลายเป็สิ่งที่เลวร้ายยิ่งนัก
ดังนั้นเพื่อเป็การป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นเขาจำเป็ต้องพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้ง 2ชิ้นสุดท้ายนี้ก่อน
เครื่องเคลือบชิ้นที่9 คือ ชามแบนจากเตาเผาหรู่ในสมัยซ่งเหนือ
หลินเยว่ไม่ได้เริ่มสังเกตจากลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบแต่เขาใช้พลังพิเศษมองทะลุด้านในโดยตรง
สีเคลือบด้านนอกของชามแบนก็ค่อยๆละลายหายไปราวกับหิมะน้ำแข็งที่หลอมละลาย ตัวชิ้นงานด้านในก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
สายตาทั้งหมดของหลินเยว่จดจ่อไปยังเครื่องเคลือบด้านในอย่างรวดเร็วเขามองทุกส่วนอย่างไม่คลาดสายตา และค่อยๆ ัักับความหนืดของหินพอร์ซเลนอย่างเงียบๆ
ความหนืดมีระดับค่อนข้างสูง......
เป็ความหนืดในสมัยสาธารณรัฐจีน
ของเลียนแบบในสมัยสาธารณรัฐจีน!
เขาตัดสินเครื่องเคลือบชิ้นนี้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นหลินเยว่จึงเดินไปยังเครื่องเคลือบชิ้นที่ 10 อย่างไม่ลังเล
ตอนนี้เขาเหลือเวลาไม่ถึง 2 นาที
ชิ้นที่ 10คือเครื่องปั้นดินเผาชิ้นหนึ่งเป็ชามดินเผาในสมัยโจวตะวันตกเขาไม่สามารถััความหนืดของชามใบนี้ได้เลย!!!
เวรแล้วไหมล่ะ!
ถ้ารู้อย่างนี้เขาควรจะหาเวลาไปพิพิธภัณฑ์แล้วใช้พลังพิเศษตาทิพย์สำรวจดินเกาลินเสียหน่อยดูว่าดินเกาลินในแต่ยุคสมัยจะมีความแตกต่างเล็กน้อยเหมือนกับหินพอร์ซเลนหรือไม่แต่เป็เพราะว่าเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการศึกษาความรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบไปหมดแล้วทำให้เขาลืมเื่นี้ไปสนิท!
เขาทำได้เพียงพยายามพิสูจน์มันให้ดีที่สุด
หลินเยว่ใช้พลังพิเศษกวาดตามองเครื่องปั้นดินเผาตรงหน้าว่ามีลักษณะพิเศษอย่างไรบ้างหลังจากนั้นเขาก็นำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่อาจารย์ของเขาได้อธิบายไว้ สุดท้ายเขาก็ค่อยพิสูจน์ว่ามันเป็ของแท้หรือของปลอม
เครื่องปั้นดินเผา... ไม่ว่าจะเลียนแบบออกมาแบบไหนแต่สุดท้ายแล้วมันจำเป็ต้องเกิดสนิมขึ้น ดังนั้น จึงมีคนเอาของเลียนแบบเสร็จแล้วนำไปฝังไว้ในดินทำให้มันเกิดสนิมตามธรรมชาติ วิธีการนี้ถือว่าเป็วิธีการที่ดี แต่ควบคุมได้ยากมากหากไม่มีความอดทนก็คงจะทนรอไม่ไหว ดังนั้น จึงมีพวกฉลาดเ้าเล่ห์คิดหาวิธีที่ทำให้สนิมเกิดได้เร็วขึ้นออกมา2 วิธีนั่นก็คือ วิธีแรก นำโพแทสเซียมซัลเฟตผสมกับดินโคลนให้เข้ากันหลังจากนั้นจึงนำมาถูบนผิวของเครื่องปั้นดินเผาแล้วนำไปฝังไว้ในดิน วิธีนี้จะทำให้สนิมขึ้นเร็วมาก และเป็วิธีที่ใช้ทำของปลอมอยู่บ่อยๆแต่หากราดน้ำใส่มัน ก็จะมีกลิ่นเหม็นลอยเข้าจมูกทันที ส่วนวิธีที่ 2 ให้นำผักหนวดัต้มให้สุกแล้วทำเป็น้ำที่เจือจางหลังจากนั้นจึงนำไปทาบนเครื่องปั้นดินเผาที่ทำเลียนแบบขึ้นมา 1 ชั้น และนำดินที่ขุดมาจากสุสานโบราณเททับลงไป หลังจากนั้นให้ทำแบบนี้ซ้ำกันหลายๆครั้ง สุดท้ายก็จะได้เครื่องปั้นดินเผาที่มีลักษณะเหมือนกับของที่ขุดมาจากสุสานโดยตรงและถึงแม้จะเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ก็ยากที่จะแยกได้ว่ามันเป็ของแท้หรือของปลอม
ตอนนี้หลินเยว่ไม่มีน้ำ ดังนั้นเขาจึงเริ่มจากวิธีที่สอง
เขาแนบใบหน้าเข้าไปหาเครื่องปั้นดินเผาแล้วแลบลิ้นชิมดู หลังจากนั้นเขาจึงรับรสจากปลายลิ้นอย่างละเอียด
หวานเล็กน้อย......
