ตอนแรกซุนเฟยกังวลว่า พวกช่างตีเหล็กกำยำล่ำสันพวกนี้จะไม่ค่อยเป็มิตรและอาจจะเข้ากับชาร์ซีไม่ได้ แต่ในความเป็จริงแล้ว คนที่มีความชอบเหมือนๆ กันจะกลายเป็เพื่อนสนิทกันอย่างง่ายดายในระยะเวลาสั้นๆ
ตอนแรกที่ซุนเฟยแนะนำชาร์ซีให้รู้จักกับซามูเอลและคนอื่นๆ พวกช่างตีเหล็กในเมืองแซมบอร์ดต่างไม่เชื่อถือสาวงามตรงหน้าเท่าไรนัก ในสายตาของพวกเขา สาวงามแบบชาร์ซีสมควรที่จะอยู่ที่บ้านนอนให้นมลูกมากกว่าที่จะมาอยู่ตรงหน้าเตาเพื่อเล่นกับค้อน แต่หลังจากที่ชาร์ซียกค้อนั์ที่หนักประมาณสามร้อยกว่าจิน (หนึ่งร้อยห้าสิบกิโลกรัม) สร้างดาบยาวปลายแหลมหนึ่งชิ้นขึ้นมาในเวลาไม่ถึงสิบนาที ทำให้ทุกคนรวมไปถึง ‘ก้อนหิน’ อย่างซามูเอลพากันมองตาค้างจนแทบจะเผลอกลืนลิ้นของตัวเอง พวกเขาต่างก็เป็ช่างตีเหล็ก จึงเป็เื่ธรรมดาที่พวกเขาจะมองออกว่า วิธีการตีเหล็กที่น่าทึ่งและทักษะอันช่ำชองของชาร์ซีที่ใช้ในการสร้างดาบเมื่อครู่มันสุดยอดมากแค่ไหน จากนั้นพวกเขาต่างพากันล้อมหน้าล้อมหลัง เต็มใจที่จะเป็ลูกศิษย์ของชาร์ซี
ไม่นาน NPC จากโลก Diablo และชาวบ้านธรรมดาของแผ่นดินอาเซรอทก็กลมเกลียวเป็หนึ่งเดียวกัน ทักษะการตีเหล็กเข้ารูปของชาร์ซีสูงมาก สามารถเอาชนะทุกคนได้
เมื่อมีชาร์ซีเข้ามาร่วมด้วย ความเร็วในการปรับปรุงเขาวงกตใต้ดินก็เพิ่มมากขึ้น ตามการคำนวณของพัศดีโอเลเกร์แล้ว ใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนก็สามารถการปรับปรุงเขาวงกตใต้ดินในเบื้องต้นเสร็จสมบูรณ์
“หลังจากนี้อีกสี่ชั่วโมง ให้เพียร์ซและดร็อกบากับทุกคนไปรอข้าที่ห้องโถง”
ซุนเฟยกำชับเื่สำคัญบางอย่างกับพัศดีโอเลเกร์ จากนั้นก็อัญเชิญทหารรับจ้างสาวเอเลน่าและเหล่าพี่น้องของนางออกมาจากโลก Diablo ให้พวกนางรักษาการณ์ในเขาวงกตใต้ดิน ป้องกันผู้บุกรุกเมื่อวานไม่ให้กลับมาก่อกวนอีก จากนั้นก็ขี่ ‘ลมกรดทมิฬ’ ออกมาจากเขาวงกตใต้ดิน
สุนัขั์สีดำวิ่งอย่างรวดเร็วในถนนบนูเา มันเคลื่อนไหวอย่างว่องไว แต่ซุนเฟยที่อยู่บนหลังมันกลับไม่ได้รู้สึกถึงความโคลงเคลงใดๆ ไม่ถึงสิบนาทีทั้งสองก็มาถึงคฤหาสน์รับรองของเมืองแซมบอร์ด
เหตุการณ์นองเืที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซ ข้อมูลยังไม่เปิดเผยชั่วคราว องค์ชายมอดริชแห่งอาณาจักรเล็กซัสได้ให้นักเวทผู้ติดตามสร้างบาเรียเล็กๆ ล้อมรอบคฤหาสน์นี้ไว้เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก ทำให้กลิ่นคาวเืไม่ได้กระจายออกไป เมื่อซุนเฟยมาถึง เขาก็เห็นทหารองครักษ์ของเมืองแซมบอร์ดยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“ฝ่าา!”
