หมู่บ้านไหวซู่ ยามนี้ที่บ้านสกุลอวิ๋น ภายในลานบ้านเต็มไปด้วยความวุ่นวายข้าวของกระจัดกระจายไร้ผู้คนจัดเก็บ เสียงดุด่าของเถาซื่อดังลั่นมาจากห้องโถง ปะปนกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรี
“พวกคนใจดำอำมหิต เหมยเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย ใครจะไปรู้ว่าต้าเป่าจะคลั่งขึ้นมา เขาไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ดวงชะตาไม่ดีเอง ถึงโดนต้าเป่าฟันขา จะโทษใครได้? คนในหมู่บ้านนี้ใครบ้างไม่รู้ว่า ต้าเป่ามันเป็บ้า?”
ตอนนี้ในห้องโถงบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า มีอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์บุตรสาวคนโตกับสามี เจียงต้าไห่ และครอบครัวนั่งอยู่
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กับเจียงต้าไห่มีบุตรด้วยกันสี่คน บุตรชายสองคน บุตรสาวสองคน บุตรชายคนโตอายุสิบเจ็ดปี ชื่อเจียงเทียนเป่า เป็คนเกียจคร้านการงาน วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ชอบเที่ยวซ่องโสเภณี ชนไก่ ปล่อยสุนัขไล่กัดผู้คน ไม่สนใจไยดีการเรียน
ไปสู่ขอหญิงสาวดีๆ ไม่เคยได้ เมื่ออายุสิบหกก็ซื้อบุตรสาวจากครอบครัวยากจนมาแต่งงาน แต่แต่งงานได้ไม่กี่วันก็ถูกเขาและแม่ของเขาทรมานจนตาย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครอยากแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเจียงอีก
ส่วนบุตรชายคนที่สองชื่อเจียงต้าเป่า เป็บ้าแต่กำเนิด ปกติจะไม่ค่อยคลุ้มคลั่ง มากสุดก็ทำตัวเหมือนคนปัญญาอ่อน แต่หากถูกกระตุ้นก็จะคลุ้มคลั่งขึ้นมา
บุตรสาวคนโตเจียงหลิ่วจือ อายุสิบห้าปี ได้รับอิทธิพลจากเื่ของเจียงเทียนเป่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาสู่ขอ ส่วนบุตรสาวคนเล็กชื่อเจียงเถาจือ อายุสิบสองปี
เื่ราวในครั้งนี้ก็เป็เจียงต้าเป่าที่ก่อเื่ขึ้นมา เื่ก็คือหลังจากประกาศผลสอบถงเซิง ปรากฏว่า อวิ๋นโส่วจู่สอบผ่านแบบเฉียดฉิว
เื่นี้ทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นดีใจจนเนื้อเต้น ถึงกับตบขาฉาดใหญ่ สั่งให้คนไปจัดโต๊ะเลี้ยงฉลองสิบโต๊ะ เชิญญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วมงาน เื่นี้ถือเป็เื่ดี
ถึงแม้จะแยกบ้านกันอยู่ แต่ก็เป็ญาติพี่น้องกันอยู่ดี บังเอิญว่าที่บ้านอวิ๋นโส่วจงมีเพียงอวิ๋นฉี่ซานอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว ดังนั้นเมื่อผู้เฒ่าอวิ๋นมาเชิญด้วยตัวเอง อวิ๋นฉี่ซานในฐานะหลานชาย จึงต้องเตรียมของขวัญไปร่วมงานเลี้ยง
แต่ใครจะรู้ว่าระหว่างงานเลี้ยง จู่ๆ อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็มีเื่กับเจียงต้าเป่าขึ้นมา เจียงต้าเป่าคว้ามีดโค้งที่วางพิงอยู่ข้างกำแพงสำหรับใช้ตัดหญ้าให้หมู ไล่ฟันนาง
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีเข้าไปในห้องของอวิ๋นฉี่เสียง บังเอิญว่าเสื้อผ้าของอวิ๋นฉี่ซานถูกพวกเด็กๆ ทำน้ำแกงกระเด็นใส่ จึงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนั้น กำลังจะออกไปพอดี
ทันใดนั้นอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็พุ่งเข้ามา ผลักอวิ๋นฉี่ซานออกไป ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง ‘โครม’ อวิ๋นฉี่ซานยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนเจียงต้าเป่าฟันเข้าที่ขาไปสองที ความเ็ปแล่นเข้าสู่ร่างจนสลบไป
