หรงชิงรับบุตรสาวจากเฉินอ๋องและกล่าวแสดงความขอบคุณไม่กี่ประโยคเมื่อเห็นเฉินอ๋องไม่คิดจะกลับไปและเดินตามเขาไปยังเรือนของบุตรสาวหรงชิงลังเลครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด
แม้ยามนี้บุตรสาวจะกลับมาแล้วแต่เื่ราวยังไม่จบ เพราะยังมีเื่ที่จำเป็ต้องพูดออกไป
เฉินอ๋องยังพอรู้มารยาทอยู่บ้างเขาเดินตามหรงชิงมาถึงเรือนของหรงหว่านซีแต่เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนของหรงหว่านซีกลับชะงักฝีเท้าและไปนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ยาวภายในลานของเรือน
เมื่อเห็นเฉินอ๋องทำเช่นนี้ภายในใจของหรงชิงจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย
หลังเกิดเื่เช่นนี้เฉินอ๋องไม่เพียงไม่รังเกียจ กลับพยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยบุตรสาวของเขากลับมายามนี้เขายังรักษามารยาท...แม้ความรู้สึกนึกคิดที่เขามีต่อบุตรสาวของตนจะเอนเอียงในทางที่แย่สักหน่อยทว่าในฐานะผู้มีบรรดาศักดิ์เป็ถึงท่านอ๋อง สามารถทำได้ถึงเพียงนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ลูกผู้ดีเหลาะแหละและไม่รู้จักแยกแยะเหตุผล
การแต่งงานถูกกำหนดไว้แล้วหากเฉินอ๋องไม่คิดจะล้มเลิกงานแต่งวันข้างหน้าบุตรสาวยังต้องคงต้องแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเพื่อเป็พระชายาเฉินอ๋องของเขาอยู่วันยังค่ำ
ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ย“เตี้ยนเซี่ย เชิญเข้ามานั่งในห้องด้านนอกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินอ๋องไม่ปฏิเสธ“ก็ดี”
เฉินอ๋องเดินเข้ามาในห้องด้านนอกโดยไม่ชำเลืองมองที่อื่นเดินตรงไปนั่งเก้าอี้ชิดห้องนอนและหลับตาลง
ไม่นานนักท่านหมอเจียงสะพายกระเป๋ายาเข้ามา ค้อมคำนับเฉินอ๋องจากนั้นรีบเดินเข้าไปในห้องนอน
ชูเซี่ยปิดผ้าม่านภายในห้องนอนหรงชิงจึงเดินออกมาจากข้างใน
“อะแฮ่ม...”เฉินอ๋องเงยหน้ามองหรงชิงแล้วเอ่ย “จากที่อ๋องผู้น้อยมองดูฝีมือด้านการรักษาของท่านหมอเจียงก็ไม่เลว ต่อให้ต้องฝังเข็มแต่ไม่จำเป็ต้อง...อะแฮ่ม ถอดชุดนอนกระมัง?”
หรงชิงรีบเอ่ย“เตี้ยนเซี่ยเข้าพระทัยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ มิได้เป็เช่นนั้นเพียงแต่มีคนอยู่ในห้องเป็จำนวนมาก เกรงว่าจะรบกวนการรักษาของท่านหมอเจียงท่านหมอเจียงชำนาญการรักษาเป็อย่างยิ่ง สามารถฝังเข็มผ่านชุดนอนพ่ะย่ะค่ะ”
“อืมถ้าเช่นนั้นก็ดี” เฉินอ๋องเอ่ย“เปิ่นหวางไม่อยากให้ว่าที่พระชายาถูกผู้อื่นมองเสียก่อน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินอ๋องกล่าวหมายความว่ายังจะสู่ขอบุตรสาวของตนอย่างชัดเจนแต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหัวใจดวงนี้ของหรงชิงรู้สึกปล่อยวางหรือเป็กังวลกันแน่
ทว่าเฉินอ๋องกล่าวประโยคนี้อย่างเป็ธรรมชาติยิ่งนักท่าทางคล้ายไม่ได้นึกกังวลแต่อย่างใด ราวกับแม้จะเกิดเื่เช่นนี้เขาก็ไม่เคยคิดจะล้มเลิกการแต่งงานมาก่อน
หรงชิงคิดใคร่ครวญถึงสามหนท้ายที่สุดเป็ฝ่ายเสนอว่า “เตี้ยนเซี่ยหรือจะ...ให้หมัวหมั่วที่มีประสบการณ์มาตรวจสอบพรหมจรรย์ของบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินอ๋องลืมตาเอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “เหตุใดถึงต้องตรวจสอบ เปิ่นหวางยังไม่เคยดูเลยด้วยซ้ำจะให้ยายแก่นั่นมาดูก่อนได้อย่างไร?”
