แต่ถึงอย่างไรเื่นี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง กู้เจิงละความสนใจอย่างรวดเร็ว ที่หอสมุดมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาหาอ่านหนังสือมากมาย แต่ส่วนใหญ่ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เพราะไม่มีที่ว่างในนั่ง นางรู้สึกว่ามีความจำเป็ต้องหาที่นั่งให้มากกว่านี้ นางกำลังคิดถึงการใช้ประโยชน์จากมุมเล็กๆ อะไรทำนองนั้น
คุณหนูเซี่ยไม่สามารถหลบออกมาได้นานนัก นางจึงใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามในหอสมุดก่อนจะกลับบ้านไป ตอนที่กู้เจิงมาส่งคุณหนูเซี่ยที่หน้าประตู ก็เห็นองครักษ์ขององค์รัชทายาทคอยตามคุ้มกันนางกลับบ้าน
ตอนกู้เจิงถอนสายตากลับมาก็เห็นองค์รัชทายาทเดินไปทางศาลาที่เสิ่นเยี่ยนนั่งอยู่ พอดีกับที่เสิ่นเยี่ยนก็กำลังลุกขึ้นยืนต้อนรับเขา
กู้เจิงพึมพำกับตัวเอง “คุณหนูเซี่ยเหมือนจะสนใจองค์รัชทายาทอยู่เหมือนกันนะ” องค์รัชทายาทผู้นี้ความเป็จริงแล้วเขาก็เป็แค่คนเลวคนหนึ่ง ที่จ้องจะจับคุณหนูเซี่ยก็เพราะนางมีแซ่เซี่ยเท่านั้น
ใกล้เที่ยงแล้ว กู้เจิงจึงเดินเข้าไปหาเสิ่นเยี่ยนในศาลา
กู้เจิงถามเสิ่นเยี่ยนเบาๆ “ท่านพี่ เย็นนี้จะกลับมากินข้าวไหมเ้าคะ?”
"กลับสิ”
องค์รัชทายาทที่มองกู้เจิงด้วยรอยยิ้ม “ั้แ่ใต้เท้าเสิ่นเข้าเป็บัณฑิตประจำสำนักราชเลขา ก็ไม่เคยมาทานอาหารเป็เพื่อนเปิ่นไท่จื่อในวังเลย เหล่าขุนนางล้วนวิจารณ์เขากันว่าในบ้านของใต้เท้าเสิ่นมีเสือตัวเมียคอยดูแลไม่ให้ออกไปกินข้าวข้างนอกหรือเปล่านะ?”
กู้เจิงยิ้มขัน “ต้องเป็เสือตัวเมียที่งดงามมากเลยเพคะ”
องค์รัชทายาทเลิกคิ้วขึ้น และหัวเราะร่วน “ฮูหยินน้อยเสิ่นเป็คนงดงามมากจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่คำพูดเช่นนี้จะทำให้ใต้เท้าเสิ่นเสียหน้าได้”
กู้เจิงครุ่นคิด ก่อนถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หากเกียรติศักดิ์ศรีของบุรุษล้วนแล้วขึ้นอยู่กับสตรี บนโลกนี้ยังจะมีบุรุษไปทำไมอีกเล่าเพคะ?”
“พูดเหลวไหล” แม้เสิ่นเยี่ยนจะกล่าวเตือนเช่นนี้ ทว่าสีหน้าของเขากลับไม่ได้ตำหนิเลยแม้เพียงครึ่ง
“มิใช่ข้าพูดเหลวไหล ก็องค์รัชทายาทตรัสว่า ขุนนางเ่าั้คิดเช่นนี้ ดังนั้นคนที่พูดเหลวไหลก็คือเหล่าขุนนางเ่าั้ ใช่ไหมเพคะ องค์รัชทายาท?” กู้เจิงมององค์รัชทายาทด้วยรอยยิ้มเป็นัย
องค์รัชทายาทมองสองสามีภรรยาตรงหน้า ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหัว “อย่างไรก็ตามมันเป็เื่ของพวกเ้า ข้าจะไม่ขอเข้าไปยุ่งล่ะ”
“คุณหนู ท่านกำลังมองอะไรอยู่หรือเ้าคะ?” ตอนชุนหงออกมา องค์รัชทายาทกับเสิ่นเยี่ยนก็จากไปแล้ว นางเห็นคุณหนูกำลังเหม่อมองท้องถนนอยู่ตรงหน้า
“เหตุใดตอนนี้องค์รัชทายาทถึงทรงไปมาหาสู่กับพวกเราราวกับว่าเป็สหายสนิทกัน” กู้เจิงถอนหายใจ
“แล้วไม่ดีหรือเ้าคะ?”
