เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ชายหนุ่มก็ฟื้นขึ้นในห้องพยาบาลแห่งหนึ่งโทนสีขาว เขากวาดสายตาซ้ายขวาไม่แสดงอาการวิตกกังวลแม้จะใช้เอฟเฟคไม้กางเขนต่อหน้าคนอื่นก็ตาม
เหตุผลก็เพราะแอนนาจะนึกได้หลังจากทบทวนความจำ และคงจะผิดปกติมากหากเขาไม่เปิดเผยั้แ่แรกจนนำไปสู่การคิดนอกกรอบนับไม่ถ้วน
ซึ่งเ้าตัวจะอ้างว่าพลังพิเศษของตนเกี่ยวกับความหวังตามคุณลักษณะของไม้กางเขนโดยจะเพิ่มผลกระทบทางจิตใจเข้าไปเพื่องดการใช้งานอย่างสิ้นเปลือง
ข้ออ้างที่สอง…การใช้พลังนี้้าความหวังที่แรงกล้า ซึ่งเป็อารมณ์ที่ยากจะควบคุมเนื่องจากมีความผันผวนเหมือนแรงบันดาลใจ การพูดประโยคซ้ำๆ ไม่ช่วยทำให้จิตใจคนดีขึ้น
และคนอื่นจะใช้งานเขาน้อยลงเพื่อไม่ให้ยามคับขันตนไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้ นั่นคือสิ่งที่กำลังจะเป็
ท้ายที่สุดแล้วทีมจิตรกรระดับต่ำคือกลุ่มคนที่ออกตามล่าทรัพยากรภายในผืนผ้าใบในระดับวิตกกังวล
โดยเฉพาะสมาชิกจะมีขอบเขตร่างกายั้แ่ระดับสองถึงสี่เป็ต้น และในสถานการณ์เช่นนั้นอาจมีหลายสถานการณ์ที่คนอ่อนแอกลายเป็เหยื่อ
เฟนริลเลยเลือกสร้างคุณค่าและบอกผลกระทบกับคนอื่นอ้อม ๆ ว่าหากคิดร้ายกับเขาอาจสูญเสียผลประโยชน์กว่าที่คิด
‘แต่นั่นเป็ปัญหา…ฉันใจเย็นเกินไปตอนสู้กับโคลด์ และหากผืนผ้าใบมีกฎห้ามใช้พลังพิเศษ หรือห้ามอุปกรณ์ประกอบฉากจากโลกภายนอก ไม้กางเขนของฉัน หรือพลังพิเศษปลอมของฉันก็จะใช้งานไม่ได้ ยกเว้นอย่างหลังที่แอบทำแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ได้’
สุดท้ายแล้วแผนการนี้เฟนริลพึ่งคิดได้ และลงมือทำทันที เขายังขาดการพิจารณา รอบคอบ เื่นี้จะเป็ปัญหาแน่หากเขาไม่หาทางแก้ไขทำให้คนอื่นคิดว่าเขาอารมณ์ไม่มั่นคง
แกร็ก ขณะที่เขาครุ่นคิดประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับสาวงามคนหนึ่งที่เดินเข้ามา เธออยู่ในชุดค่อนข้างแปลก ผิดระเบียบในโรงพยาบาล
เธอมีใบหน้าทรงไข่ ั์ตากลมโตสีฟ้า ไม่ต่างจากเส้นผมยาวสลวยทรงทวินเทล สวมชุดว่ายน้ำคล้ายสปอตบ่ารัดรูปเหนือสะดือสีขาว กับกางเกงในว่ายน้ำโทนเดียวกัน มีผิวพรรณเนียนนุ่มน่าัั หน้าอกหน้าใจดูใหญ่พอดีมือ รูปร่างสมส่วน หุ่นทรงนาฬิกาทราย
ซิววี่ อายุ 24 ปี
“ตื่นแล้วเหรอ? เมื่อเช้าคงลำบากมากสินะ ต่อจากนี้เดี๋ยวพี่จะดูแลเธอเอง”
นางกล่าวเสียงละมุน พูดจาอ่อนโยน เอื้อมมือมาหยิบเก้าอี้ นั่งลงข้าง ๆ เตียงพลางรินน้ำใส่ในแก้วพอประมาณก่อนจะปรับเตียง
พยุงให้เฟนริลกึ่งนั่งกึ่งนอนทำให้ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยที่ถูกปฏิบัติแบบนี้
“เอ่อ ขอบคุณครับ”
เขารับน้ำมาดื่มด้วยสายตาสงสัย
“น้องอาจกำลังงง ทำไมสาวสวยแต่งตัวชวนลวนลามเข้ามาในนี่ได้นะ นางพยาบาลหรือหมอไม่ดูแลเลยรึไง? ทำไมปล่อยให้คนน่าสงสัยบุกรุกมา"
"พี่ขอแนะนำตัว…พี่ชื่อว่า ซิววี่ แอชวู้ดส์ เป็หนึ่งในทีมลิคควิช ทำงานได้ประมาณครึ่งปีเศษ พลังพิเศษระดับห้า ร่างกายระดับสามขั้นปลาย น้องละ?”
