พิธีเปิดกิจการนั้นเรียบง่ายมาก แค่เชิญคนมาเขียนป้ายหน้าร้านและคลุมด้วยผ้าแดง
เถ้าแก่จากร้านอาหารทั้งแปดร้านมาร่วมงานครึ่งหนึ่ง แต่ชาวบ้านที่มาดูกลับเบียดเสียดเต็มลานบ้าน
คนที่คอยช่วยเหลือยามยากมีไม่มาก แต่คนที่คอยช่วยเหลือยามได้ดีแล้วกลับมีไม่น้อยเลย หลายคนเสนอตัวช่วยงานฮั่วเสี่ยวเหวิน เช่นช่วยยกชารินน้ำให้เถ้าแก่ร้านอาหาร บางคนถึงขั้นขนโต๊ะเก้าอี้และถ้วยชามมาจากบ้านตัวเอง ทั้งที่ในยามปกติแล้วฮั่วเสี่ยวเหวินไม่เคยเห็นหน้าคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ท่ามกลางคนที่มาช่วยงาน ฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นจางอิ่นปินอยู่ในนั้นด้วย
หลังจากตัดริบบิ้นในพิธีเปิดเรียบร้อย ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินไปพูดกับจางอิ่นปินแบบไม่ไว้หน้า “ฉันไม่้าให้คุณช่วย เชิญคุณกลับไปเถอะ”
จางอิ่นปินไม่เข้าใจ เหตุใดเธอจึงรังเกียจเขาขนาดนี้
ความสงสัยแปรเปลี่ยนเป็ความโมโหอย่างรวดเร็ว เขาอุตส่าห์มาช่วยงาน มันสมควรที่เธอจะมีท่าทีเช่นนี้หรือ?
“ไอ๊หยา เศรษฐีของพวกเรารวยแล้วไม่เห็นคนอื่นในสายตา”
จางอิ่นปินยังคงมีท่าทีเหมือนอันธพาล แต่คิดดูแล้วก็ถูก คนที่ข่มขู่จางหวาและแย่งคนรักของน้องชายได้ หากไม่ใช่อันธพาลแล้วจะเป็อะไร?
ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่อยากโต้เถียงกับเขา มันมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของจางหวาฉาวโฉ่กว่าเดิมเปล่าๆ
เธอชี้ไปทางประตู “เชิญกลับไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากเห็นคนแบบคุณ เห็นแล้วสะอิดสะเอียน”
ฝูงชนที่ดูอยู่ด้านข้างรีบตีวงล้อมเข้ามา บ้างก็ชะเง้อคอฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน บ้างก็กระซิบกระซาบกันเสียงเบา
“จางอิ่นปินทำอะไรมาหรือ?”
“ไม่ได้ยินหรือ เมื่อครู่ฮั่วเสี่ยวเหวินพูดว่า ‘สะอิดสะเอียน’ เขาคงไปเป็ชู้กับภรรยาใครสักคนมาแน่”
“จริงหรือ แต่ดูแล้วก็เหมือนนะ ปกติเขาทำตัวเสเพลเอ้อระเหย ทั้งวันไม่เห็นจะทำงานทำการ”
จางอิ่นปินโกรธจนหน้าเขียว คว้าเก้าอี้มาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฮั่วเสี่ยวเหวิน แต่ยังไม่ทันลงมือก็ถูกฝูงชนที่ตาไวมือไวห้ามไว้ก่อน
ฝูงชนช่วยกันเกลี้ยกล่อม
“อย่างไรนี่ก็เป็วันเปิดกิจการของเธอ นายยอมหน่อยเถอะ”
“คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง เธออยากพูดอะไรก็ปล่อยให้เธอพูดไป ตราบใดที่นายไม่ได้ทำก็พอ”
จางอิ่นปินฟังไม่เข้าหูแม้แต่คำเดียว ตัวเขาถูกดึงรั้งไว้ทำได้เพียงะโด่าฮั่วเสี่ยวเหวินหน้าแดงก่ำ “ฉันทำอะไรมา แน่จริงก็พูดให้ชัดสิ ฉันกับเธอไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน เหตุใดเธอต้องกล่าวหาฉันแบบไม่มีเหตุผลด้วย”
ในเมื่อเื่ราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮั่วเสี่ยวเหวินมีแต่ต้องยกตัวอย่างให้ฟัง “แย่งคนรักของน้องชายไปนับหรือไม่?”