“เอ่อ...อะแฮ่ม เปิ่นหวางหมายความว่า...ไม่ต้องลำบากก็ได้”เฉินอ๋องก็รู้ตัวเช่นกันว่าคำพูดของเขา...ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไน
แม้สิ่งที่เฉินอ๋องกล่าวมาจะไม่เหมาะสมจริงทว่าความหมายของประโยคนั้นกลับทำให้หรงชิงซาบซึ้งยิ่งนักเพราะนั่นหมายความว่าเฉินอ๋องเชื่อว่าบุตรสาวยังคงบริสุทธิ์
“คือ...”ทว่าหรงชิงครุ่นคิดอีกครู่ ยังคงเอ่ยออกมาว่า“จะดีหรือไม่...หากรอให้ซีเอ๋อร์ฟื้นคืนสติและให้นางเป็ผู้ตัดสินใจเองพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ได้”เฉินอ๋องเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นก็เป็ไปตามความ้าของคุณหนู”
ครั้นหรงชิงเห็นเฉินอ๋องเหมือนไม่แยแสแต่อย่างใดจึงเริ่มไม่มั่นใจว่าแท้จริงแล้วเฉินอ๋องเชื่อมั่นในบุตรสาวของตนหรือมิได้สนใจเื่พรหมจรรย์แม้แต่นิด
จือชิวเดินออกมาจากห้องนอนและปล่อยให้ชูเซี่ยเป็ผู้ช่วยท่านหมอเจียงเพียงลำพังผ่านไปหนึ่งชั่วยามกลับยังไม่มีข่าวคราวจากภายในห้องจึงเห็นได้ว่าถูกพิษเข้าไปไม่น้อย
ขณะหรงชิงกำลังจะไปถามทันใดนั้นได้ยินชูเซี่ยเอ่ยว่า “นายท่าน คุณหนูฟื้นแล้วเ้าค่ะ”
“ฟื้นแล้วก็ดี...”เฉินอ๋องกลับลุกขึ้นคำนับหรงชิงโดยยึดตามความาุโ “ท่านพ่อตาควรให้คุณหนูได้พักผ่อนเสียก่อน รอคุณหนูฟื้นตัวดีแล้ว หากยินยอมจะไปที่จวนอ๋องผู้น้อยก็ยินดีต้อนรับเสมอ แต่แน่นอนว่าหากไม่ไปก็ไม่เป็อะไร เช้าวันมะรืนอ๋องผู้น้อยจะมาสู่ขอคุณหนูตามเดิม”
หรงชิงค้อมคำนับเฉินอ๋องอย่างนอบน้อมตามมารยาทของขุนนาง“ส่งเสด็จเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ” เพราะเป็ห่วงบุตรสาวจึงออกไปส่งเฉินอ๋องแค่หน้าประตู
หรงหว่านซีรับรู้แค่ว่าศีรษะหนักอึ้งไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด เห็นเพียงสีหน้าเป็กังวลของชูเซี่ยกับจือชิวกระทั่งท่านหมอเจียงก็อยู่ด้วย จึงรู้ตัวว่าเกิดเื่ขึ้นเสียแล้ว
“ชูเซี่ยมีเื่อะไรรึ?” หรงหว่านซีเอ่ยถาม
“ดียิ่งนักที่คุณหนูฟื้นแล้วหนูปี้ใเกือบตายแล้วเ้าค่ะ...” ชูเซี่ยเอ่ย “จะว่าไปแล้ว เื่นี้ต้องขอบพระทัยเฉินอ๋องนะเ้าคะ!”
ท่านหมอเจียงไม่สะดวกอยู่ในห้องนอนของหญิงยังไม่ออกเรือนนานมากจึงเอ่ยเสียงเบา “อีกครู่ข้าจะไปต้มยาบำรุงร่างกายและสั่งคนยกเข้ามาให้คุณหนูคุณหนูจะได้พักผ่อนขอรับ”
“ลำบากท่านลุงเจียงแล้วเ้าค่ะ”หรงหว่านซีเอ่ย
“ชูเซี่ยไปส่งท่านลุงเจียง”
“เ้าค่ะคุณหนู”
ขณะเอ่ยเหลือบไปเห็นบิดาเดินเข้ามาหรงหว่านซีแค่รู้สึกหนักศีรษะและร่างกายอ่อนล้า ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยอย่างอื่นด้วยเหตุนี้นางจึงลุกขึ้นทำความเคารพบิดา
หรงชิงรีบเข้าไปห้ามบุตรสาว“บุตรสาวของข้า ฟื้นแล้วก็ดี”
หรงหว่านซีเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าเป็ห่วงของบิดา“ท่านพ่อ แท้จริงแล้วลูกเป็อะไรไปเ้าคะ? สลบ? หรือป่วยเป็อะไรกันเหตุใดลูกถึงไม่รู้สึกเ็ปจากอาการป่วย?”
