จือฉีได้แต่หน้าอมทุกข์ถอยออกไป รางวัลก็ไม่ได้ ยังถูกตีเปล่าๆ ตั้งยกหนึ่งอีก
เห็นนางเดินไปไกล ซางจื่อจึงยิ้มอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น กล่าวว่า “การตอบโต้ของคุณหนูนี่เยี่ยมยุทธ์จริงๆ ครั้งนี้นับว่าจือฉีได้บ่มเพาะความแค้นในใจนางแซ่หลี่ไปแล้ว ภายหน้าหากเราตัดหางจือฉีไป นางก็มิอาจไปเกาะแกะนางแซ่หลี่ได้อีก”
ซูเฟยซื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบคำหนึ่ง “แบบนี้ของนางเรียกคนฉลาดพลาดท่าเพราะความรู้มากของตน ถ้าไม่ใช่นางคิดเองเออเอง ไหนเลยจะตัดทางถอยของตนเองแล้ว”
ซางจื่อพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเ้าค่ะ คุณหนู ในเมื่อนางแซ่หลี่ปฏิเสธที่จะมอบสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีแบบนี้ เราทำอย่างไรดี?”
“เปลี่ยนคนอื่นไป” ซูเฟยซื่อเลิกสนใจจือฉี แล้วค่อยๆ พิจารณาว่าจะส่งใครไปได้บ้าง ทว่าคนที่นางสามารถใช้ได้ มีน้อยจริงๆ “ก็ให้จือฉินไปเถิด”
อ๊ะ? จือฉีสาวรับใช้เ้าเล่ห์ขนาดนั้นยังไม่สามารถงมได้ของดี ทั้งยังถูกตีาเ็ทั่วร่างไปแล้ว ตอนนี้กลับใช้ให้จือฉินที่ซื่อๆ ไปประจบ นางไม่อาจเข้าใจความคิดนี้ของซูเฟยซื่อรอบนี้จริงๆ
“คุณหนู จือฉินเทียบไม่ได้กับจือฉี ถูกตีไม่ตีโต้ ถูกด่าไม่ด่าตอบ ให้นางไปเกรงว่าจะเป็การส่งแพะเข้าปากเสือนะเ้าค่ะ” ความประทับใจของซางจื่อที่มีต่อจือฉินยังนับว่าไม่เลว มิฉะนั้นคงไม่ช่วยพูดให้นาง
ไม่คิดว่าซูเฟยซื่อกลับยิ้มคราหนึ่ง ในดวงตาเผยประกายเ้าเล่ห์ไหวระริก “ที่ข้า้าก็เป็ผลเช่นนี้ เ้าให้จือฉินช่วยข้านำคำพูดไปด้วย บอกว่าสาวรับใช้คนนั้นเมื่อครู่กล้าล่วงเกินนายหญิง ได้ถูกคุณหนูที่บ้านของบ่าวจัดการไปแล้ว ยังขอนายหญิงอย่าได้ถือสากล่าวโทษ ทั้งขอนายหญิงกับนายท่านให้ตรวจสอบว่าคุณหนูได้กระทำการอย่างอยุติธรรมหรือไม่ด้วยเ้าค่ะ”
“เพียงพูดประโยคนี้ก็ใช้ได้แล้วหรือเ้าค่ะ?” ซางจื่อแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อซูเฟยซื่อเห็นว่านางยังไม่เข้าใจ ก็อธิบายอีก “เ้ากำชับจือฉิน ให้นางไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนไว้ ในทุกๆ ถ้อยคำแฝงความยุติธรรมแน่วแน่ ทั้งได้อ้างถึงซูเต๋อเหยียนอีก นางแซ่หลี่ไม่โง่ถึงขั้นจัดการสาวรับใช้คนหนึ่งจนเอาตนเข้าไปวุ่นวายกับเื่วุ่นวายแน่”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ซางจื่อก็เข้าใจทันที
ขอเพียงจือฉินไม่ทำเื่ล่วงเกินผิดพลาด นางแซ่หลี่ย่อมไม่กล้าแตะต้องนาง
มิฉะนั้นอาจเกิดเื่วุ่นวายเป็ปัญหารู้ถึงหูของซูเต๋อเหยียนเข้า
ซางจื่อนำคำกำชับของซูเฟยซื่อไปสั่งจือฉิน ถึงจะปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเช่นนั้น ทว่าสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีก็ยังนำกลับมาไม่ได้เหมือนเดิม
จือฉินไม่ค่อยสบายใจเดินไปยังตรงหน้าซูเฟยซื่อ “คุณหนูเ้าคะ หลินมามากล่าวว่านายหญิงล้มป่วยหนัก เพิ่งหลับไปหลังจากกินยา ปกติทั้งสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีล้วนเป็นายหญิงเก็บดูแลเอง ตอนนี้นายหญิงกำลังหลับอยู่ ยังขอให้คุณหนูรอจนกว่านายหญิงตื่นแล้วค่อยใช้คนไปเอาเ้าค่ะ”
ล้มป่วย? เมื่อครู่ยังมีแรงตีจือฉี ตอนนี้ป่วยแล้ว มันโรคบ้าอะไรกันช่างกำเริบไวนัก!