เมื่อเห็นซุนเฟยมาถึง หัวหน้าทหารองครักษ์อีวานอวิชก็รีบทำความเคารพ
ชายคนนี้เป็คนที่เงียบขรึม ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าร่วมกับซุนเฟยเพื่อต่อสู้กับพวกทหารเกราะดำบนสะพานหิน เขาเคยเป็ช่างก่ออิฐมาก่อน เขาเป็คนที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาั้แ่เกิด ตอนนี้เขาได้กลายเป็หนึ่งในทหารองครักษ์ของซุนเฟยและเป็คนที่ซุนเฟยไว้ใจ ดังนั้นเขาจึงถูกเลือกให้มาปิดกั้นคฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซ
“ท่านหัวหน้าทหารองครักษ์ ลำบากเ้าแล้วจริงๆ!”
ซุนเฟยตบไหล่อีวานอวิช ก่อนจะปล่อยให้เขาไปรักษาการเฝ้าคฤหาสน์ต่อ ซุนเฟยไม่้าให้ใครเข้าไปด้านใน ดังนั้นซุนเฟยจึงให้สุนัขั์สีดำะโข้ามกำแพงที่สูงกว่าสี่เมตรเข้าไปในนั้น
ด้านในคฤหาสน์ ทุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นเื เืส่วนใหญ่แข็งตัวอยู่บนพื้นกลายเป็ก้อนแข็งๆ สีดำ เมื่อคืนแพทย์ก็เข้ามาตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบเบาะแสใหม่อะไร ซุนเฟยมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเขาจะมาหาความจริงในการสังหารหมู่ แต่มาเพราะ...หาอะไรบางอย่างในตัวศพ
ในสายตาของซุนเฟย ไอ้พวกลูกหมาอาณาจักรเธรซถึงตายไปก็ยังไม่สาสมกับความผิด แต่ศพของพวกมันกลับเป็สิ่งที่จำเป็มากที่สุดสำหรับซุนเฟยในปัจจุบัน เขาสามารถใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ ของคนเถื่อนกับศพของพวกมันได้
ใน่สิบวันก่อนหน้านี้ เพราะเมืองแซมบอร์ดไม่ค่อยมีศพ ดังนั้นจึงเป็เื่ยากมากที่ซุนเฟยจะได้ใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ ทำให้ ‘น้ำยาฮัลค์’ ที่เขาได้รับมามีจำกัดเหลือเกิน แต่ตอนนี้เขามีศพตั้งสองร้อยกว่าศพ ทั้งยังเป็ศพของอาณาจักรศัตรู ดังนั้นซุนเฟยจึงรู้สึกดีที่ได้ประโยชน์จากศพพวกนี้
เขาคุกเข่าบนพื้น ก่อนจะยื่นมือขวาไปที่หน้าอกของศพ เกิดประกายแสงเวทมนตร์ขึ้นบนฝ่ามือ ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ ทำงาน
ปัง!
ศพพลันะเิ เืสาดกระเด็นไปทั่วแต่กลับไม่มีน้ำยา
แต่ซุนเฟยก็ไม่ได้กังวล ที่นี่ยังมีศพอีกจำนวนมากรอให้ใช้งานอยู่ ซุนเฟยจึงสามารถแบกรับความสูญเสียของอัตราความผิดพลาดนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตัวละครคนเถื่อนของเขาก็มีเลเวล 21 แล้ว อัตราความสำเร็จในการค้นหาน้ำยาก็น่าจะเพิ่มขึ้นมาก
สองชั่วโมงต่อมา ซุนเฟยกระทำเหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมาตลอดสองชั่วโมง ซุนเฟยต้องเสียค่ามานาของคนเถื่อนไปจำนวนไม่น้อย โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาได้ทำการแลกเปลี่ยน ‘น้ำยาฟื้นฟูมานา’ มามากพอ จึงสามารถดื่มได้ทันเวลา ดังนั้นจึงใช้ทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ ได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ค้นหา สุนัขั์สีดำก็คอยวิ่งวุ่นดมกลิ่นไปทั่วคฤหาสน์ ลองหาเบาะแส แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก
“ไปกันเถอะ เ้าลมกรด ที่นี่ไม่มีค่าอะไรให้พวกเราอาลัยอาวรณ์แล้ว”
ซุนเฟยเปิดใช้งานทักษะ ‘ค้นหาน้ำยา’ หนึ่งร้อยสามสิบครั้ง เสีย ‘น้ำยาฟื้นฟูมานา’ ไปสิบหกขวด มีอัตราความสำเร็จประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เขาได้รับ ‘น้ำยาฮัลค์’ ทั้งหมดยี่สิบหกขวด แม้ว่าจะไม่มาก แต่มันก็มากพอสำหรับแผนการขั้นต่อไปของซุนเฟย