เขาวางแก้วลงอธิบาย
“ผมโอริเวอร์ เฟนริล มิสติก อายุสิบแปดปี พลังพิเศษเกี่ยวกับความหวัง ขอบเขตร่างกายระดับหนึ่งขั้นต่ำ”
เ้าตัวไม่รอช้ารีบบรรยายสรรพคุณมากมายเกี่ยวกับความหวังของตนเอง
ระหว่างทางก็ไม่ลืมเล่าประสบการณ์ปัญญาอ่อนเกี่ยวกับผืนผ้าใบตนเองที่เป็ของปลอมว่าตนกลัวแค่ไหน และขาดความรอบคอบเท่าไหร่
แน่นอนว่าชายหนุ่มพยายามทำเป็เข้มแข็งต่อหน้า และดูโอ้อวดเล็กน้อยแต่ในสายตาแฝงไปด้วยความกลัว ความไม่มั่นใจในตนเองจนสาวงามอดไม่ได้ที่จะลูบหัว
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไรนะ ต่อจากนี้พี่จะดูแลเราเอง โอเคไหมคะ?”
เฟนริลนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ว่าแต่…ทำไมคุณซิววี่แต่งตัวแบบนี้ครับ?” เขาถามด้วยความสงสัย
นางเอานิ้วคั่นปากเขาพลางขยิบตาให้
“พี่แค่สงสัยว่าเราจะมองพี่แบบไหน?”
ชายหนุ่มแก้มแดง
‘ฉันได้มองแบบแปลกๆ รึเปล่า? หรือว่าทำไปโดยสัญชาตญาณ’ ในหัวของเขาตีไปมาเพราะจำไม่ได้ว่าแสดงท่าทีอะไรไปตอนเจอเธอครั้งแรก
ซิววี่ยิ้มขำเพราะนางพบว่าเฟนริลนั้นจ้องหน้าอกกับร่องหีเธอผ่านกางเกงในว่ายน้ำตาไม่กะพริบหลังเข้ามา
จากนั้นเขาก็พยายามแสร้งทำเป็อ่อนแอและไม่มั่นใจในตัวเอง น่าเสียดายที่เธอมองไม่เห็นความรู้สึกด้านลบที่เขาแสดงออกมา
...จึงมั่นใจว่าเฟนริลโกหก 'แทบ' ทุกคำ ทำให้เธอรู้สึกสนุกเพราะถ้าเขาต้องแกล้งทำแบบนี้ เธอสามารถทำให้เขาหลุดคาแรคเตอร์ได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว
“ว่าแต่เฟนริล? โอริเวอร์? น้องอยากให้พี่เรียกแบบไหนดีคะ?”