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพียงแต่เคียงราชันย์ดั่งเคียงเสือ”
(*หมายถึง การอยู่ใกล้ชิดคนใหญ่คนโต ย่อมมีความอันตรายเหมือนอยู่ใกล้เสือ)
ชุนหงพยักหน้าเห็นด้วย
และแล้ววันขนย้ายของเข้าจวนใหม่ก็ได้มาถึง ทำเอาตระกูลเสิ่นยุ่งวุ่นวายมาก ที่ยุ่งนั้นไม่ใช่การขนย้ายของแต่อย่างใด แต่ที่ยุ่งเป็งานเลี้ยงในตอนกลางคืน
ชุนหงไม่ได้ตามมาอยู่ที่จวนใหม่กับกู้เจิงด้วย นางยังคงอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น เพราะบ้านตระกูลเสิ่นอยู่ใกล้กับหอสมุด
คืนนี้นายหญิงเสิ่นเป็คนลงมือทำงานเลี้ยงแขก โดยมีท่านป้าทั้งหลายเป็ผู้ช่วย
กู้เจิงพาเหล่าพี่สะใภ้เดินชมในลานบ้าน โดยมีชุนหง ซู่หลันและเหอเซียงสาวใช้ที่นายหญิงเว่ยซื่อส่งมาให้เดินตามไปด้วย
เด็กๆ บางส่วนวิ่งเล่นอยู่ในศาลาและในลานบ้านอย่างสนุกสนาน ด้วยในฐานะชาวบ้านคนธรรมดา ไหนเลยจะเคยเห็นเรือนที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน
ยามหัวค่ำ เสิ่นเยี่ยนกับเหล่าสหายที่เป็ทหารได้มากันที่จวนใหม่ ปาเม่ยกับจางหลี่หนานก็มาด้วย คนตระกูลกู้ก็มาแล้ว แม้แต่กู้อิ๋งกับตวนอ๋องก็มาด้วย
พอเห็นตวนอ๋องมาด้วย กู้เจิงก็แปลกไจ นางไม่คิดว่าตวนอ๋องจะมาร่วมงานแบบนี้ด้วย
คนตระกูลเสิ่นต่างตื่นเต้นอยู่บ้าง แม้จะรู้ว่าเสิ่นเยี่ยยนกับตวนอ๋องคุ้นเคยกันดี แต่นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาได้พบตวนอ๋องกับครอบครัวตระกูลกู้ป๋อเจวี๋ย แม้จะไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกัน แต่การได้เห็นขุนนางใหญ่ในระยะประชิดเช่นนี้ ก็นับว่าเป็วาสนาอันยิ่งใหญ่แล้ว
เสิ่นกุ้ยเห็นสายตาของภรรยาลอบมองไปยังพระชายาตวนอยู่บ่อยๆ จึงรีบกระตุกแขนเสื้อนาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “อวิ๋นเหนียง อย่าเสียมารยาทเด็ดขาด”
ฟางอวิ๋นเหนียงรีบถอนสายตากลับมา นางทำหน้าทะเล้นใส่สามีแล้วพูดขึ้นอย่างซุกซน “ท่านพี่ ท่านว่าพระชายาตวนกับข้าใครงามกว่ากันเ้าคะ?”
“เ้า” เขามองเค้าหน้าของภรรยา ก่อนจะหัวเราะเขินอย่างโง่งม
ฟางอวิ๋นเหนียงหน้าแดง
กู้เจิงเข้ามาในห้องครัวเพื่อช่วยงานแม่สามี เพราะ้าหลบสายตาของตวนอ๋อง
“เ้าไม่ต้องมาช่วยหรอก ที่นี่มีข้าคนเดียวก็พอแล้ว” นายหญิงเสิ่นบอกลูกสะใภ้ที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยงาน
“ข้ายังไม่หิวเ้าค่ะ จะอยู่ที่นี่เป็เพื่อนท่านแม่” กู้เจิงยืนมองแม่สามีทำอาหาร พลางเอ่ยอย่างอิจฉาว่า “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะทำอาหารเก่งอย่างท่านแม่บ้าง”
“เ้าตั้งใจเรียนรู้ขนาดนี้ ช้าเร็วต้องทำเป็แน่” นายหญิงเสิ่นตักอาหารใส่ชาม แล้วเช็ดขอบชามให้สะอาด
ขณะที่กู้เจิงกำลังจะยกออกไป ท่านป้าใหญ่ก็เดินสวนเข้ามาพอดี “แม่อาเยี่ยน อาเจิง ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยมา”
“ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ย? ท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยอวิ้นงั้นหรือเ้าคะ?” กู้เจิงประหลาดใจ
“ใช่น่ะสิ เขาดูน่าเกรงขาม และรูปงามด้วย” ป้าใหญ่พูดอย่างตื่นเต้น “พวกเ้ารีบออกไปเถอะ” ว่าแล้วนางก็วิ่งกลับไป
กู้เจิงหลุดหัวเราะ ท่านป้าใหญ่ช่างน่าขันจริงๆ “ท่านแม่ ท่านอยาก... ท่านแม่ ท่านเป็อะไรเ้าคะ?” สีหน้าของนายหญิงเสิ่นซีดขาว
“ไม่เป็ไร เ้ารีบยกอาหารออกไปเถอะ ถ้าเย็นจะไม่อร่อย” นายหญิงเสิ่นก้มหน้าตักน้ำล้างหม้อ
กู้เจิงเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของนางยามก้มหน้าลง “ท่านแม่ หยิบกระบวยตักน้ำผิดแล้วเ้าค่ะ”
ความสงสัยในใจของกู้เจิงยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางกล้าชี้ขาดแล้วว่าแม่สามีกับแม่ทัพใหญ่เซี่ยผู้นั้นรู้จักกัน เมื่อก่อนเพียงแค่คาดเดา ทว่าระหว่างสองคนนี้จะมีเื่อะไรกันนะ?
