โหราจารย์เป็อาชีพหายากของสำนักั์พฤกษา ซึ่งเป็ผู้ที่สามารถสำรวจสภาพใต้ดินผ่านภูมิประเทศแบบูเาได้ รวมถึงการล่าขุมทรัพย์และค้นหาทุ่งิญญา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ความสามารถพื้นฐานของโหราจารย์
ความน่ากลัวที่แท้จริง คือ เมื่อโหราจารย์เติบโตขึ้น พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแผ่นดินและสร้างข่ายดักจับได้
หูเถี่ยซินอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า จึงมีทักษะของโหราจารย์อีกมากที่เขายังไม่อาจเรียกใช้ได้ แต่เขาก็มีสถานะพิเศษในสำนักั์พฤกษา ได้เป็เป้าหมายหลักในการบ่มเพาะของสำนัก อีกทั้งคันธนูไม้ยังเป็อาวุธิญญาจื๋อซิวที่สำนักมอบให้โดยเฉพาะ เพื่อให้เขาใช้ป้องกันตัว
“เด็กนั่นเป็ใครกัน? ศิษย์พี่หูจำเป็ต้องใช้ทักษะของโหราจารย์เลยหรือ?”
“ดูเหมือนเขาจะไม่เพลี่ยงพล้ำเลย พลังแข็งแกร่งจนน่ากลัว”
บนเกาะแห่งนี้มีศิษย์ของสำนักั์พฤกษาอยู่หลายคน พวกเขาล้วนประหลาดใจที่เห็นหูเถี่ยซินต้องระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้
เสิ่นซินจู๋ประคองเฉินจี๋ให้ลุกขึ้นนั่ง พร้อมมองหนิงเทียนด้วยความกังวล ในใจเปี่ยมล้นด้วยความเป็ห่วง
ฉินเสี่ยวเยวี่ยมีสีหน้าซับซ้อน นางเห็นร่องรอยบางอย่างจากปฏิกิริยาของหูเถี่ยซิน หนิงเทียนทำให้เขากดดันได้จริงๆ เ้านั่นแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นจริงหรือ?
แต่เมื่อมองไปทางเหลียนจิ้นที่อยู่ใต้ต้นไม้ั์แล้ว ความไม่สบายใจของฉินเสี่ยวเยวี่ยก็ลดลง
ไม่ว่าหนิงเทียนจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาจะแข็งแกร่งกว่าเหลียนจิ้นผู้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราได้หรือ?
“หนิงเทียน! ข้าจะนับถึงสาม เ้าจะมอบพู่กันมาหรือไม่?” ลมแรงพัดผ่านชุดของหูเถี่ยซิน ความมั่นใจของเขาสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่สภาวะการต่อสู้
เมื่อใช้ทักษะโหราจารย์ ข้อได้เปรียบด้านความสะดวกนั้นชัดเจนอย่างมาก ยิ่งรวมกับอาวุธิญญาจื๋อซิวแล้ว หูเถี่ยซินก็มั่นใจว่าเขามีโอกาสชนะอย่างน้อยเจ็ดส่วน
“หากเป็เหลียนจิ้นที่กล่าวเช่นนี้ก็ยังพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง ทว่าเ้านั้นไร้คุณสมบัติ”
หนิงเทียนมองเงาของต้นไม้ข้างกายอีกฝ่ายแล้วรู้สึกเหมือนภูมิประเทศของูเาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาเริ่มสนใจทักษะของโหราจารย์เสียแล้ว
“บังอาจ! หากไม่สั่งสอนให้เ้ารู้บทเรียนเสียหน่อย เ้าคงไม่รู้ว่าข้าน่ากลัวเพียงใด จงดูเสีย!” ทันทีที่หูเถี่ยซินใช้ทักษะธรณี คลื่นพลังิญญาก็ปั่นป่วนไปตามพื้นดิน เงาต้นไม้ควบแน่นและกระจายตัวอย่างน่าตื่นตา
ผืนแผ่นดินสั่นะเืและม้วนตัวขึ้นเป็กำแพงโคลน พร้อมบีบเข้าหาหนิงเทียนซึ่งอยู่ตรงกลาง
ทักษะธรณีแตกต่างจากทักษะก่อตัวเป็อย่างมาก ทว่าพลังก็ยังคงน่าสะพรึงดังเดิม
“ถูกล้อมด้วยกำแพงโคลนจากสี่ทิศ ทั้งยังมีเงาต้นไม้ขวางกั้น เ้าเด็กนั่นไม่รอดแน่!”
“ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หู เขาสามารถฆ่าเด็กคนนี้ได้ด้วยมือเดียว ไม่ต้องพูดถึงการใช้ทักษะธรณีเลย”
เสิ่นซินจู๋กำหมัดแน่นด้วยความไม่สบายใจ ขณะที่ดวงตาของฉินเสี่ยวเยวี่ยเปล่งประกายและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
การโจมตีคราวนี้ หนิงเทียนจะจัดการกับมันอย่างไร?
หนิงเทียนรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัวได้อย่างแม่นยำ นี่เป็การเผชิญหน้ากับโหราจารย์ครั้งแรก ในใจเขาจึงมีความระแวงเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนย่อมหวาดกลัวโหราจารย์ตามสัญชาตญาณ
ความกลัวนี้เกิดจากการไม่เข้าใจและไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง
หนิงเทียนเตรียมบุกทะลวง หากใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์ร่วมกับกระบี่ใบพฤกษาขจี ย่อมสามารถฝ่าเงาต้นไม้และกำแพงโคลนได้อย่างแข็งแกร่ง แต่หลังจากพิจารณาเพิ่มเติมก็พบว่า เพียงยุทธศาสตร์ครอง์ก็สามารถยับยั้งได้
ทันใดนั้นต้นไม้แห้งเหี่ยวก็ปรากฏขึ้น ผืนปฐีสั่นะเื พลังอันน่าสะพรึงพุ่งขึ้นจากใต้ดิน มันคือรัศมียุทธศาสตร์ครอง์ เงาต้นไม้โดยรอบถูกกำราบ บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวหมุนวนสลับสับเปลี่ยน กำแพงโคลนก็แตกกระจายพร้อมเสียงกัมปนาท
หูเถี่ยซินตกตะลึง ทักษะธรณีของเขาสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของดินได้ภายใต้การควบคุมของตน ทว่ายามนี้กลับถูกทำลายด้วยพลังอื่น
พลังสูงส่งนั้นเป็เหมือนรากของต้นไม้เก่าแก่ มันกักขังการเปลี่ยนแปลงของดินแล้วก่อตัวเป็สิ่งปราบปราม
หากหูเถี่ยซินไม่สามารถฝ่าฟันการปราบปรามนี้ได้ ทักษะธรณีของเขาก็จะพังทลายลง
เงาไม้ใหญ่เก้าต้นข้างกายหูเถี่ยซินแผดเสียง พร้อมหยั่งรากลงดินก่อตัวเป็กระแสพลังิญญาเก้าสายม้วนไปตามพื้นธรณี พยายามเจาะทะลุพันธนาการของยุทธศาสตร์ครอง์ ทว่ากลับโดนโจมตีอย่างรุนแรงโดยไม่คาดคิด
แม้หนิงเทียนจะอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง แต่เขาก็มีเส้นลมปราณฟ้าประทานถึงเก้าเส้น ซึ่งแข็งแกร่งราวัั์ในแม่น้ำ ทั้งยังมีพลังิญญาที่ไร้ขอบเขต แล้วหูเถี่ยซินจะสามารถสั่นคลอนเขาได้อย่างไร?
“ดูเหมือนเ้าจะเรียนรู้ทักษะโหราจารย์ได้ไม่ดีนัก” หนิงเทียนออกหมัด ห้วงอากาศสั่นไหว พลังหมัดสีทองสะท้านราวภูผาสูงใหญ่บดขยี้อากาศรอบตัว
หูเถี่ยซินกรีดร้องอย่างโกรธเคือง เขารู้สึกหายใจไม่ออก เสื้อผ้าถูกสายลมกรีดเฉือน และิักำลังจะปริแตก
เพียงชั่วฟ้าแลบประกายไฟ[1] ใบหน้าของหูเถี่ยก็เปลี่ยนเป็สีซีด เขากระตุ้นพลังิญญาอย่างบ้าคลั่ง เงาต้นไม้รวมเป็หนึ่งเดียว จากนั้นต้นไม้ใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเื้ั และมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่เขา
หูเถี่ยซินรวมพลังทั้งหมดเข้าไปในหมัดเดียว เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างสั่นะเื เขาใช้พลังสูงสุดออกมาใน่วิกฤตของชีวิต
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างรากบ่มเพาะและสำนักั์พฤกษา พวกเขาทั้งหมดล้วนมีข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านความแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับพลังหมัดของหนิงเทียน หมัดของหูเถี่ยซินนับว่ายังด้อยอยู่มาก
ตูม!
