มีไก่ป่าก็ต้องมีไข่ ไก่ป่าบินหนีไปเร็วมาก เซี่ยโม่ตามไม่ทัน เธอเลยเข้าไปดูตรงพุ่มไม้ที่ไก่ป่าบินออกมาว่ามีไข่อยู่หรือไม่ แล้วก็มีจริงตามคาดการณ์
แม้ในโกดังสินค้าจะมีไข่ไก่เก็บเอาไว้มากมาย แต่ก็มีประโยชน์สู้ไข่ของไก่ป่าไม่ได้
เธอเก็บไข่พวกนี้ไว้ในโกดังสินค้า ก่อนจะหยิบมีดถางหญ้าขึ้นมาแล้วเดินต่อไป จนมาถึงชะง่อนตรงสันเขาอันร่มรื่น
ทันใดนั้นสายตาพลันเห็นอะไรบางอย่างขนาดเล็กท่ามกลางพุ่มไม้เขียวขจี
เธอคิดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สภาพแวดล้อมแถวนี้เหมาะแก่การเจริญเติบโตของโสมป่าเป็อย่างมาก หรือมันจะคือโสมป่า?
เคยได้ยินอาจารย์เล่าให้ฟังว่า มีคนพบโสมคนในป่าแห่งนี้อยู่เหมือนกัน มีทั้งโสมอายุไม่กี่ปี มากสุดที่เจอคือโสมอายุห้าหกสิบปี
์ ได้โปรดดลบันดาลให้เธอเจอของดีด้วยเถอะ
เธอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เหมือนที่ในหนังสือบรรยายเอาไว้ไม่มีผิด ลองนับใบ มีทั้งหมดหกใบด้วยกัน
เซี่ยโม่ทำความสะอาดรอบๆ ต้น
ก่อนเอาเชือกกับพลั่วออกมาจากในโกดังสินค้า นำเชือกผูกต้นเอาไว้ แล้วใช้พลั่วค่อยๆ ขุด
ทราบดีว่าส่วนรากคือส่วนที่จะให้เสียหายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นราคาจะตก เธอเลยขุดอย่างระมัดระวัง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็ขุดเสร็จ มันคือโสมป่าจริงอย่างที่หวัง
เธอนำมันไปชั่งบนตาชั่งดิจิทัลที่อยู่ในโกดังสินค้า โสมต้นนี้มีน้ำหนักเจ็ดขีดด้วยกัน
มีคำกล่าวว่า โสมน้ำหนักเจ็ดขีดคือโสมที่หาได้ทั่วไป น้ำหนักแปดขีดจึงจะเป็โสมหายาก ถึงเธอเจอจะโสมน้ำหนักแค่เจ็ดขีด แต่แค่หาเจอก็นับว่าไม่เลวแล้ว
เคยได้ยินว่าต้นโสมจะขึ้นเป็กลุ่มก้อน เธอมองดูรอบๆ ว่าแถวนี้ยังมีต้นอื่นอีกหรือไม่ ทว่าก็ต้องผิดหวัง
แต่พอคิดได้ว่าวันนี้เธอเจอทั้งเห็ดหลินจือ เสี่ยวเฮย และโสมป่าหนักเจ็ดขีด ก็ถือว่าเป็โชคดีมากแล้ว
ผ่านไปได้หลายชั่วโมง เซี่ยโม่เห็นว่าสมควรแก่เวลาเดินทางกลับบ้าน
เธอมองหาทางกลับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าก่อนนี้เดินมาจากทางไหน จึงได้แต่เดินไปข้างหน้าต่อ
ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงหมาป่าดังอยู่ไกลๆ เหมือนกำลังร้องเรียกหาอะไรบางอย่างที่มีค่าสำหรับมัน
เธอรีบเร่งฝีเท้าอัตโนมัติ เดินให้ไกลจากเสียงร้องที่ได้ยินเท่าไรยิ่งดี