นางขยับตัวมาใกล้จนเขาได้กลิ่นหอมของดอกมะลิอ่อนจนตัวส่ายไปมา เหลือบมองร่องนมขาวเนียนรู้สึกเริ่มแข็งใต้กางเกงก็อดไม่ได้ที่จะเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกและเบือนหน้าหนี
เนื่องจากอีกฝ่ายแค่หยอกเย้าเขาเล่น แถมยังอันตราย เธอเป็คนของทีมลิคควิช ใครจะรู้บ้างว่าหากตนเผลอมีอะไรเกินเลยจนนางโมโห
ใครจะบอกได้ว่าในอนาคตตนจะไม่เป็เหยื่อล่อสัตว์ประหลาด
“โอริเวอร์ครับ เรียกผมโอริเวอร์”
ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเรียกเฟนริลมากนักเพราะมันทำให้เขานึกถึงความทรงจำแย่ ๆ แต่เหตุผลที่ทุกคนในโรงเรียนชอบพูดแบบนี้ก็เพราะธีเลียสเป็คนเริ่มก่อน
จากนั้นทุกคนเลยติดเรียกเขาว่าเฟนริล ทั้ง ๆ ที่มันเป็ชื่อกลางของเขาแท้แท้ ซิววี่เริ่มเห็นความไม่มั่นคงบางอย่างก็ลูบหัวเขา
“พี่อาจจะพูดเยอะไปบ้าง ละลาบละล้วงไปหน่อยแต่บอกพี่ได้ไหม? เราอายุแค่สิบแปดปี มาทำงานในทีมจิตรกรไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรทำ"
"แม้หัวหน้าร็อกโก้จะมีประสบการณ์มากมายแต่ทุกครั้งเกือบทุกสองเดือน สมาชิกในทีมก็ตายกันไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนคนไปเป็ว่าเล่น"
"งานอันตรายแบบนี้ เขาไม่รับเด็กกันหรอก รู้รึเปล่า?”
เฟนริลย่นจมูกเล็กน้อยกล่าว
“ผมไม่มีเงิน ผ่านแค่ผืนผ้าใบระดับวิตกกังวล ขอบเขตร่างกายต่ำ พลังพิเศษต้องใช้เวลา คนอื่นเลยดูถูก เคยมีชายผมทองล้อว่าพลังพิเศษของผมเป็ระดับศูนย์จนคนอื่นเชื่อทำให้ผมแก้ต่างไม่ได้ เขามีเื้ัดีกว่า"
เฟนริลโยนภาระให้ธีเลียสเพราะมั่นใจว่าจะผ่านระดับฝันร้ายได้มากขึ้น หากได้รับความสนใจมากไปอาจมีคนสืบประวัติซึ่งเขาไม่้า
เขาจึงใช้ประโยชน์จากการกล่าวว่าพลังพิเศษของตนสูงจากนั้นแค่ผ่านระดับฝันร้ายให้ได้
คนอื่นก็จะไม่คิดว่าเขาเป็แกนนำมากกว่าสองถึงสามครั้งพราะมันไม่สมเหตุสมผลทางสามัญสำนึก แม้สี่สาวจะตั้งสมมติฐานแต่พวกนางก็ไม่รู้ว่าเขาผ่านฝันร้ายมาเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้คนอื่นจะคิดว่าขยะระดับศูนย์เป็แค่ข่าวลือ ไม่งั้นขอบเขตร่างกายคงไม่ไประดับสอง สาม หรือสี่ หากเกิดกระแสชั่ววูบ เขาจะต้องตัดไฟั้แ่ต้นลมโดยทำให้ผู้อำนวยการหุบปากก่อนกระจายข่าว
สิ่งที่ต้องก็ทำคือขอความช่วยเหลือจากเฮเลนให้เธอหยุดแฮโลพูดเกี่ยวกับตนถึงการผ่านผืนผ้าใบระดับฝันร้าย สอง ยืนกรานว่าไม่ได้มีพลังพิเศษระดับศูนย์ั้แ่แรก
ขณะที่เฟนริลครุ่นคิด ซิววี่ที่ได้ยินเื่นี้ก็นึกถึงเอกสารที่เบื้องบนส่งมาว่าพลังพิเศษของเขาคือศูนย์