จะว่าไป อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ร้ายกาจยิ่งนัก หากเ้าจะหลบก็หลบไปสิ จะผลักอวิ๋นฉี่ซานทำไม? หากเ้าปิดประตูไปเลยก็ไม่เกิดเื่แบบนี้ขึ้นหรอก
“แต่ต้าเป่าลูกชายของข้าก็น่าสงสาร อยู่ดีๆ ก็เกิดคลั่งขึ้นมา แถมยังไม่ไล่ตามคนอื่น กลับไล่ตามแต่เหมยเอ๋อร์ เื่นี้ทำเอาต้าเป่าใจนล้มป่วย ต้องใช้เงินทองรักษา ท่านแม่ ท่านต้องช่วยพวกข้าด้วย หลายปีมานี้ ข้าให้เงินทองช่วยเหลือบ้านเรามาไม่น้อย” อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ร้องไห้คร่ำครวญ
พอเถาซื่อได้ยินอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์พูดถึงเื่เงิน ใบหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที ส่วนอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ที่ได้ยินอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์พูดจาพาดพิงถึงตน ก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำไมมันถึงมาทำร้ายข้า จะว่าไป พี่หญิงใหญ่ก็ไม่น่าพาต้าเป่ามาเลย พี่ห้าสอบผ่านถงเซิงเป็เื่ดี ท่านรู้อยู่แก่ใจแท้ๆ ยังพาต้าเป่ามาด้วย ท่านคิดอะไรอยู่กันแน่?”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็โกรธจนตัวสั่น นางชี้หน้าด่าอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ว่า “นังโสเภณี เ้ากินของของข้า ใช้อะไรก็ของของข้าทั้งนั้น ยังกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ? ตอนนี้เ้ามีปีกกล้าขาแข็ง ถึงกับไม่ต้อนรับข้าแล้วสินะ ถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีข้าแบบนี้?”
“พอได้แล้ว!” ผู้เฒ่าอวิ๋นตบโต๊ะอย่างหัวเสีย ถลึงตาใส่ทุกคน
“วันนี้ที่เรียกพวกเ้ามา ก็เพื่อมาปรึกษาหารือ ตอนนี้พี่รองของพวกเ้ากลับมาแล้ว เื่นี้คงไม่จบง่ายๆ เป็แน่! คิดไม่ถึงว่าพวกเ้าแต่ละคน ไม่ช่วยกันคิดหาทางแก้ไข กลับทะเลาะกันเองแบบนี้”
เถาซื่อจ้องมองด้วยแววตาดุดัน ตบโต๊ะเสียงดังพร้ะโกนด่า “ยังไง? เขากลับมาแล้วจะทำไม? แยกบ้านกันไปแล้ว เขาก็ยังเป็ลูกชายเ้าอยู่ดี ตาแก่ไร้ความสามารถ แค่ลูกชายคนเดียวยังจัดการไม่ได้ กลับมาตะคอกใส่พวกข้า”
ผู้เฒ่าอวิ๋นพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วจะทำอย่างไร พี่รองของพวกเ้าไม่ใช่คนใจดีอะไรนะ!”
เถาซื่อ “ใช่ เขาไม่ใช่คนใจดีอะไร ทำร้ายเ้าสี่ไปแล้ว ตอนนี้จะมารังแกใครอีก? ข้าจะสู้ตายกับมัน มันกล้าฆ่าข้าหรือ? อย่างไรเสีย ข้าก็เป็ภรรยาที่ท่านอวิ๋นเจียชางแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง เป็แม่เลี้ยงของมัน แม่เลี้ยงก็คือแม่ มันกล้าลงมือกับข้าเชียวหรือ?”
เจียงต้าไห่รีบพูดหว่านล้อม “ท่านพ่อ ท่านแม่ เื่นี้พวกท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ พี่รองเขากลับมาแล้วก็แล้วไปเถอะ ต้าเป่าบ้านพวกข้ามันบ้า ชอบคลุ้มคลั่ง เื่นี้ใครๆ ก็รู้”
“พูดตรงๆ เลยนะขอรับ ต่อให้ไปฟ้องศาลาว่าการ ทางการก็ไม่เอาผิดคนบ้าหรอกขอรับ หากเขาจะเอาเื่ พวกข้าก็ยกต้าเป่าให้เขาก็สิ้นเื่ เขาจะฆ่าต้าเป่าทิ้งหรืออย่างไร? ใครจะไปถือสาหาความกับคนบ้ากันเล่า?”