หมาป่าเป็สัตว์ที่อยู่รวมกันเป็ฝูง ได้ยินเสียงร้องหนึ่งตัว แสดงว่าแถวนี้ต้องมีหมาป่าตัวอื่นอยู่อีก เพราะฉะนั้นต้องหลีกหนีไปให้ไกล
เพราะความรีบเลยไม่ได้สำรวจดูรอบๆ เอาแต่เร่งฝีเท้าเพื่อออกจากบริเวณนี้
เซี่ยโม่เดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงน้ำจากแอ่งน้ำ จำได้ว่าทางที่ใช้เดินมาเธอไม่เห็นได้ยินเสียงน้ำเลย หรือตอนนี้จะเดินมาผิดทาง สองขาจึงหยุดเดินเพื่อดูเส้นทางอีกครั้ง ก็พบว่าไม่ผิดแต่อย่างใด
เธอเดินต่อไปจนถึงแอ่งน้ำ มองเงาสะท้อนของตัวเองในนั้น ใบหน้ากระดำกระด่าง เลอะเทอะไปหมด เธอเลยวักน้ำเพื่อล้างมือล้างหน้า
หยิบผ้าขนหนูออกมาจากในโกดังสินค้า เช็ดตามใบหน้าและแขน พอได้เอาน้ำล้างหน้าล้างตัว เธอรู้สึกสบายขึ้นเยอะ
แหล่งน้ำนี้มาจากใต้ดิน พอปริมาณน้ำใต้ดินสูงขึ้น ก็จะผุดซึมขึ้นมาตามซอกหินและช่องโหว่ในดิน
มิน่าทำไมตอนขาเดินมาถึงไม่เจอ หลังจากคิดจนเข้าใจที่มาที่ไปของแอ่งน้ำแห่งนี้แล้ว เธอก็เดินต่อไป
เวลานี้เองที่เธอได้ยินเสียงร้องของหมาป่าดังขึ้นอีกครั้ง เป็เสียงร้องด้วยความสิ้นหวังเหมือนไม่เจอสิ่งที่ตามหา เซี่ยโม่ขมวดคิ้ว อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
ที่น่าใคือ เหมือนเสียงหมาป่าจะดังมาจากแอ่งน้ำที่เธอล้างหน้าล้างตัวเมื่อสักครู่นี้ ทำไมมันถึงตามมาเร็วเหลือเกิน
เธอรีบเร่งฝีเท้า จนในที่สุดก็เดินออกจากป่าลึกมาได้ มาถึงทางอันคุ้นเคยซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้
เซี่ยโม่ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ที่เดินมาไม่ผิดทางจริงๆ ด้วย
เธอสะพายตะกร้าซึ่งมีเห็ดหูหนูดำอยู่ครึ่งตะกร้าลงจากเขา ระหว่างทางไม่วายเก็บเห็ดหอมใส่ตะกร้าไปด้วย
เด็กสาวกลับไปถึงบ้านตอนพลบค่ำ โดยมีตะกร้าสะพายไว้ที่หลังและในมือถือห่อผ้าเอาไว้หนึ่งห่อ
“กลับมาแล้วค่ะ!” เธอร้องะโเหมือนคนที่เพิ่งออกไปรบกลับมา
เซี่ยเฉินเฟิง คุณตา คุณยาย รวมถึงอาจารย์ รีบเดินเข้ามาหา ทุกคนมองมาที่เธอด้วยความเป็ห่วง
“โม่โม่ ทำไมถึงเพิ่งกลับมา ไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม” คุณตาถามเสียงเครียด
แม้จะเหนื่อย หากเธอก็ยังตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี “คุณตาไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูคุ้นเคยกับทางบนเขาเป็อย่างดี จะเป็อะไรไปได้”
เธอเอาตะกร้าที่สะพายอยู่บนหลังลง ก่อนจะแกะเปิดห่อผ้าที่ถือมา