ซูเฟยซื่อส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเ็าคราหนึ่ง นางแซ่หลี่คงได้ฟังคำพูดที่นางกำชับกับสาวใช้ของนางไปแล้ว คงรู้สึกว่าถึงขัดขืนไปก็ย่อมไม่เป็ผลดี จึงแกล้งทำเป็ป่วยซ่อนตัวไว้ให้รู้แล้วรู้รอด
“เชอะ ป่วยอะไร เห็นชัดๆ ว่าเสแสร้ง คุณหนูเ้าคะ ท่านรีบไปเชิญหมอมาเปิดโปงนางเถิด แล้วชิงเอาสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีกลับมาเ้าค่ะ” เดิมซางจื่อก็เป็คนปากไว ต่อหน้าซูเฟยซื่อยิ่งไม่ต้องมีข้อห้ามกริ่งเกรง
ซูเฟยซื่อฉีกยิ้มเบาๆ “ตอนนี้นางใช้วิธีเก่า แล้วเราก็จะรับมือนางด้วยวิธีเดิมอีก เ้าไม่คิดว่ามันน่าเบื่อไปหน่อยหรือ?”
“นั่น...” ซางจื่อรู้ว่าที่ซูเฟยซื่อกล่าวแบบนี้ ก็เพราะมีความคิดบางอย่างแล้ว แววตาคาดหวังก็ไปตกบนร่างซูเฟยซื่อทันที
“จือฉิน ข้าคงต้องรบกวนเ้าอีกครา ไปรออยู่ในเรือนจนกว่านายหญิงจะตื่น เอาสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีกลับมา ถ้านายหญิงไม่ยอมตื่นละก็ เ้าก็รออยู่ที่นั่นต่อไป ห้ามเดินออกมาแม้แต่ก้าวเดียว สำหรับอาหารสามมื้อข้าจะให้คนส่งไปให้” ซูเฟยซื่อกล่าวกำชับ
จือฉินที่หดหู่มาตลอดเพราะไม่สามารถนำสิ่งของกลับมาได้ เห็นซูเฟยซื่อยังยอมสั่งให้นางไปทำงาน ก็ยินดีเป็ล้นพ้น “เ้าค่ะ ครั้งนี้จือฉินต้องไม่ให้คุณหนูผิดหวังในงานที่ได้รับมอบหมายแน่ๆ เ้าค่ะ”
กล่าวจบก็วิ่งะโออกไปแล้ว ท่าทีแบบนี้ มองจนหัวใจของซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะอบอุ่นขึ้นมา
เดิมนางแซ่หลี่คิดว่าแบบนี้ก็ไล่ซูเฟยซื่อไปได้ แต่ไม่คิดว่าจือฉินจะมาอีกแล้ว ทั้งยังนั่งอยู่ในลานไม่ยอมจากไป
โมโหโทโสจนนางเกือบจะเป็ลม
ซูจิ้งเถียนมาเยี่ยมนางแซ่หลี่ เห็นจือฉินในลานก็อดแปลกใจไม่ได้ “ท่านแม่ สาวรับใช้คนนั้นนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น? ถ้าจำไม่ผิดละก็ นั่นเป็คนที่ท่านพ่อประทานให้ซูเฟยซื่อใช่ไหมเ้าคะ?”
ไม่พูดยังดี พอพูดทันที นางแซ่หลี่ถึงกับโกรธจัดจนแทบฟาดงวงฟาดงา เล่าเื่ั้แ่ต้นจนจบให้ซูจิ้งเถียนฟัง เมื่อฟังความทั้งหมดแล้ว จึงส่งเสียงในลำคออย่างเ็า “เฟยซื่อนังสารเลวนั่น ยังคิดว่าแบบนี้จะสามารถให้ข้ายอมความทำตาม ข้าเป็ใคร? คือนายหญิงของจวนอัครมหาเสนาบดี ชั่วนาทีปีดักมากมายขนาดนี้ อะไรบ้างที่ไม่เคยผ่านมาก่อน คิดว่าข้าจะกลัวนังหนูตัวจ้อยคนหนึ่ง?”