จางอิ่นปินเถียงกลับทันที “เข่อเอ๋อร์อยากอยู่กับใครก็เป็สิทธิ์เข่อเอ๋อร์ ไม่ใช่เื่ของเธอ คิดว่าตัวเองดีนักหรือไร อายุแค่นี้ก็หาผู้ชายแล้ว ฉันว่าเธอน่าสะอิดสะเอียนกว่าอีก”
จางเจียิที่ไปยกน้ำกลับมาทิ้งถังน้ำลงพื้นทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ เขาเบียดตัวเข้าไปในฝูงชนอย่างใจร้อน จากนั้นต่อยหมัดใส่ท้องจางอิ่นปิน “แน่จริงก็พูดอีกรอบสิ”
นี่ช่างเป็มวยถูกคู่ ฝูงชนปล่อยตัวจางอิ่นปิน มีคนยุยงว่า “ออกไปต่อยกันข้างนอก ออกไปต่อยกันข้างนอก”
เก้าอี้ในมือของจางอิ่นปินถูกแย่งไปั้แ่เมื่อไรไม่รู้ เขาถกแขนเสื้อขึ้น ใช้สายตามองจางเจียิซึ่งตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย “มาสิ วันนี้ฉันจะอัดนายให้ตาย”
จางเจียิเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก็แค่สู้กันไม่ใช่หรือ? เขาเคยกลัวใครที่ไหน
จางเจียิเป็ใคร เขาเป็คนที่เคยฆ่าคนและทำฮั่วต้าซานาเ็เชียวนะ พ้นคดีออกมาจากสถานีตำรวจได้เพราะมีเส้นสาย ส่วนจางอิ่นปินเป็แค่อันธพาลข้างถนนจะเอาอะไรมาสู้เขา?
ทุกคนพากันจับตาดูจางเจียิ มีคนที่ไม่ค่อยชอบจางอิ่นปินอยู่ก่อนแล้วกู่ร้องะโให้จางเจียิ บอกว่าสั่งสอนจางอิ่นปินบ้างก็ดีเหมือน
ฮั่วเสี่ยวเหวินะโขึ้นด้วยความร้อนใจ “พี่เจียิ พี่อย่ามีเื่กับเขา” แต่จางเจียิไม่ฟังเธอ สายตาที่มองไปยังจางอิ่นปินหลังจากยืนนิ่งมีความองอาจดุดันของาา
เฉินอวี่โหรวร้องะโด้วยความตื่นเต้นอยู่ด้านข้าง “หล่อมาก แข็งแกร่งสุดๆ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเหมือนไม่ได้ยินเฉินอวี่โหรวอย่างไรอย่างนั้น เธอรีบวิ่งเข้าหาจางเจียิดั่งสายลม
จางเจียิไม่สนใจเธอ เขารู้ว่าเธออยากลากเขากลับไป แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะสั่งสอนจางอิ่นปินให้ได้
เขาอยากต่อยพวกคนที่ด่าฮั่วเสี่ยวเหวินว่า ‘หาผู้ชาย’ มานานแล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่าฮั่วเสี่ยวเหวินวิ่งมาถึงแล้วจะตบหน้าเขา ใบหน้าของเขาพลันแสบร้อน จางเจียิรู้สึกสับสนงุนงงไปหมด
ในที่สุดจางเจียิก็เดินจากไป จากไปเหมือนกระทิงตัวผู้ที่พ่ายแพ้ มีคนพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย
สิ่งที่โอบล้อมเขามีเพียงความเ็ปที่หลงเหลือบนใบหน้ากับหยาดน้ำตา เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด
ฮั่วเสี่ยวเหวินมองแผ่นหลังของจางเจียิที่ค่อยๆ จากไปไกล สุดท้ายก็ทนไม่ไหว รีบเร่งฝีเท้าไล่ตามไป
“พี่เจียิ พี่ฟังฉันก่อน…”
จางเจียิหันหน้ากลับมา สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก แผลบนใบหน้าดูน่ากลัวกว่าปกติ เขาพูดเสียงสั่น “ไปให้พ้น พี่ไม่อยากเห็นเธออีกต่อไปแล้ว”
ฮั่วเสี่ยวเหวินชะงักก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเขาอย่างรวดเร็ว “พี่เจียิ พี่อย่าเป็แบบนี้ ฟังฉันอธิบายก่อน”