อาจมีสองกรณีคือ พยายามปกปิดระดับแท้จริง หรือเชื่อตามที่คนอื่นพูดกันจนเกิดเหตุการณ์นี้นั่นทำให้เธอกระจ่างชัดขึ้น
ตอนนี้เธอสงสัยแค่เื่หน้าต่างความสำเร็จ แม้ไม่ใช่ระดับวิตกกังวลอย่างที่เฟนริลกล่าว สุดท้ายก็เป็ผลดีต่อทีมเพราะเหนือกว่าที่คาดไว้แล้ว
เวลานั้นเฟนริลก็เล่าต่อ
"ตอนนี้ ผมไม่มีคุณสมบัติเด็กทุน ดังนั้นจะต้องเข้าของเอกชน เพื่อนบอกว่าผมน่าจะเหมาะมหาวิทยาลัยบัญญติมากสุด ผมเลยอยากจะหาเงินไปเรียนที่นั่น"
"อย่างน้อยพอเข้าไปทางรัฐจะได้ไม่ส่งผมไปยังเขตก่อการร้าย หรือเกณฑ์เข้ากองทัพกรณีไม่มีใบปริญญาบัตร ผมไม่ชอบอยู่แบบหวาดกลัว”
ซิววี่เข้าใจความหมายของเฟนริลเพราะถือเป็นโยบายของรัฐบาล
“แต่เด็กน้อย…แล้วพ่อแม่เราละ? พ่อแม่น้องไม่ว่าอะไรเหรอคะ?” เฟนริลเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย
“ไม่ครับ ผมไม่ได้เจอพวกท่านมานานแล้ว”
ซิววี่เห็นความเศร้าในดวงตาและการสูญเสีย นางจึงถอนหายใจจับมือเขาแน่น
“ทำไมไม่ไปลองเยี่ยมดูละ บางทีอาจจะสบายใจได้นะ ไปบอกความในใจสิ พวกท่านคงจะอยากรับฟัง”
เฟนริลหัวเราะ เผยสีหน้าบ้าคลั่งชั่ววูบ
“ไม่ครับ…แถวนั้นมีหมาเยอะเกินไป ไว้วันอื่นผมจะไปเยี่ยม” หญิงสาวเห็นอารมณ์ด้านลบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกเวียนหัว อึดอัดไปหมดก็พยายามเปลี่ยนเื่ก่อนที่เธอจะโดนผลกระทบไปมากกว่านี้
“จริงสิ! อาวุธน้องสุดยอดมากนะ พี่ไปดูมาแล้ว ดูสิ!” เธอหยิบดาบสามสายออกมา ขณะนั้นหน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้น
[อุปกรณ์ประกอบฉาก: ดาบสามสาย ข้อมูลพื้นฐาน: อาวุธทรงอำนาจในผืนผ้าใบ ‘Starry Night’ สำหรับการโจมตีและป้องกันเมื่อสัญลักษณ์ความสุขปรากฏ และกฎเกณฑ์ทุกอย่างคลายตัวลง วัตถุดิบไม่ทราบระดับ ความคมระดับสามขั้นปลาย ทุกครั้งที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตหนึ่งตน สายหนึ่งเส้นของอาวุธจะก๊อบปี้ขอบเขตนั้นแต่ขอบเขตดังกล่าวจะไม่เกินวัตถุดิบของอาวุธ หมายเหตุ: ถ้าเราไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับสูงก่อนสัญลักษณ์ความสุขปรากฏ ดาบเราก็คงไร้ค่า]
เฟนริลเห็นข้อมูลทั้งหมดก็ใ
‘ล่าสุดที่ฉันใช้ดาบนี้ฆ่าสิ่งมีชีวิต…ก็คือธีเลียสขอบเขตระดับสองขั้นต่ำ นั่นหมายความว่า ฉันสามารถใช้มันเป็ไพ่ตายได้สินะ’
ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น เขาคว้าดาบไว้ด้วยความหึงหวงราวกับว่าไม่อยากให้มันถูกแตะต้องด้วยน้ำมือใครเพราะนี่คืออุปกรณ์จากฝันร้าย มันต้องล้ำค่ามากแน่ๆ
ซิววี่ที่เห็นอาการนั้นก็ยิ้มโล่งใจ เธอคาดว่าอาวุธนี้คงมีความสำคัญกับเฟนริลมาก แต่คิดว่าการก๊อบปี้พลังคงไม่เกินระดับสี่ขั้นปลาย