ได้ยินนางแซ่หลี่กล่าวเช่นนี้ ซูจิ้งเถียนก็ยิ้มเยาะดูถูก “ปล่อยให้นางเฝ้าไปเถิด ข้าก็อยากเห็นนักว่านางจะเฝ้าอยู่ได้กี่วัน ในเรือนซูเฟยซื่อมีสาวรับใช้แค่สามคน ถ้าสามารถจัดการล้มพวกนางทีละคนได้ นั่นถึงจะเป็ผลดี”
แต่นอกเหนือความคาดการณ์ของนางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียน ความอดทนของจือฉินต่างจากคนปกติ ยิ่งจงรักภักดีรับผิดชอบต่อคำสั่งของซูเฟยซื่อ กระทั่งตอนกินข้าว สองตายังจับจ้องไปที่ห้องของนางแซ่หลี่ไม่วางตา
ขอเพียงนางแซ่หลี่ปรากฏตัว นางก็รีบก้าวไปข้างหน้า้าเอาสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชี บีบคั้นจนนางแซ่หลี่ได้แต่แกล้งทำเป็เวียนศีรษะแล้วถอยกลับไปอีก
เป็เช่นนี้ติดต่อกันหลายๆ ครั้ง ทำเอานางแซ่หลี่พาลไม่กล้าออกไปอีก ต่างจากซูจิ้งเถียนที่ยิ่งโกรธจนเพลิงโทสะแทบเผาไหม้
พวกนางทั้งสอง คนหนึ่งเป็นายหญิงของจวนอัครมหาเสนาบดี คนหนึ่งเป็คุณหนูสี่ของจวนอัครมหาเสนาบดี ไหนเลยจะเคยถูกกดดันบีบคั้นจนอึดอัดเช่นนี้ ทั้งยังเป็ฝีมือของสาวใช้ตัวเล็กๆ อีก
“ไม่ได้ ท่านแม่ ขืนเป็แบบนี้ต่อไป ท่านคงไม่ได้ออกจากห้องนี้ตลอดไปแน่” นางแซ่หลี่มีความอดทน แต่ซูจิ้งเถียนไม่มี
นางแซ่หลี่ขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจบ้าง ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ ที่ซูจิ้งเถียนพูดล้วนถูกต้อง แต่นอกจากซ่อนตัวแล้วยังทำอะไรได้อีก? หรือว่าต้องมอบสัญญาขายตัวกับกุญแจห้องบัญชีไปจริงๆ?
ไม่ นางจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่!
“ท่านแม่ ให้ข้าไล่นางไปดีกว่าไหม?” เห็นนางแซ่หลี่ไม่พูดจา ซูจิ้งเถียนรีบกระซิบข้อเสนอ
“แต่ตอนนี้เป็ซูเฟยซื่อปกครองครอบครัว หากเ้าขัดแย้งกับสาวรับใช้ของนางในเวลานี้...” ถ้าเปลี่ยนเป็เมื่อก่อน ไม่ต้องให้ซูจิ้งเถียนเอ่ยปาก นางแซ่หลี่ก็ออกไปไล่ตะเพิดจือฉินตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้… บวกกับคำพูดประโยคนั้นที่ซูเฟยซื่อให้จือฉินนำมา นางยิ่งไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
คิดเื่ที่ซูเฟยซื่อเป็ผู้ปกครองครอบครัวขึ้นมา เื่นี้ก็ยิ่งเร้าความโกรธในใจซูจิ้งเถียนมากขึ้น
ไม่คิดว่าบุตรสาวอนุคนหนึ่งกล้าชิงอำนาจการปกครองครอบครัวกับนาง แทบเป็เื่ที่ไม่น่าให้อภัย
แววอำมหิตในสายตาของนางปรากฏขึ้น “กลัวอะไรเล่า นางเป็บุตรสาวของท่านพ่อ ข้าก็เป็บุตรสาวของท่านพ่อ ข้าไม่เชื่อว่านางจะกล้าลงโทษข้าด้วยเหตุสาวรับใช้เล็กๆ คนหนึ่ง”
“นั่นก็ถูก” นางแซ่หลี่รู้สึกว่าวาจาของซูจิ้งเถียนสมเหตุสมผล อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
เห็นนางแซ่หลี่พยักหน้า ซูจิ้งเถียนก็ยิ่งได้ใจ วิ่งพุ่งออกจากห้องก็ตบหน้าจือฉินสองฉาด “เ้าสุนัข ยังไม่รีบไสหัวไปอีก อย่ามาขวางตาอยู่ที่นี่”
จือฉินอยู่ดีๆ ก็ถูกตบสองฉาดโดยไม่มีเหตุผล น้ำตาพลันเอ่อล้นออกมา นางกัดฟันเงยหน้าขึ้น ทว่าแววตากลับมั่นคงผิดปกติ “คุณหนูสามให้บ่าวอยู่ที่นี่รอนายหญิง หากนายหญิงไม่ออกมา บ่าวจะไม่ไปไหนเ้าค่ะ”
“เ้า...” ซูจิ้งเถียนโกรธจนคิดตบจือฉินอีกสักสองฉาด
คนของซูเฟยซื่อแน่ขนาดนี้เชียว? ในจวนเสนาบดีแห่งนี้ ไม่รู้บ่าว ไม่รู้เ้านายแล้วหรือ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้