“เฮ้อ… เพียงแต่น่าสงสารต้าเป่าของข้าจริงๆ เจวียนเอ๋อร์พูดถูก อยู่ดีๆ เหตุใดต้าเป่าถึงได้ไปไล่ตามเหมยเอ๋อร์กันเล่า”
กล่าวจบก็มองเถาซื่อด้วยแววตาและรอยยิ้มที่แฝงความนัย “ท่านแม่ จี้เครื่องรางทองคำที่ต้าเป่าสวมติดตัวอยู่หายไปแล้วขอรับ วันนั้นตอนที่พวกข้ามา ทุกคนเห็นว่าต้าเป่าสวมจี้เครื่องรางทองคำอยู่ ญาติพี่น้องหลายคนยังเอ่ยชมไม่หยุดปากเลย”
เมื่อเขาพูดจบ ใบหน้าของอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
ส่วนเถาซื่อจ้องมองด้วยสายตาดุดัน “เ้าหมายความว่าอย่างไร? พวกเ้าดูแลของไม่ดีเอง จะมาโทษคนอื่นหรือ?”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์รีบปลอบใจเถาซื่อ “ท่านแม่ ไม่ได้โทษใครหรอกเ้าค่ะ เพียงแต่มีคนเห็นว่า เหมยเอ๋อร์เป็คนดึงจี้ทองคำของต้าเป่าไป ต้าเป่าถึงได้คลุ้มคลั่งขึ้นมา”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์รีบปฏิเสธทันที “โกหก พวกเ้าโกหก จี้ทองคำอะไรกัน ข้าไม่รู้เื่ ข้าไม่เคยเห็น”
เจียงต้าไห่ยิ้มๆ “เหมยเอ๋อร์ พี่เขยไม่ได้ใส่ร้ายเ้านะ หากไม่เชื่อ พี่เขยจะไปตามคนที่เห็นเหตุการณ์มาเป็พยานเอาไหม?”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเถาซื่อได้ยินดังนั้นก็ดุด่าอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ทันที “นังเด็กสารเลว ของของหลานเ้ายังจะเอาอีกหรือ รีบเอามาคืนเดี๋ยวนี้นะ!”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ปิดหน้าร้องไห้วิ่งออกไป ไม่นานนักนางก็กลับมาพร้อมกับจี้ทองคำ โยนคืนให้อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้จะเอาเื่อะไรหรอกเ้าค่ะ ที่จริงเื่นี้ รอให้พี่รองกลับมา พวกข้ายกต้าเป่าให้เขาก็สิ้นเื่ ต้าเป่าก็เป็แค่คนบ้า พี่รองคงไม่ทำอะไรเขาหรอกเ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้ากลัวว่า เื่นี้เป็เหมยเอ๋อร์เป็คนก่อเื่ขึ้นมา หากพี่รองรู้เข้า คงไม่ปล่อยเหมยเอ๋อร์ไปง่ายๆ แน่”
เถาซื่อจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าบุตรสาวของตนคิดอะไรอยู่ นางตวาดลั่นด้วยความโกรธ “ว่าไงนะ? เ้ายังกล้ารีดไถแม่ตัวเองอีกหรือ?”
เจียงต้าไห่รีบพูด “ท่านแม่ ข้าไม่ได้จะรีดไถอะไรหรอก เจวียนเอ๋อร์แค่เป็ห่วงเท่านั้น แต่พวกข้ามีเื่อยากจะรบกวนท่านพ่อท่านแม่จริงๆ ขอรับ”
ผู้เฒ่าอวิ๋นสูบยาเส้นหนึ่งคำ แล้วเอ่ยถาม “เื่อะไร ว่ามาสิ”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์รีบพูด “ก็เื่ของเทียนเป่าน่ะเ้าค่ะ ตอนนี้เขาก็อายุสิบเจ็ดแล้ว... ข้าดูแล้ว เหลียนเอ๋อร์บุตรสาวของน้องสามก็ไม่เลว เหมาะสมกับเทียนเป่ายิ่งนัก อีกอย่าง ตอนนี้น้องสามทำงานกับพี่รอง ชีวิตความเป็อยู่ก็ดีขึ้นมาก”
“ข้าได้ยินมาว่า พี่รองให้เงินเดือนน้องสามเดือนละสองตำลึงเงิน ส่วนเหลียนเอ๋อร์ก็แค่ช่วยงานเย็บปักถักร้อยกับอวิ๋นเจียว ก็ได้เงินเดือนเดือนละสองตำลึงเงินเช่นกัน”
“พวกเด็กๆ ก็ขาย ‘เม่าไช่’ อะไรนั่นที่ในตำบล ท่านแม่ไม่รู้หรอกเ้าค่ะ ว่าขายดีมาก แม้แต่พ่อครัวจากร้านอาหารในอำเภอยังแอบไปกิน อยากจะขโมยสูตร แต่พวกเขากินมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าน้ำแกงเม่าไช่ของพวกเขามีสูตรลับอะไร”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลองคิดดูสิเ้าคะ ตอนนี้น้องสามถูกพี่รองชักจูงจนไม่สนใจพวกท่านแล้ว มีวิธีหาเงินก็ไม่คิดถึงพ่อแม่ ท่านลืมแล้วหรือว่า ค่าเล่าเรียนของน้องห้าน่ะ ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะเ้าคะ...”