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็พากันเดินออกจากคฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซ
สิบนาทีต่อมา เขาไปหานักบวชแมซโซลาในโบสถ์
“ทั้งหมดหนึ่งหมื่นหนึ่งพันก้อน อัศวินศักดิ์สิทธิ์ลูเซียโนไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยตัวเอง เพื่อทำการแลกเปลี่ยนแล้วรีบกลับมา...” อัศวินข้าราชบริพารพากันยกหีบเหล็กสีดำขนาดั์มาวางไว้ตรงหน้าซุนเฟย แมซโซลาชี้ไปยังบรรดาหีบที่มีลวดลายนูนเป็รูปไม้กางเขน พลางอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “หีบศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างเป็หีบที่ทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรักษาของล้ำค่า ต้องใส่พลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปที่รูปไม้กางเขน ไม่อย่างนั้นจะเปิดไม่ได้ หากใช้พลังรุนแรงเกินไป มันจะทำลายสิ่งของที่อยู่ในกล่องโดยตรง”
ก่อนหน้าที่ซุนเฟยจะมาที่โบสถ์เขาได้เปลี่ยนเป็ ‘โหมดพาลาดิน’ เขายิงพลังพาลาดินสีทองจากนิ้วมือเข้าไปยังรูปไม้กางเขน้ากล่อง หูได้ยินเสียงสปริงขยับดังขึ้นเล็กๆ มีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์เล็กๆ ผุดขึ้นมา ก่อนจะมีเสียงแกร๊ก หีบก็เปิดออกเอง
แสงสีแดงปกคลุมไปทั่วห้องโถงของโบสถ์
ในหีบศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยก้อนหินเวทมนตร์ธาตุไฟสว่างสดใสนับพันก้อน หากเรียกชื่อตามโลก Diablo ควรจะเรียกมันว่า ‘เกล็ดอัญมณี’ แสงสว่างสีแดงกระพริบวิบวับชวนให้ปวดตา ไอความร้อนพวยพุ่งออกมาในอากาศ ก้อนหินเล็กๆ พวกนี้ทั้งสวยงามและล้ำค่า ชวนให้ผู้คนหลงใหล
“ในหีบศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็จะแบ่งตามประเภทธาตุของก้อนหินเวทมนตร์ น้ำ ดิน ทอง...” ใบหน้าของแมซโซลาเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนในขณะที่อธิบายให้ซุนเฟยฟัง ตอนนี้เขาคิดว่าซุนเฟยเป็ ‘บุตรคนโปรดของพระเ้า’ ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ไม่มีแม้แต่ความสงสัยสักนิด ในหัวของเขาครุ่นคิดหาวิธีกอดขาทองคำของซุนเฟยไว้ให้แน่น เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์
“อืม ทำได้ไม่เลว!” ซุนเฟยพยักหน้าอย่างพอใจ “ก้อนหินเวทมนตร์พวกนี้ เก็บไว้ในโบสถ์ชั่วคราว หากข้า้าจะส่งคนมาเอาไป”
ซุนเฟยหยิบก้อนหินเวทมนตร์ทุกธาตุออกมาจากทุกหีบศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงในถุง เหลือทิ้งไว้ในโบสถ์อีกหนึ่งหมื่นก้อน นี่เป็การตัดสินใจที่รอบคอบดีแล้ว เมืองแซมบอร์ดตอนนี้ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ อีกทั้งเขาวงกตใต้ดินก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอีกแล้ว บางทีทุกความเคลื่อนไหวของตัวเองอาจจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ ดังนั้น ซุนเฟยจึงไม่อาจเคลื่อนย้ายก้อนหินเวทมนตร์นี้ได้ชั่วคราว ได้แต่ฝากไว้ในโบสถ์ซึงเป็สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์เป็ที่น่าเกรงขามในแผ่นดินอาเซรอท คงไม่มียอดฝีมือคนไหนกล้ามาหาเื่ในโบสถ์
“การที่ได้รับใช้นายท่าน! ถือเป็เกียรติของข้า!”
