นายตำรวจขีดๆ เขียนๆ ข้อความมากมายลงบนสมุด และยื่นให้เซี่ยเสี่ยวหลานเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ
เขาไม่เขียนสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดเลยสักคำทำตามความคิดของตนเองทั้งนั้น วิธีการเช่นนี้ถูกเห็นโดยหัวหน้าหยาง ทั้งยังมีเลขาโหวอยู่ในเหตุการณ์หัวหน้าหยางโกรธเคืองเสียจนเกิดควันลอยออกจากเจ็ดทวาร [1]
ปัง—
ประตูใหญ่ถูกถีบจนเปิดออก
นายตำรวจรีบคลำหากระบองตำรวจโดยสัญชาตญาณ หลังจากได้ยินคำถามของหัวหน้าหยางแล้วเขาก็คิดในใจว่าฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณคือใคร?
แต่พอเงยหน้ามองจนแจ่มแจ้ง นายตำรวจเ้าเล่ห์รู้สึกว่าตนกำลังตาลาย
“...หัวหน้า หัวหน้าหยาง?”
แม้เขาจะทำงานในสถานีตำรวจระดับพื้นฐาน แต่ก็เคยพบหัวหน้าหยางเมื่อตอนอบรมที่สำนักงานเมือง
ด้านหลังหัวหน้าหยางยังมีผู้อำนวยการสถานีของพวกเขาตามมาด้วยดังนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ผิดแน่
คนขับรถเบาใจไปเปราะหนึ่ง หัวหน้าหยางอะไรเขาไม่รู้จัก อย่างไรเสียขอเพียงแค่เลขาโหวมาถึงแล้วก็พอ
เส้ากวงหรงอย่างกับพบญาติสนิทมิตรสหาย “พี่โหวถ้าพี่มาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว คงไม่เจอผมแล้ว!”
เลขาโหวแทบจะสะดุดล้ม หากมาช้าอีกนิดเดียวด้วยนิสัยแบบนั้นของเส้ากวงหรงก็คงแค่โดนฟาดไม่กี่ที จะมีเื่ร้ายแรงขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน?
เลขาโหวพึงพอใจไม่น้อย อันที่จริงเส้ากวงหรงฉลาดเฉลียวทีเดียวแม้ตอนทะเลาะวิวาทจะบ้าบิ่น ทว่าพอถูกจับกลับไม่อ้างชื่อของคุณลุงขึ้นมาแม้แต่คำพูดเดียวหากเื่ราวใหญ่โตขึ้นมาย่อมน่ารำคาญใจมาก แม้สุดท้ายผู้ใหญ่จะพาพวกเขาออกไปได้แต่น้ำเน่า [2] จะต้องสาดโดนศีรษะของคุณลุงไม่สามารถโดยหลีกเลี่ยงได้นินทาว่าหลานชายของใครสักคนแผลงฤทธิ์อย่างไรในสถานีตำรวจนี่มิใช่กิตติศัพท์ที่ดีนัก
เลขาโหวรำพึงในใจว่าสมกับเป็การสั่งสอนของตระกูลเส้า
ทว่าสีหน้าไม่ชัดเจน และไม่ออกตัวเป็มิตรต่อพวกของเส้ากวงหรง แต่แสดงออกด้วยความเป็การเป็งาน
เดิมทีเื่นี้ควรตัดสินใจโดยหัวหน้าหยาง
ประสาทอันตึงเครียดของเซี่ยเสี่ยวหลานผ่อนคลายในบัดดล เมื่อครู่เป็สถานการณ์ที่หนักอึ้งมากเธอได้พิจารณาความเป็ไปได้ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเมฆฝนได้เคลื่อนคล้อยไปฟ้าใหม่มาเยือนแล้ว!