ตอนที่กู้เจิงยกอาหารออกมา นางก็เห็นเซี่ยอวิ้นกำลังคุยกับตวนอ๋องและเสิ่นเยี่ยน
“ท่านแม่ทัพใหญ่” กู้เจิงวางอาหารลง ก่อนจะทักทายทำความเคารพเซี่ยอวิ้น
เซี่ยอวิ้นพยักหน้าทักทาย วันนี้เขาอยู่ในชุดฉางฝูสีเข้ม ด้วยรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนแม้จะนั่งอยู่ ก็ยากจะปกปิดกลิ่นอายน่าเกรงขามบนร่างได้ ด้านซ้ายของเขาคือตวนอ๋อง ส่วนด้านขวาคือเสิ่นเยี่ยน ตวนอ๋องสวมชุดฮั่นฝูผ้าลายเมฆา* ในความสง่างามแฝงไว้ด้วยความเ็าและหยิ่งยโสของชนชั้นสูง
(*เป็การทอผ้าไหมอันหรูหราหลากหลายสีที่ขึ้นชื่อของหนานจิงั้แ่ปลายราชวงศ์ซ่ง ซึ่งใช้สำหรับราชวงศ์เท่านั้น)
ยามกู้เจิงออกจากโต๊ะมานางก็หันเหลือบมองเทพาเซี่ยกับเสิ่นเยี่ยนอีกครั้ง นางอยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเสิ่นกับเซี่ยอวิ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“อาเจิง แม่ทัพเซี่ยท่านนั้นให้ความสำคัญกับอาเยี่ยนมากเลยหรือ?” นายหญิงเสิ่นเห็นลูกสะใภ้เดินกลับเข้ามาในครัวจึงถามขึ้น
กู้เจิงเอ่ยตอบ “ข้ายังดูไม่ออกเ้าค่ะ”
“แล้ววันนี้เขามาทำไม?”
กู้เจิงส่ายหน้า “อีกเดี๋ยวข้าจะถามท่านพี่ให้เ้าค่ะ”
นายหญิงเสิ่นพลันอุทานออกมาด้วยความใ
“ท่านแม่ หั่นโดนมือหรือเปล่าเ้าคะ?” กู้เจิงรีบเดินไปดู ตามคาด นางเห็นนิ้วมือของแม่สามีมีเืไหลออกมา
“ข้าไม่เป็ไร” นายหญิงเสิ่นเอามือกดแผลไว้ “แผลเล็กน่ะ”
“ข้าหั่นผักเองดีกว่าเ้าค่ะ” กู้เจิงเข้ามารับ่ต่อ
ทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารและไม่ได้พูดถึงเื่ของเซี่ยอวิ้นอีก กู้เจิงอยากจะถามถึงความสงสัยในใจอยู่หลายครั้ง แต่พอนึกถึงที่แม่สามีเคยบอกว่าไม่อยากพูดเื่ในอดีตก็ นางจึงได้แต่เงียบ
นายหญิงเสิ่นไม่ได้โผล่หน้าออกมาจากห้องครัวเลยตลอด่เวลามื้ออาหาร นางบอกว่าจะกินในห้องครัว กู้เจิงพูดอย่างไรนางก็ไม่ยอมจึงได้แต่ตามใจนาง ส่วนกู้เจิงนางไปนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ เสิ่นเยี่ยน ระหว่างกำลังทานอาหารเสียงเคร่งขรึมของเซี่ยอวิ้นก็ถามขึ้น “อาหารพวกนี้ฮูหยินน้อยเสิ่นเป็คนทำหรือ?”