“ลูก...”หรงชิงกลัวเด็กรับใช้ทั้งสองไม่อาจเก็บความลับ จึงเอ่ยออกคำสั่ง “จือชิวเ้าไปหาชูเซี่ย แล้วไปทำข้าวต้มกับอาหารรสอ่อนมาให้คุณหนู ปิดประตูให้สนิท อย่าให้คุณหนูโดนลม”
ภายในห้องเหลือเพียงสองพ่อลูกหรงชิงจึงเล่าต้นสายปลายเหตุให้บุตรสาวฟัง “โชคดีที่มีเฉินอ๋องไม่เช่นนั้นเกรงว่าลูกคงไม่อาจกลับมาเร็วถึงเพียงนี้แม้เฉินอ๋องไม่ได้บอกว่าช่วยเ้ามาจากผู้ใด แต่พ่อคิดว่าจะต้องเป็ฝีมือองค์รัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัยในตอนนั้นผู้ที่ไปจัดการตู๋เฟิงฮุ่ยก็คือซงซวี่เขาคงลอบเก็บจุ้ยเมิ่งฉางไว้กับตนเองหลังกลับมาถึงเมืองหลวงก็สนิทสนมกับองค์รัชทายาทไม่น้อย”
หรงหว่านซีพยักหน้าแท้จริงแล้วท่านพ่อไม่จำเป็ต้องบอกสาเหตุ นางก็พอจะรู้ว่าเื่นี้เป็ฝีมือขององค์รัชทายาทเพราะนอกจากองค์รัชทายาทแล้ว ผู้อื่นไม่จำเป็ต้องทำเื่เช่นนี้และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ลักพาคนในจวนแม่ทัพ
“ดีที่ตอนนี้ลูกกลับมาแล้ว...”หรงหว่านซีเอ่ย
นางคิดทบทวนเื่ที่เกิดขึ้นั้แ่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้แต่ทำอย่างไรก็นึกไม่ออกความทรงจำสุดท้ายในเมื่อคืนวานคือนางสั่งให้ชูเซี่ยไปพักผ่อน
นางไม่มั่นใจว่าองค์รัชทายาทล่วงเกินนางหรือไม่เพราะนางไม่มีความเชื่อใจองค์รัชทายาทแม้แต่นิด
“ลูก...”หรงชิงคล้ายอยากเอ่ยบางสิ่ง
“ท่านพ่อท่านอยากจะพูดสิ่งใดเ้าคะ? รีบพูดออกมาเถิดเ้าค่ะ”หรงหว่านซีเอ่ย
“ลูก...คือว่า...”หรงชิงไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยออกไปเช่นไรดี เขารู้ว่าบุตรสาวเป็คนรู้ความยิ่งนักท้ายที่สุดจึงเอ่ยออกไปตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม“ทุกคนต่างรู้ว่าองค์รัชทายาทมีใจให้เ้า ยามนี้เ้าถูกลักพาตัวไปหนึ่งคืนย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงของเ้า ดีที่เื่นี้จัดการอำพรางได้อย่างแยบยลนอกจากคนในจวนของพวกเราและเฉินอ๋องก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้คนในจวนของพวกเรายังไม่เท่าใดเพราะพ่อออกคำสั่งให้ทุกคนเก็บเงียบห้ามเผยแพร่ออกไปแล้ว”
“แต่ฝั่งเฉินอ๋อง...”หรงชิงเอ่ย “พ่อกังวลว่าองค์รัชทายาทอาจทำอะไรกับเ้าโดยที่เ้าไม่รู้ตัวหากเ้าออกเรือนไปกับเฉินอ๋อง วันหน้าอาจได้รับการปฏิบัติอย่างหมางเมินจากเขามิสู้พวกเราทำเื่นี้ให้กระจ่างอย่างเปิดเผยก่อนจะออกเรือนไป”
หรงหว่านซีเข้าใจสิ่งที่บิดา้าสื่อหากองค์รัชทายาททำอะไรกับนางจริง นางย่อมไม่อาจออกเรือนกับเฉินอ๋อง
และถ้าองค์รัชทายาททำเช่นนั้นจริงนางก็ไม่มีทางยอมให้องค์รัชทายาทล่วงเกินนางอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน
“เมื่อครู่พ่อพึ่งจะเสนอกับท่านอ๋องว่าอยากจะให้หมัวหมั่วชราที่มีประสบการณ์มาตรวจสอบคือ...แท้จริงแล้วเื่นี้ไม่ได้ลำบากอะไร เ้าก็ไม่ต้องเขินอายอะไรมากนัก”หรงชิงพยายามปลอบใจบุตรสาวสุดความสามารถ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวรู้สึกอัปยศ“โดยปกติการคัดเลือกนางในก็ต้องให้หมัวหมั่วชราตรวจสอบจากนั้นถึงสั่งให้ไปรับใช้บรรดาท่านอ๋อง หรืออาจจะเก็บไว้ใช้งานในวังหลวง”
“หลังจากมีกำหนดวันสมรสกับเฉินอ๋องไทเฮากับเฉินอ๋องก็ไม่เคยเรียกร้องให้ตรวจสอบเื่นี้แต่พวกเราไม่อาจละเลยหลักปฏิบัติ...เฉินอ๋อง้าให้ฟังความเห็นเ้าหากเ้ายอมไปก็ย่อมได้ แต่หากไม่ไปก็ไม่เป็อะไร จากที่พ่อดูเฉินอ๋องตัดสินใจแล้วว่าจะต้องแต่งเ้าเข้าจวนให้ได้ แลดูคล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบใดจากเื่นี้แต่ที่พ่อทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้พวกเราปล่อยโอกาสให้ผู้อื่นครหาในภายหลัง”
“ความลำบากใจของท่านพ่อลูกรู้ดีเ้าค่ะ” หรงหว่านซีเอ่ย “ท่านพ่อเหน็ดเหนื่อยมาครึ่งค่อนวันแล้วจะดีกว่าหรือไม่หากท่านพ่อไปพักผ่อนเสียก่อนและให้ลูกคิดดูสักหน่อย?”
