ณ สำนักในแห่งสถานศึกษาชางหวง
เวลานี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าอึมครึม
“มีคนจะท้าประลองกับข้า? ใครกัน?” เฟิงอวิ๋นเซียวถามเสียงเ็า ดวงตามีประกายเย็นเยียบวาบขึ้น
ระยะนี้เขาเงียบเกินไปหรือ ถึงมีใครๆ กล้ามาท้าสู้กับเขาได้
คนที่อยู่ด้านข้างผงกศีรษะ กล่าวว่า “เซียวเฉิน ศิษย์ใหม่ของสำนักนอก”
เฟิงอวิ๋นเซียวยิ้ม
“ศิษย์ใหม่ในปัจจุบันเหิมเกริมถึงเพียงนี้เชียว ศิษย์ใหม่ของสำนักนอกท้าสู้ศิษย์ของสำนักใน สมองมีปัญหาหรือ” เฟิงอวิ๋นเซียวเสียดสีอย่างเปิดเผย
เฟิงอวิ๋นเซียวคือบุคคลระดับใด บุคคลซึ่งจัดอยู่อันดับยี่สิบสามของผังชางหวง อัจฉริยะของสถานศึกษาทั้งห้าแห่งแคว้นชางหวง เย่อหยิ่งทะนงตัว ทว่าบัดนี้ถูกศิษย์ใหม่ของสำนักนอกล่วงเกิน นี่ไม่แตกต่างอะไรกับการตบหน้าเขา
“ข้าว่าเขาแค่คิดจะอาศัยนามของเ้าสร้างชื่อเสียงเท่านั้น” คนที่อยู่ด้านข้างเฟิงอวิ๋นเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน ดวงตาเปี่ยมแววดูแคลน
“ชื่อเสียงของข้าไม่ได้ลบง่ายดายปานนั้น” เฟิงอวิ๋นเซียวหัวร่อหยัน “ไป พวกเราไปดูเซียวเฉินอะไรนั่นกันหน่อย ข้าจะสั่งสอนให้มันรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถมาท้าสู้ศิษย์สำนักในได้”
ฟุ่บฟุ่บ!
เงาร่างของพวกเฟิงอวิ๋นเซียวขยับ เหินทะยานไป
ส่วน ณ สำนักนอก มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มาถึงตรงเวทีประลองอย่างรวดเร็ว มองเด็กหนุ่มบนเวทีประลองแล้วอดะโเรียกไม่ได้ “เซียวเฉิน เ้าลงมาเดี๋ยวนี้นะ”
เซียวเฉินหันหน้ามามองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ กล่าวว่า “ศิษย์พี่มู่หรง เ้ามาแล้ว”
“เซียวเฉิน เ้าเป็บ้าอะไรจึงท้าสู้ศิษย์สำนักใน เ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ ถึงกับยังต้องประลองเป็ตายอีก เ้ารู้หรือไม่ว่าหากเ้าแพ้ ถึงตายก็ไม่มีใครรับผิดชอบนะ” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ลดเสียงลงและเอ่ยด้วยสีหน้าปั้นยาก
เซียวเฉินยิ้ม “รู้แล้ว”
“รู้แล้วเ้ายังทำอีก” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีโทสะเป็ริ้วๆ
แต่กลับเห็นเซียวเฉินยิ้มอีก แย้มยิ้มอย่างเชื่อมั่น
“แต่ข้าเชื่อว่า ข้าจะไม่แพ้!”
“เ้า...” คำพูดของเซียวเฉินทำให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีโทสะและร้อนใจ ใบหน้าแดงก่ำ เบิกตากว้างมองเซียวเฉิน
เห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เป็ห่วงตนเองถึงเพียงนี้ น้ำเสียงของเซียวเฉินก็อ่อนโยนขึ้นมาก ยิ้มเจิดจ้าให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ศิษย์พี่มู่หรง ข้าเป็คนที่เ้าพามา หากไม่มีความมั่นใจ ข้าจะขึ้นเวทีได้อย่างไร นั่นไยมิใช่ทำให้เ้าขายหน้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้
“เ้ายังรู้”
ทำตามสถานการณ์ ดวงตาของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีประกายดิ้นรน กัดฟันเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ถ้า...ถ้าเ้า...ต่อให้ข้าต้องถูกอาจารย์ลงโทษก็จะพาเ้าลงมา คุ้มครองเ้าให้ปลอดภัย”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
แค่มีคำพูดประโยคนี้ของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เพียงพอแล้ว
ในเวลานี้เอง มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น เงาร่างสองสายปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน หลังจากเห็นผู้มาถึงก็ใสุดขีด
“เฟิงอวิ๋นเซียวแห่งสำนักใน!”