ในชั่วพริบตา เสียงฟ้าคำรามราวสั่นะเืโลกา ห้วงอากาศะเิออก ลมแรงน่าสะพรึงกลัวและคลื่นปะทะแผ่จากรอยต่อของหมัดทั้งสองแล้วกระจายไปทุกทิศทาง เกิดเป็ความร้อนที่แผดเผาแทงทะลุกระดูก
อากาศรอบตัวบิดเบี้ยว เสียงหวีดหวิวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงาต้นไม้จางหายไปตามสายลม
ท่ามกลางสนามรบ หนิงเทียนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวต้นสนตระหง่าน ขณะที่ปากและกำปั้นของหูเถี่ยซินนองไปด้วยเื กล้ามเนื้อแขนแตกร้าว และเปิดลึกถึงกระดูก
ร่างของเขาลอยไปด้านหลัง ใบหน้าบิดเบี้ยว และดวงตาแสดงความหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“เขาขะ...แข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?” หูเถี่ยซินไม่อยากเชื่อ เขาเป็โหราจารย์ทั้งยังอยู่ในขั้นเก้าของขอบเขตจิตหยั่งลึก เขาจะแพ้ได้อย่างไร?
ไม่! นี่ไม่ใช่ความจริง! เขาไม่อาจยอมรับได้
ความเชื่อมั่น ความเย่อหยิ่ง และความภาคภูมิใจของเขาถูกทำลายลงด้วยหมัดของหนิงเทียน
เมื่อลมแรงพัดผ่านไป ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ก็เห็นสถานการณ์ของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ทันใดนั้นเสียงของพวกเขาก็กระจายไปทั่วเกาะ
“โอ้์! เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ศิษย์พี่หูพ่ายแพ้! ไม่ เป็ไปไม่ได้!”
“ดี! ทำได้ดีมาก”
มีเพียงเสิ่นซินจู๋และเฉินจี๋ที่ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพรากออกมาจากหางตา ส่วนร่างกายอันบอบบางของฉินเสี่ยวเยวี่ยกลับสั่นเทา นางส่ายหัวอย่างแรงด้วยความผิดหวัง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น แต่ความจริงตรงหน้าก็ทำให้นางใ
หนิงเทียนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเ็าของเขาทำให้หูเถี่ยซินรู้สึกสิ้นหวัง
คันธนูที่ปักอยู่บนพื้นตกสู่เงื้อมมือของหนิงเทียน นี่คือคันธนูจันทรามรกตอันโด่งดังของสำนักั์พฤกษา ซึ่งค่อนข้างทรงพลัง
“คืนข้ามา!” หูเถี่ยซินคำรามลั่น เขาเหยียดมือซ้ายขึ้นไปในอากาศ วังวนปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เงาต้นไม้ลอยออกมา พยายามดึงอาวุธิญญากลับคืน
หนิงเทียนหมุนข้อมือแล้วฟาดธนูไม้ใส่มือซ้ายของหูเถี่ยซินราวกระบี่สั้น
เสียงโหยหวนแหลมคมจากความเจ็บใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มือซ้ายของหูเถี่ยซินฉีกขาด เขากัดริมฝีปากด้วยใบหน้าซีดเซียว
หนิงเทียนสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นใบมีดก็ปรากฏขึ้นและพุ่งตัดขาของหูเถี่ยซินจนขาด ทำให้เขาต้องคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมเสียงร่ำไห้
ศิษย์สำนักร้อยบุปผาต่างปรบมือและโห่ร้อง ขณะที่ศิษย์ของสำนักั์พฤกษาเริ่มตื่นตัวพร้อมพุ่งเข้ามาโจมตี
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! กล้าทำร้ายศิษย์พี่หู เ้าสมควรตาย!”
“ฆ่าเขาเสีย! ล้างแค้นให้ศิษย์พี่หู”
บนเกาะแห่งนี้ ศิษย์จากสำนักั์พฤกษามีจำนวนคนมากที่สุด
ด้วยการสนับสนุนของเหลียนจิ้นผู้เป็ศิษย์พี่ในขอบเขตผนึกดารา บรรดาศิษย์จากสำนักั์พฤกษาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
“ฆ่ามัน!”