มิฉะนั้นอาวุธแบบนี้ควรอยู่ในผืนผ้าใบระดับความน่าสะพรึง หรือบางทีอาจดีกว่านั้นเนื่องจากเธอยังไม่รู้ว่าเฟนริลสำเร็จผืนผ้าใบแบบไหน
…แต่ดูจากท่าทางของชายหนุ่ม เขาดูเด็กเกินไปที่จะควบคุมอารมณ์ คนประเภทนี้ อัตราเสียชีวิตในความน่าสะพรึงสูงเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นเธอเลยเอนเอียงไปยังระดับวิตกกังวลมากกว่า
ครืด!! ขณะนั้นประตูก็เปิดออก เฟนริลหันไปมอง พบคุณร็อกโก้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ โอริเวอร์ ฉันรู้ว่ามันกะทันหัน แต่เราต้องเข้าไปในผืนผ้าใบระดับความน่าสะพรึงกันแล้ว เวลามีไม่มาก มีเวลาเตรียมตัวแค่สิบนาทีเท่านั้น”
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเข้าใจพลางกระชับดาบในมือแน่น ซิววี่มองหัวหน้าทีมที่ทำสัญญาณมือบางอย่างก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีความเร่งด่วน
หากไม่เริ่มดำเนินการทันทีอาจยื่นล้มละลายก่อนกำหนด นางจึงไม่รอช้ากลับเข้าห้องตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
“โอริเวอร์ ศิลปะการใช้ดาบของเธอดีกว่าโคลด์ และเทียบเคียงอัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคน ถึงแบบนั้นในความน่าสะพรึง ขอบเขตร่างกายเธอต่ำไป"
"ฉันแนะนำให้ตามรุ่นพี่ทั้งหมดในกลุ่ม เชื่อฟังให้ดี ห้ามสงสัยอย่าพึ่งถามแค่ทำตามคนอื่นว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พูดกัน แบบนั้นจะปลอดภัยสุด เธอเข้าใจใช่ไหม?”
เฟนริลััได้ถึงความจริงจังก็พยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทีมจิตรกรขั้นต่ำถึงเข้าผืนผ้าใบระดับความน่าสะพรึงด้วย นั่นไม่ใช่ว่าเกินมือหรอกเหรอ?
...เพราะความแข็งแกร่งโดยรวมหวังพึ่งหัวหน้าร็อกโก้อย่างเดียวไม่ได้ ถ้าเขาจำไม่ผิด ความน่าสะพรึงต้องมีขอบเขตระดับสี่ขึ้นไปและมีประสบการณ์อย่างโชกโชน เ้าตัวแอบวิตกเล็กน้อย
“แน่นอนครับ ถ้าถึงคราวิกฤติจริง ๆ ทิ้งผมได้เลย ผมเข้าใจโลก”
ร็อกโก้ส่ายหน้าถอนหายใจ
“ฉันหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์นั้น (ตบมือ) เตรียมตัวซะ ห้องตรงข้ามเป็พื้นที่สำหรับนาย จากนั้นครบสิบนาที ลงไปชั้นล่างของตึก พวกเราจะอยู่ที่นั่น อย่าเสียเวลา…”
“ครับ!!”
/// จบตอนที่ 13 ///
แอนนา อายุ 21 ปี "โอ๊ย! ทำไมฉันหยุดคิดถึงเขาไม่ได้สักที ฮือ! ตอนนั้นฉันน่าจะขอเบอร์เขาไป ชาตินี้จะได้เจอไหมเนี่ย! แง...ฉันหมายถึง ฉันอยากคุยเฉย ๆ เพราะฉันมีแฟนแล้ว ใช่! แค่ขอบคุณเท่านั้น เอาละ ตามหาเขากันเถอะ ลุย!!"