ั้แ่ที่คนขับรถโพล่งถึงเลขาโหวประจำคณะกรรมการเมืองเซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้เส้นสายคร่าวๆ ของพวกคังเหว่ยทันที ไม่ว่าเธอจะเป็อย่างไรพวกคังเหว่ยทั้งสามคนก็จะไม่มีปัญหา เวลานี้เลขาโหวมาแล้ว ทั้งยังพา ‘หัวหน้าหยาง’ มาอีกด้วย...ถ้าคนของสถานีตำรวจรู้จักดี แถมขาสองยังข้างสั่นงันงกเมื่อพบหน้าคงจะไม่ใช่แค่หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของเขตซึ่งอยู่ภายใต้ซางตูสินะ?
อย่างน้อยต้องหัวหน้าสำนักงานเมืองแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกผ่อนคลายเพราะเหตุนี้
ถ้าอย่างนั้นไม่เพียงแต่คังเหว่ยและเส้ากวงหรอที่จะไม่เป็อะไรเธอก็ไม่ต้องแบกข้อหา ‘ค้ากำไรเกินควร’ แล้วเช่นกันสินะ!
“เสี่ยวหลาน...”
หลี่เฟิ่งเหมยเปล่งเสียงอย่างยากเย็น เธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานตอบเสียงเบา “ป้าไม่ต้องกลัวนะ พวกเขามาเพื่อช่วยพวกเราผดุงความยุติธรรม”
นอกจากหัวหน้าหยางจะผดุงความยุติธรรมเพื่อพวกเขาแล้วเขายังเป็ผู้บริหารที่มีไมตรีจิตเต็มเปี่ยมคนหนึ่งด้วย
เขาจับมือกับทีละคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องลำบากแล้ว! สหายของพวกเราทำงานยังไม่รอบคอบมากพอเื่นี้ต้องมีคำตอบที่ยุติธรรมแน่นอน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานสะสวยขนาดไหนกัน?
ต่อหน้าเลขาโหว หัวหน้าหยางไม่มีทางมองเธอจนเกินสมควร เขาไม่มีทางวอกแวกเพียงเพราะหญิงงามอย่าได้ดูแคลนความปราดเปรื่องของเหล่าผู้บริหารเชียว
ความกระตือรือร้นของหัวหน้าหยางแสดงออกให้เลขาโหวเห็นเท่านั้นหรือจะบอกว่าให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเลขาโหวก็ได้
ขนาดหลี่เฟิ่งเหมยยังมีโอกาสจับมือกับหัวหน้าหยางเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อวดดีแม้แต่น้อย เธอกลับเงียบงันด้วยซ้ำคังเหว่ยโผล่มาข้างหน้า เอ่ยปากตำหนิตนเองว่าจัดการเื่นี้ได้ไร้ความสามารถนัก
“พี่สะใภ้ พวกเราหุนหันพลันแล่นเกินไป”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะปฏิเสธ “ฉันผิดเอง ทำให้พวกเธอติดร่างแหไปด้วยถ้าเธอมาไม่ทันท่วงที วันนี้ฉันคงมีปัญหาใหญ่กว่านี้แน่”
เลขาโหวมองเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างลึกซึ้ง และเธอช่างน่ามองจริงๆ ด้วยดังคนโบราณว่าหญิงงามล่มเมืองไม่มีผิดเส้ากวงหรงขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อเธอถึงสามหนแล้วนี่? ตอนนี้ทำเอาโจวเฉิงหลงใหลหัวปักหัวปำได้ถึงขนาดนี้ทว่าโอกาสในการลงเอยกันนั้นช่างน้อยเหลือเกิน