ศิษย์สำนักั์พฤกษาหกคนในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า และอีกสามคนในขั้นแปดรวมตัวกัน พร้อมเข้าร่วมกองกำลังเพื่อสังหารเขา
หนิงเทียนเผยรอยยิ้มที่ทำให้คนตื่นตระหนก ก่อนจะก้าวฝีเท้าอันแ่เบาและว่องไว ฝ่ามือโบกสะบัด กลีบดอกไม้แสนงดงามปลิวว่อนไปตามสายลม ทันใดนั้นใบมีดหมุนวนก็เชือดเฉือนความหวังของทุกคนออกเป็ชิ้นๆ
“ไม่!”
เสียงร้องอันน่าสังเวชเต็มไปด้วยความเสียใจและสิ้นหวัง ศิษย์ทั้งเก้าคนของสำนักั์พฤกษาหากไม่สูญเสียแขนขา ก็ถูกสะบั้นเอวจนกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
“มือข้า! เด็กเหลือขอที่สังหารผู้อื่นด้วยคมมีดนับพันเช่นเ้าจะต้องไม่ตายดี ศิษย์พี่เหลียนไม่มีทางปล่อย...อ๊าก!”
หนิงเทียนสะบัดมืออย่างไร้ทิศทาง แล้วทุบอีกฝ่ายจนกลายเป็ชิ้นเนื้อ
ฉากน่าสยดสยองเช่นนี้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนกรีดร้อง หนิงเทียนกำลังยั่วโมโหสำนักั์พฤกษาอยู่หรือ?
ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึง ส่วนผู้พิการและาเ็สาหัสในสนามรบล้วนหวาดกลัวจนร้องหาบุพการี
“ศิษย์พี่เหลียนช่วยเขาด้วย ท่านต้องล้างแค้นให้พวกเรา!”
เหลียนจิ้นยังคงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ั์และศึกษาความลึกลับของหลุมต้นไม้ เขาััได้ว่ามีความโชคดีซ่อนอยู่ภายใน
ยามหูเถี่ยซินฟาดฟันกับหนิงเทียนก่อนหน้านี้ เหลียนจิ้นกำลังตั้งสมาธิจึงไม่ได้ยิน กระทั่งมีคนวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ เขาจึงตื่นจากภวังค์
“เ้าเด็กนั่นยังไม่ตายจริงด้วย!”
ทันทีที่เห็นหนิงเทียน เหลียนจิ้นก็ทั้งใและประหลาดใจ จากนั้นเขาก็โกรธมาก
“สังหารหลานซานหู่ไปแล้ว เ้ายังกล้าทำร้ายศิษย์ของสำนักั์พฤกษาอีกหลายคน เ้าหนู! เ้าไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วหรือ?”
เหลียนจิ้นะโขึ้นมาท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เมื่อเขาร่อนลงพื้นดินก็สั่นะเื เศษฝุ่นฟุ้งตลบ พร้อมพลังอันยิ่งใหญ่ที่ถูกปลดปล่อยออกมา
ขอบเขตผนึกดาราสูงกว่าขอบเขตจิตหยั่งลึกไปอีกระดับ ซึ่งมีพลังทำลายล้างอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ยามนี้เหลียนจิ้นอยู่ใน่กลางของขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก สามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็อันดับหนึ่งของสำนักั์พฤกษาในแดนลับแห่งนี้ มีเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเขาได้
หนิงเทียนยังคงเฉยเมย ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับรูปลักษณ์ของเหลียนจิ้นแม้แต่น้อย
“กล้ารังแกศิษย์พี่ของข้าก็สมควรตายแล้ว! และบัญชีเก่าระหว่างเรา ยามนี้คงถึงเวลาชำระเสียที!” คำพูดของหนิงเทียนทำให้เกิดเสียงสะท้อน มีความบาดหมางเก่าระหว่างเขากับเหลียนจิ้นด้วยหรือ?