ได้ยินว่าซุนเฟยจะฝากก้อนหินเวทมนตร์พวกนี้ไว้ในโบสถ์ให้พวกเขาดูแล แมซโซลาก็ปลื้มปิติมาก งานที่สำคัญแบบนี้ นายท่านมอบหมายให้พวกเขาดูแล เห็นได้ชัดว่าซุนเฟยเชื่อใจเขาแล้ว คิดว่าเขาเป็คนของตัวเอง แมซโซลารู้สึกว่าความพยายามของเขาในที่สุดก็ได้เห็นผลแล้ว
……
หลังจากออกมาจากโบสถ์ ซุนเฟยก็ขี่สุนัขั์สีดำเดินเล่นรอบในเมืองหนึ่งรอบ จากนั้นก็วิ่งกลับไปทีู่เาด้านหลังและเข้าไปในเขาวงกตใต้ดิน คนที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกของเขตหวงห้ามูเาด้านหลัง ถูกแทนที่เป็เหล่าทหารหนึ่งร้อยกว่านายที่ดื่มน้ำเปล่าที่เจือจาง ‘น้ำยาฮัลค์’ ลงไป พวกเขาต่างถูกคัดเลือกจากแช็คอย่างรอบคอบ เพียร์ซและดร็อกบากับคนอื่นๆ กำลังรอเขาอยู่ในห้องโถงของเขาวงกตใต้ดิน
“ฝ่าา!”
เมื่อเห็นซุนเฟยเดินมา เพียร์ซกับคนอื่นๆ ก็คุกเข่าลง สีหน้าเทิดทูนอย่างไม่ปิดบัง สำหรับแผ่นดินอาเซรอทที่มีกฎป่า ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับความบูชาจากเหล่านักรบเสมอ
“ลุกขึ้นเถอะ!”
ซุนเฟยนั่งลงบนเก้าอี้หินแล้วกวาดสายตามองทีละคน
ทุกคนพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเคร่งขรึม
ราวกับว่าองค์าามีเื่สำคัญที่จะประกาศ
สายตาของซุนเฟยหยุดอยู่ที่ร่างของชายผมขาวเพียร์ซ คนคนนี้เป็นักรบที่กล้าหาญ ครั้งแรกที่ได้พบกัน เขาก็ทำให้ซุนเฟยรู้สึกประทับใจ บนกำแพงวันนั้นในสนามรบที่ดุเดือด เพื่อทำลายบันไดตีเมืองของทหารเกราะดำ ชายผมขาวคนนี้ยอมให้ดาบของเงาดำแทงเข้ามาที่ร่างของตัวเองเพื่อตรึงดาบไว้...จากนั้นนักรบผู้กล้าหาญคนนี้ก็ยังทำตามแผนการเริ่มบุกโจมตีก่อนของตัวเอง ยอมที่จะเผชิญหน้าต่อสู้กับทหารเกราะดำนับพัน ทั้งยังจงรักภักดีต่อตัวเองและยินดีที่จะสละชีพเพื่อตนด้วย
เพียร์ซได้สร้างความประทับใจที่ลึกซึ้งให้แก่ซุนเฟย เงาของเขาค่อยๆ ทับเข้ามาในหัวของซุนเฟย
ทันใดนั้นประกายแสงสีทองก็สว่างไสวขึ้น ก่อนที่จะปรากฏดาบสองมือที่มีรูปร่างเรียบง่ายบนมือของซุนเฟย “ดาบสีทองนี้มีชื่ออันทรงเกียรติว่าเอ็กซ์คาลิเบอร์ ครั้งหนึ่งมันเคยอยู่ในมือของนักรบที่จงรักภักดีที่สุดในโลก ชื่อของนักรบคนนั้นคือชูร่า เมื่อมันอยู่ในมือของชูร่า ดาบเล่มนี้จะมีพลังมหาศาลที่แม้แต่พระเ้ายังต้องหวาดหวั่น มันสามารถตัดผ่านทุกสรรพสิ่ง สลายความกลัวและความชั่วร้าย เป็ดาบแห่งผู้พิทักษ์ เป็ดาบแห่งความรุ่งโรจน์ เป็ดาบแห่งความจงรักภักดี และเป็ดาบแห่งนักรบ วันนี้ ที่นี่ ข้าจะมอบดาบนี้ให้แก่พวกเ้าคนใดคนหนึ่ง!”
ซุนเฟยหยิบดาบก่อนลำแสงสีทองจะคลุมร่างของเขา ตอนนี้เขาเหมือนกับพระเ้าก็ไม่ปาน
สายตาของเขาเผยรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่างของเพียร์ซ
-------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้