ของปลอม!
รสชาติของผักหนวดัจะมีรสหวาน หากไม่ได้ใช้วิธีแบบนี้ในการทำของปลอมบนเครื่องปั้นดินเผานั้นไม่มีทางมีรสชาติหวานเล็กน้อยได้เลย ดังนั้นหลินเยว่จึงตัดสินว่าเครื่องปั้นดินเผาตรงหน้าเป็ของปลอม
เมื่อพิสูจน์เครื่องเคลือบจนครบชิ้นสุดท้ายแล้วหลินเยว่ก็รู้สึกว่าตอนนี้เขาเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีแล้ว
เวลาครึ่งนาทีนี้เขาสามารถััความหนืดได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เขาควรเลือกััชิ้นไหนดีล่ะ?
หากเครื่องเคลือบ 1 ใน 2 ชิ้นนี้มีชิ้นใดชิ้นหนึ่งเป็ของแท้การััเครื่องเคลือบเพียงชิ้นเดียวและตัดสินได้ว่าเครื่องเคลือบชิ้นนั้นเป็ของแท้หรือของปลอมแล้วเขาก็จะรู้ผลการพิสูจน์ของเครื่องเคลือบอีกชิ้นเช่นกัน
แต่ทว่าตอนนี้หลินเยว่เริ่มมึนงงว่าระหว่างเครื่องเคลือบสีขาวและชามลายครามนั้นชิ้นไหนเป็ของแท้หรือของปลอมกันแน่และตอนนี้หลินเยว่ก็ไม่แน่ใจว่าเครื่องเคลือบทั้งสองชิ้นนี้จะมีชิ้นหนึ่งเป็ของแท้อย่างแน่นอนหากเขาพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้ง 6 ชิ้นก่อนหน้านี้ผิดพลาดล่ะ?
ตอนนี้เขาทำได้เพียงพนันกับตัวเอง!
พนันว่าเครื่องเคลือบ 1 ใน 2 ชิ้นนี้จะต้องมีชิ้นใดชิ้นหนึ่งเป็ของแท้!
หลินเยว่รีบเดินเข้าไปยังเบื้องหน้าของชามลายครามในรัชศกว่านลี่ทันทีความรู้สึกของเขากำลังบอกเขาว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของแท้เนื่องจากเขาไม่ค่อยมั่นใจกับข้อมูลลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบสีขาว ดังนั้นมันน่าจะมีโอกาสตัดสินผิดพลาดได้ง่ายกว่า
หากเขาสามารถพิสูจน์เครื่องเคลือบหนึ่งชิ้นว่าเป็ของแท้ได้นั่นก็ถือว่าเป็ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!
หลินเยว่เพ่งสายตาจดจ่อไปที่ชามลายครามใบนั้นดวงตาทะลุทะลวงของเขาค่อยๆ มองลึกเข้าไปด้านใน
ความหนืดที่แสนคุ้นเคยก็ไหลเข้าสู่สมองของหลินเยว่อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าเขายังไม่ทันทำการตัดสิน...ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้น
“คุณครับ ตอนนี้เวลาหมดลงแล้วกรุณาอย่าฝืนกฎกติกา ขอเชิญคุณเดินออกไปข้างนอกครับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้