เธอน้ำตานองหน้าแล้วเช่นกัน พูดอ้ำอึ้งอะไรบ้างก็ไม่รู้ จางเจียิได้ยินไม่ชัด
แต่เขาก็ยอมให้เธอกอด เขาปฏิเสธอ้อมกอดของเธอไม่ลง เธอคือความอบอุ่นของเขาและเป็ที่พึ่งของเขา เขาไปจากเธอไม่ได้
แต่กระนั้นเขากลับทำใจแข็งแกะนิ้วของเธอออกทีละนิ้วและเดินจากไป ประหนึ่งไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเื่ราวจะกลายเป็แบบนี้ ฝูงชนแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว จางอิ่นปินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
ถ้าให้สู้กับจางเจียิจริง เขาคงสู้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ แต่นี่สองคนนั้นทะเลาะกันเอง เขาชนะโดยไม่ต้องลงมือ มิหนำซ้ำยังได้ชมเื่สนุก จะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
รักสนุกทุกข์ถนัด ขณะที่จางอิ่นปินกำลังอารมณ์ดี เขาไม่รู้เลยว่าที่บ้านเกิดเื่ใหญ่แล้ว
จางเจียิจากไปแล้ว เขากลับมาเก็บเสื้อผ้าที่บ้านสองสามชุดแล้วเดินไปที่โรงงานอิฐ เขารู้ว่าฮั่วเสี่ยวเหวินไม่มีที่อยู่จึงไม่อาจไล่ให้เธอย้ายออกไป
เฉินอวี่โหรวปลอบใจฮั่วเสี่ยวเหวินที่ร้องไห้ไม่หยุดอยู่ในบ้าน บอกว่าเขาแค่หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ อีกสองสามวันคงกลับมาเอง
ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบหยุดร้อง นี่ไม่ใช่เวลาจะมาร้องไห้ เธอยังมีงานต้องทำอีกเยอะ
ชาวบ้านบางส่วนที่ยังไม่กลับรีบเข้ามาแย่งงานเธอทำแบบไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แก่ใจ พวกเขาพากันพูดว่า “เสี่ยวเหวิน เธอเองก็เหนื่อยแล้ว ไปพักก่อนเถอะ พวกเราเก็บกวาดที่นี่ให้เอง”
ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็วันเปิดกิจการวันแรก แม้ฮั่วเสี่ยวเหวินจะไม่เชื่อในคำว่า ‘เค้าลาง’ แต่เป็ความจริงที่วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยเป็พิเศษ เธอเข้านอนโดยที่ไม่กินมื้อเย็น ซ้ำตื่นเช้ามาก็ไม่เจริญอาหาร
เธอกินอาหารแบบลวกๆ แล้วนอนต่อ ผักดองทำเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ไม่มีอะไรต้องทำอีก บวกกับมีแขนซ้ายแขนขวาแบบเฉินอวี่โหรวอยู่ ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่ต้องกังวล
ฮั่วเสี่ยวเหวินถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโหวกเหวกด้านนอก เธอตื่นนอนด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ
จากนั้นเป็อันต้องตะลึงงันเมื่อเดินออกไป มีผู้ชายสี่คนกับผู้หญิงห้าคนมายืนอยู่ในบ้าน หนึ่งในนั้นคือพี่ใหญ่กับพี่รองที่เคยมาบ้านของฮั่วเสี่ยวเหวินสองสามครั้ง
เฉินอวี่โหรวกำลังรินชาให้พวกเขา บอกว่าฮั่วเสี่ยวเหวินกำลังนอนขี้เซาจะรีบไปปลุกมาให้เดี๋ยวนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้