มีคนส่งเสียงอุทาน จากนั้นก็ประหนึ่งอสนีบาตผ่าลงบนที่ราบ
“เฮ้ย เซียวเฉินจะท้าสู้เฟิงอวิ๋นเซียว”
“เขาคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เฟิงอวิ๋นเซียวเป็ถึงผู้มีพร์บนผังของสำนักในเชียวนะ”
“ท่าทางวันนี้เซียวเฉินนับว่าเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว”
“...”
เฟิงอวิ๋นเซียวมองเซียวเฉินบนเวทีต่อสู้ ดวงตาฉายแววเย้ยหยันจางๆ และเอ่ยช้าๆ “เซียวเฉินใช่ไหม? เ้า้าท้าสู้กับข้าหรือ?”
“ขึ้นมาเถอะ”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ
“โอหังขนาดนี้ ท่าทางศิษย์สำนักนอกปีนี้คงแข็งแกร่งไปตามๆ กัน เช่นนั้นข้าจะลองทดสอบราชันศิษย์ใหม่ของสำนักนอกดูหน่อยว่าแข็งแกร่งเพียงใด!” เฟิงอวิ๋นเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ จากนั้นกระทืบเท้า เหินขึ้นบนเวที
เฟิงอวิ๋นเซียวมองเซียวเฉินแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้ลงมือสั่งสอนศิษย์สำนักนอกไปสองคน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาอีกคน เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เ้ารู้ถึงความห่างชั้นของสำนักในกับสำนักนอกเอง”
“ก็เพราะเ้าทำร้ายพวกเขา ข้าจึงต้องมาประลองเป็ตายกับเ้า กล้าแตะต้องสหายของข้าก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน” สายตาของเซียวเฉินเปล่งประกายเย็นเยียบ เห็นท่าทางเหิมเกริมของเฟิงอวิ๋นเซียว กำปั้นของเซียวเฉินก็ส่งเสียงดังกร๊อบๆ
“หึหึ” เฟิงอวิ๋นเซียวส่งเสียงหัวเราะออกมา เอ่ยว่า “น้องชายข้าออกไปล่าสัตว์กับพวกเขากลับตายอนาถอยู่ข้างนอก ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขาก็นับว่าเมตตาแล้ว เ้ายังมาแก้แค้นให้พวกเขาอีกหรือ?”
เซียวเฉินมองเฟิงอวิ๋นเซียวแล้วยิ้มกล่าว “ข้าเป็คนสังหารน้องชายเ้าเอง”
ฟุ่บ!
เฟิงอวิ๋นเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยน ดวงตาอึมครึมในพริบตา
เอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด “เ้าเป็คนฆ่าน้องชายข้า?”
“ข้าไม่เพียงสังหารน้องชายเ้า ยังจะฆ่าเ้าด้วย”
“เช่นนั้นเ้าก็ชดใช้ชีวิตให้น้องชายข้าเสียเถอะ เซียวเฉิน มอบชีวิตมา!” เฟิงอวิ๋นเซียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เดิมทีนึกว่าน้องชายถูกสัตว์ปิศาจทำร้ายจนตาย คิดไม่ถึงว่าฆาตกรที่ฆ่าน้องชายจะอยู่ตรงหน้า เฟิงอวิ๋นเซียวแค้นจนอยากสับเซียวเฉินเป็พันๆ หมื่นๆ ชิ้น
เพียงพริบตา เงาร่างของเฟิงอวิ๋นเซียวก็มาถึงเบื้องหน้าของเซียวเฉิน ต่อยหมัดออก ดังต่อเนื่องเก้าครั้ง แต่ละครั้งพลังทั้งหมดจะซ้อนทับกันหนึ่งครั้ง หลังจากเก้าครั้ง อานุภาพของหมัดก็น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ตูม!
ร่างกายของเซียวเฉินพลันปลิวออก เซียวเฉินประเมินอานุภาพของหมัดนี้ต่ำไป ร่างกายถูกกระแทกลอย ทั้งแขนรู้สึกเ็ป
เซียวเฉินแอบคิดในใจ หากมิใช่ตนเองฝึกคัมภีร์หงสาานิรวาณ และอยู่ในสภาพบรรลุนิรวาณขั้นสองแล้ว เป็ไปได้ว่าแขนข้างหนึ่งของตนเองจะหักด้วยหมัดนี้
ดังนั้น จึงเห็นได้ถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของเฟิงอวิ๋นเซียว
มิน่าถึงจัดอยู่อันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงได้
สีหน้าของเซียวเฉินปรากฏความหนักใจ
“ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเ้าก็กล้ามาท้าสู้กับข้า? วันนี้ข้าจะให้เ้าเดินเข้ามา แต่ต้องถูกหามออกไป ข้าเฟิงอวิ๋นเซียวจะเอาชีวิตเ้าเสีย” เฟิงอวิ๋นเซียวหัวร่อหยัน จากนั้นฟาดฝ่ามือ พลังเสวียนอันดุดันจู่โจมไป พลานุภาพไร้เทียมทาน
“ฝ่ามือแปดดินแดน!”