ไม่ว่าใจเลขาโหวคิดอย่างไรก็ไม่กระทบต่อความสุภาพในวาจาของเขา
“คุณผู้หญิงเซี่ย คุณไม่ต้องกังวล คุณทำธุรกิจตามทำนองคลองธรรมไม่มีใครจะยื่นข้อหาค้ากำไรเกินควรแก่คุณได้แน่”
คนทั่วไปล้วนเรียก ‘คุณ’ ครอบครัวเรียก ‘เด็กน้อย’ มิตรสหายเรียก ‘เสี่ยวหลาน’ เป็ครั้งแรกเลยที่เซี่ยเสี่ยวหลานถูกคนเรียกว่า ‘คุณผู้หญิงเซี่ย’ เลขาโหวคนนี้คือผู้ช่ำชองโดยแท้จริง
“เช่นนั้นฉันก็ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเลขาโหวมีบางสิ่งจะคุยกับพวกคังเหว่ยเซี่ยเสี่ยวหลานรับรู้และเข้าใจสถานการณ์ จึงลาจากสถานีตำรวจไปพร้อมกับหลี่เฟิ่งเหมย
เลขาโหวจะวานให้คนขับรถไปส่งเธอ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานและป้าสะใภ้จากไป เลขาโหวถึงละสายตากลับมา
กิริยาธรรมชาติไม่มีการเติมแต่ง สภาวะทางจิตใจมั่นคง ไม่เหมือนเด็กสาวจากชนบทสักนิดเดียวหากเมื่อสักครู่ไม่ข่มขู่ญาติของเธอ เธอคงสามารถนิ่งสงบยืนหยัดอยู่ในสถานีตำรวจได้นานกว่านี้แน่นอน
พอเซี่ยเสี่ยวหลานจากไป เลขาโหวเปลี่ยนสีหน้าทันที ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
“เ้านายยังไม่ทราบเื่นี้นะครับ เหล่าเซียว นายดันวานคนส่งสารมั่วซั่วเสียได้ถ้าฉันมาไม่ทันเวลา พวกกวงหรงไม่เจอปัญหาใหญ่เอาหรือ?”
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยเดินเพิ่งถึงหัวมุมถนนก็พบกับคนคนหนึ่งนั่งยองอยู่บนพื้นพลางกุมศีรษะนับมด
“ลุง?!”
คนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา ั์ตามีแต่เส้นเืแดงก่ำมิใช่หลิวหย่งหรอกหรือนี่?
หลิวหย่งรู้เื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยถูกนำตัวเข้าสถานีตำรวจเขานั้นใแทบตาย ได้ยินว่าเื่ราวใหญ่โตทีเดียว เขายังไม่กล้าบอกหลิวเฟินสิ่งแรกที่ทำคือไปหาหูหย่งไฉ หูหย่งไฉได้ฟังดังนั้นก็ใเช่นกันสัญชาตญาณบอกว่าบ้านจูกำลังก่อเื่
เวลานี้จะทำอย่างไรดี?
หูหย่งไฉบอกให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากจูฟ่าง
“จูฟ่างเขาเป็คนมีเหตุผลนะ”
จูฟ่างยิ่งกว่ามีเหตุผลเสียอีก เขาเคยพบกับหลิวหย่งสองครั้ง มีมารยาทต่อหลิวหย่งมากทีเดียว
หลิวหย่งไม่มัวสนใจอะไรมากมาย คนหนุ่มสาวถึงจะให้ความสำคัญต่อศักดิ์ศรี แต่ภรรยาและหลานสาวของเขาติดอยู่ที่สถานีตำรวจทั้งคู่เช่นนี้อย่าว่าแต่ให้เขาขอร้องจูฟ่างเลย ให้เขาขอร้องติงอ้ายเจินก็ยังได้!
ทว่าพอหลิวหย่งไปถึงภัตตาคารหวงเหอ คนของร้านบอกว่าจูฟ่างไปเข้าอบรมแล้ว
ชั้นเรียนอบรมอยู่ที่ไหนเล่า?