หรงชิงพยักหน้าโดยไม่เอ่ยสิ่งใดเขารู้ว่าบุตรสาวเป็ผู้รู้จักคิด ย่อมมีทางเลือกที่ชาญฉลาดอย่างแน่นอน
หากความบริสุทธิ์ของบุตรสาวถูกทำลายจริงเขาก็จะทุ่มเททั้งชีวิตของชายชรานี้เพื่อทวงความยุติธรรมให้บุตรสาว
แม้เฉินอ๋องจะไม่รับปากอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ขอร้องสิ่งใดจากเฉินอ๋องแต่หากบุตรสาวไปยังจวนเฉินอ๋องเพื่อรับการตรวจสอบ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็เช่นไรบทสรุปของเื่นี้ก็ไม่มีทางเล็ดลอดออกไปอย่างแน่นอนหลังจากผ่านพ้นเื่ในครั้งนี้ไป สามารถเห็นถึงนิสัยใจคอของเฉินอ๋องชัดเจนยิ่งขึ้น
หรงหว่านซีนอนหลับตาพลางครุ่นคิดอยู่บนเตียงอย่างเงียบเชียบท่านพ่อพูดถูก ผู้อื่นอาจจะไม่สนใจ แต่ในฐานะที่เป็สตรีนางหนึ่งนางไม่อาจไม่สนใจเื่พรหมจรรย์ของตนเอง
การแต่งงานของนางกับเฉินอ๋องเป็เพียงการแลกเปลี่ยนโดยปราศจากความสัมพันธ์ทางกายและใจต่อให้นางถูกทำลายความบริสุทธิ์ เฉินอ๋องก็คงไม่ใส่ใจแต่อย่างใดดังนั้นนางไม่จำเป็ต้องยืนยันกับเฉินอ๋อง
ในเมื่อไม่จำเป็ต้องยืนยันกับเฉินอ๋องถ้าเช่นนั้นการให้หมัวหมั่วจากจวนเฉินอ๋องมาตรวจพรหมจรรย์ก็ไม่จำเป็อีกแล้ว
แต่นางจำต้องรู้ให้ได้ว่าตนยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่งชูเซี่ยและจือชิวได้ถือข้าวต้มและอาหารเข้ามา
หรงหว่านซีชำเลืองมองครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยสั่ง“จือชิว เ้าลองไปดูสิว่าในครัวมีขนมที่พึ่งทำเสร็จหรือไม่? ข้าเห็นข้าวต้มเปล่านี้แล้วไม่อยากอาหาร”
จือชิวขานรับก่อนจะรีบวิ่งออกไป
หรงหว่านซีหันไปกวักมือเรียกชูเซี่ยส่งสัญญาณให้นางเอาหูเข้ามาใกล้
นางเอ่ยบางสิ่งข้างหูชูเซี่ยชูเซี่ยตกตะลึงเป็อย่างมากจนร้อง “หา” ออกมา “คุณ...คุณหนูจะเอาตำราเช่นนั้นมาทำไมกันเ้าคะ?”
“เ้าอย่าส่งเสียงดัง”หรงหว่านซีเอ่ยเสียงเบา “เ้าจะเสียงดังให้ผู้คนทั่วหล้ารู้กันหมดเลยหรืออย่างไร?”
ชูเซี่ยจึงรีบหุบปากโดยพลันและไม่เอ่ยสิ่งใดอีก