ใบหน้าของฉินเสี่ยวเยวี่ยบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด นางไม่เคยมองหนิงเทียนในแง่ดีเลย แต่ท่าทีของเขากลับทำให้นางตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า
จำได้ว่าใน่แรกที่เข้าสู่แดนลับ หนิงเทียนพยายามสานสัมพันธ์กับนาง ทว่านางปฏิเสธ
ยามนี้ฉินเสี่ยวเยวี่ยจึงเริ่มนึกเสียใจเล็กน้อย แต่มันก็สายไปแล้ว
“เ้าช่างกล้ายิ่งนัก กล้าชำระบัญชีเก่ากับข้าหรือ? เช่นนั้นจงส่งพู่กันมาให้ข้าก่อนสิ!” ดวงตาของเหลียนจิ้นสว่างวาบ รอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้า
วันนั้นเขาคิดว่าหนิงเทียนตายไปในเหวนรกแล้ว และยังนึกเสียดายอยู่พักหนึ่ง แต่เ้าเด็กนี่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยความเมตตาจาก์ ดังนั้น ยามนี้พู่กันต้องยังอยู่ในมือเขาเป็แน่
“หากอยากได้พู่กัน เช่นนั้นคงต้องดูว่าเ้ามีความสามารถหรือไม่?” หนิงเทียนเก็บธนูจันทรามรกตแล้วดึงกระบี่ออกมา
“ด้วยความสามารถอันน้อยนิด เ้ายังกล้าะโต่อหน้าข้า จะ...เ้า...เ้าถือกระบี่ใบพฤกษาขจี?” ดวงตาของเหลียนจิ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาย่อมเคยเห็นกระบี่ใบพฤกษาขจีของสำนักเชียนเฉ่า
“ทำไม? อยากได้หรือ?” น้ำเสียงของหนิงเทียนราวกำลังถามขอทาน ซึ่งทำให้เหลียนจิ้นไม่พอใจมาก
“ดูเหมือนเ้าจะมีของดีมากมาย หากฆ่าเ้าได้ สิ่งเ่าั้ต้องตกเป็ของข้า!” เหลียนจิ้นยิ้มเยาะ แสงแห่งความโลภส่องประกายในดวงตา กลิ่นอายสังหารแผ่กระจายในห้วงอากาศ
ส่วนหูเถี่ยซินทำได้เพียงยิ้มอย่างเศร้าสร้อย และรวบรวมความเกลียดชังที่เอ่อล้นฟากฟ้า
“ศิษย์พี่ ท่านต้องสังหารมันให้ข้า!”
“วางใจได้ ข้าจะล้างแค้นให้เ้าเอง”
ลมคำรามเกรี้ยวกราดรอบร่างของเหลียนจิ้น พลังิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออกไปทุกทิศทางก่อนจะกลายเป็ต้นไม้ใหญ่ รากและลำต้นเคลื่อนไหวอย่างดุดัน พัดโหมกระหน่ำจนโดยรอบปกคลุมไปด้วยฝุ่นดิน
ด้วยขอบเขตผนึกดารา ยามนี้เขาถือว่าเป็ศิษย์หลักในผู้บำเพ็ญสายรากพฤกษาแล้ว ทั้งยังเป็ยอดฝีมือในดินแดนหยวนซิงอีกด้วย
แม้เหลียนจิ้นจะอยู่เพียง่กลางของขอบเขตผนึกดาราขั้นแรกและเพิ่งก้าวเข้าสู่สนามนี้ ทว่าสำหรับบรรดาขอบเขตจิตหยั่งลึก นั่นไม่ต่างจากเขาไท่ซานซึ่งไม่สามารถฝ่าไปได้
รอบกายเขามีเสาวาโยพายุหมุน ซึ่งมีเงารากบ่มเพาะฝังอยู่ภายในคอยดูดพลังิญญาฟ้าดิน พร้อมปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ที่พลุ่งพล่านออกมา
หนิงเทียนััได้ถึงความแข็งแกร่ง ชุดของเขาถูกลมฉีกกระชากจนขาดวิ่น ชั้นบรรยากาศกดดันจนเขาแทบหายใจไม่ออก
แรงกดดันมากมายเพียงนี้ มากพอที่จะบดขยี้ขอบเขต ทำลายจิตใจ จนคนทั่วไปต้องคุกเข่าขอความเมตตา
---------------------------------------
[1] ฟ้าแลบประกายไฟ (电光火石) หมายถึง ่เวลาที่สั้นมาก หรือการหายวับไปในทันที ซึ่งรวดเร็วจนไม่ทันรู้สึกตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้