คนเขาไม่มีทางบอกหลิวหย่งโดยง่ายดาย แต่ต่อให้รู้ว่าชั้นเรียนอบรมอยู่ที่ไหนหลิวหย่งก็ไม่ได้พบจูฟ่างอยู่ดี
เขานึกออกว่าตนเองสนิทสนมกับบิดามารดาของผู้อำนวยการโรงงานหยวน... วันนี้ช่างโชคร้ายหลังจากาเ็ได้หนึ่งร้อยวัน [3] ลุงหยวนก็ไปโรงพยาบาลเพื่อถอดเฝือกประตูบ้านปิดสนิท หลิวหย่งไร้ที่พึ่งพิงในการขอความช่วยเหลือ
เขาร้อนใจกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยจะประสบเคราะห์ร้ายที่สถานีตำรวจทำได้เพียงถ่อมาสืบเสาะด้วยตนเอง
คนของสถานีตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างในยามเฝ้าประตูรับบุหรี่หนึ่งคอตตอนของหลิวหย่งไว้ แล้วค่อยแอบบอกเขาเื่ราววันนี้เหมือนจะเกี่ยวกับการรวมกลุ่มทะเลาะวิวาทและค้ากำไรเกินควรผู้ได้รับาเ็คือแนวร่วมป้องกัน และไม่รู้เช่นกันว่าจะจัดการอย่างไร
แต่พวกเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีรากฐานใดในซางตูด้วยซ้ำสู้แนวร่วมป้องกันไม่ได้แน่นอน
หลิวหย่งเป็ลูกผู้ชายคนหนึ่งก็จริง ทว่าพออยู่ในซางตูอันแสนกว้างใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรจากแมลงวันไร้หัวไม่มีความสามารถที่จะช่วยภรรยาและหลานสาว เขาจึงทำได้เพียงนั่งยองกุมศีรษะบนถนนด้วยความทุกข์ร้อน
เมื่อได้ยินมีคนเรียก ‘ลุง’ หลิวหย่งเงยหน้าขึ้น นี่เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลี่เฟิ่งเหมยไม่ใช่หรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยใบหน้าซีดเผือด แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับดูไม่ได้รับผลกระทบใด
“พวกเธอไม่เป็ไรใช่ไหม?!”
หลิวหย่งกังวลว่าสตรีทั้งสองจะเดือดร้อนในสถานีตำรวจ เมื่อพบว่าพวกเธอถูกปล่อยออกมาแล้วก็ตื่นเต้นจนไม่รู้จะกล่าวอะไรดี
หลี่เฟิ่งเหมยเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าไม่เป็ไรแล้วหรือไม่แต่เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับอย่างมั่นใจ
“เื่ราวคลี่คลายแล้ว พวกคังเหว่ยช่วยไว้ โชคดีที่คังเหว่ยมาทันเวลา”
ความจริงขณะเลขาโหวพาหัวหน้าหยางมาถึงสถานีตำรวจหลิวหย่งก็นั่งยองบนขอบทางเท้าของถนนใหญ่แล้ว แต่เลขาโหวนั่งบนรถยนต์ จึงทำให้พวกเขาคลาดกันอีกทั้งคราวก่อนที่ช่วยเหลือหลิวหย่งเลขาโหวก็ไม่เคยออกหน้าด้วยตนเองต่อให้หลิวหย่งพบเขาย่อมจำไม่ได้อยู่แล้ว
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าเื่ราวคลี่คลายแล้ว หลิวหย่งก็ยังคงไม่สบายใจ
“คังเหว่ยมาหรือ? ตอนนี้ลุงยังสับสนอยู่เลย ตกลงมันเกิดเื่อะไรกันแน่?”
ลมหนาวพัดผ่านทำเอาหลี่เฟิ่งเหมยปากสั่นฟันกระทบ “กลับบ้านกันก่อนเถอะ...”
เชิงอรรถ
[1]七窍生烟 ไฟโทสะลอยออกจากเจ็ดทวาร หมายถึง สองตา สองหู สองรูจมูกและปากมีไฟโทสะลอยออกมา เปรียบเปรยว่าโกรธมากจนถึงจุดสูงสุด
[2]ในที่นี้หมายถึงชื่อเสียงในทางไม่ดี
[3]伤筋动骨一百天 าเ็ได้หนึ่งร้อยวัน หมายถึงอาการาเ็ของกล้ามเนื้อและกระดูกมักจะดีขึ้นภายในเวลาหนึ่งร้อยวันหรือราวสามเดือน