เซียวเฉินไม่เกรงกลัว แสงไฟปรากฏในมือ เปลวเพลิงพวยพุ่ง
จากนั้นกงล้อประทับก็โจมตีไป เหินออกไปด้วยอานุภาพแกร่งกร้าวเช่นกัน
“ประทับเทพหลีหั่ว!”
พ่นอัคคีแห่งหงสาออกมา พลังเสวียนที่เผาไหม้ทุกสิ่งได้เป็อัคคีแก่นชีวิตของหงสา แกร่งกร้าวสุดเปรียบปาน ก่อเกิดไม่ดับสูญ พริบตาก็ทำลายฝ่ามือแปดดินแดนและเผาไหม้จนสิ้น
ฟู่ฟู่!
ตูม!
เฟิงอวิ๋นเซียวสีหน้าแปรเปลี่ยน เดิมทีนึกว่าฝ่ามือเดียวก็ปลิดชีพเซียวเฉินได้ คิดไม่ถึงว่าเขายังมีเคล็ดวิชาประชิดตัวอันแข็งกล้าเพียงนี้
เฟิงอวิ๋นเซียวรู้สึกได้ถึงอานุภาพแห่งอัคคีเทพหงสาจึงฟาดประทับออกมาอย่างต่อเนื่อง ใช้การโจมตีอันแข็งแกร่งหยุดยั้งมันไว้ สุดท้ายประทับเทพหลีหั่วก็แตกสลายกลายเป็แสงไฟทั่วนภา
“ศิษย์สำนักใน ก็แค่นี้เอง”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ ประโยคเดียวตบเข้าที่ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวอย่างหนักหน่วง ศิษย์สำนักใน ผู้มีพร์บนผังชางหวง ความสามารถขั้นตานฟ้า ถึงกับเอาชนะศิษย์ใหม่ของสำนักนอกคนหนึ่งไม่ได้ คนที่เป็แค่ศิษย์สำนักนอกขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้า ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวร้อนฉ่า สายตาที่มองเซียวเฉินยิ่งเคียดแค้นมากขึ้น
ส่วนด้านล่างเวทีประลอง ทุกคนต่างใสุดขีดเพราะเื่นี้
เซียวเฉินต้านทานการโจมตีของเฟิงอวิ๋นเซียวได้ และถึงขั้นบีบให้เฟิงอวิ๋นเซียวล่าถอยได้
ฉากนี้ น่าใเกินไปแล้ว
“เซียวเฉินคนนี้เทียบชั้นเฟิงอวิ๋นเซียวได้จริงๆ”
“เซียวเฉินสมกับเป็ราชันศิษย์ใหม่ เพิ่งเข้าสถานศึกษาชางหวงได้ไม่นานก็ท้าทายศิษย์สำนักใน ดูท่า วันหน้าต้องมีตำแหน่งในสำนักในแน่นอน”
“การต่อสู้ครั้งนี้ ยังไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ”
ไม่เพียงพวกเขา แม้แต่มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และหลินหนิงต่างก็เบิกตาโตมองเซียวเฉินบนเวทีประลอง
ชั่วขณะก็ใจนอ้าปากนิดๆ
“คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉินต้านทานเฟิงอวิ๋นเซียวได้ เซียวเฉินร้ายกาจเกินไปแล้ว” หลินหนิงเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงพี่ชายของตนเองและพี่ใหญ่สือ ขอบตาของหลินหนิงก็แดงก่ำ ความรู้สึกเ็ปเสียใจทำให้นางน้ำตาร่วง
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่สือ เซียวเฉินแก้แค้นให้พวกเ้าแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเผยรอยยิ้ม ความกังวลในดวงตาค่อยๆ หายไป มองเงาหลังที่กำลังต่อสู้ของเซียวเฉินแล้วอดพึมพำไม่ได้ “เ้าคนน่าชัง ชอบทำให้คนอื่นเป็ห่วง น่าชังแทบตายแล้ว”
แต่โชคดีที่เ้าไม่เป็ไร...