ทุกคนมองลูกสุนัขสีดำสนิทที่นอนหลับอยู่ในนั้น ก่อนจะหันไปมองในตะกร้าที่มีทั้งเห็ดหอม เห็ดหูหนูดำ และกระดาษห่อใหญ่อีกสองห่อ
“โม่โม่ นี่คืออะไร” เหล่าจ้าวถามอย่างสงสัย
“อาจารย์ลองเปิดดูสิคะ”
เหล่าจ้าวทำตามคำลูกศิษย์ มือเปิดห่อกระดาษออก พอเห็นว่าภายในคือเห็ดหลินจือที่มีหกแฉกก็ตาโตนิ่งตะลึงไป
“โม่โม่ เธอไปเจอเห็ดหลินจือมาเหรอเนี่ย”
“อาจารย์ เห็ดหลินจือพวกนี้ขายได้ราคาประมาณเท่าไรคะ”
เหล่าจ้าวมองอย่างพิจารณาก่อนจะตอบ “น่าเสียดายที่เป็เห็ดหลินจือสีแดงธรรมดา ถ้าเป็สีม่วงจะมีราคามากกว่า แต่ดีที่เป็ดอกใหญ่ น่าจะขายได้ประมาณดอกละห้าหกสิบหยวน ส่วนดอกเล็กน่าจะขายได้ประมาณดอกละห้าหกหยวน”
เซี่ยโม่คำนวณมูลค่าทันที รวมกันก็ได้ประมาณเจ็ดถึงแปดสิบหยวน
เธอถอนหายใจ จำนวนเงินไม่พอตามคาด โชคดีที่เธอเจอโสมป่าอีกอย่าง
“อาจารย์ ลองเปิดอีกห่อดูสิคะ” เด็กสาวพูดต่อ
เหล่าจ้าวเปิดอีกห่อดู ทว่าเวลานี้เองมีที่เสียงขู่ดังขึ้น เมื่อหันไปมอง พบว่าเซี่ยเฉินเฟิงไปกวนจนเสี่ยวเฮยตื่นขึ้นมา
ลูกสุนัขคงใที่เห็นคนแปลกหน้ามากมายกำลังรุมล้อมมัน มันก้าวถอยหลังพร้อมกับส่งเสียงขู่ในลำคอ
เธอกลัวว่าเสี่ยวเฮยจะกัดน้องชายเลยรีบวิ่งเข้าไปหา “เฉินเฟิง เราอยู่ห่างจากมันก่อน มันยังไม่คุ้นกับเรา รอมันคุ้นกับเราเมื่อไรค่อยเข้าใกล้มัน
เซี่ยเฉินเฟิงถอยออกห่างอย่างเชื่อฟัง
“เสี่ยวเฮย ต่อไปที่นี่คือบ้านหลังใหม่ของแก” เธอลูบหัวเสี่ยวเฮยพลางพูดปลอบ
พอเสี่ยวเฮยได้กลิ่นอันคุ้นเคย แววตากลับมาสงบนิ่งว่าง่ายเหมือนเดิม มันหลับตาพริ้ม ปล่อยให้เซี่ยโม่ลูบหัวอย่างวางใจ
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเฮยหลับอยู่ เหล่าจ้าวจึงไม่ได้สังเกตนัก แต่พอได้เห็นก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “โม่โม่ เราเก็บมันมาจากไหน”
“บนเขาค่ะ ฉันเห็นมันได้รับาเ็ก็เลยพากลับมาด้วย ตั้งชื่อให้มันว่าเสี่ยวเฮย ว่าจะให้มันเป็เพื่อนเล่นกับเฉินเฟิง ทำไมเหรอคะ” เธอตอบ
“มันไม่น่าใช่ลูกสุนัขนะ น่าจะเป็ลูกหมาป่ามากกว่า” ชายชราสันนิษฐาน
หมาป่า?
สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็ตื่นใ เซี่ยโม่เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ เธอนึกถึงเสียงร้องเรียกหาอะไรบางอย่างของหมาป่าตอนยังอยู่บนเขา
หรือเสียงร้องที่ได้ยินตอนนั้นจะเป็เสียงร้องของแม่หมาป่า?
ตอนล้างหน้าล้างตัวกับแม่น้ำในลำธาร เธอเอาเสี่ยวเฮยไว้ในโกดังสินค้า
พอแม่มันไม่ได้กลิ่นของลูกถึงได้ร้องเรียกกระมัง
“อาจารย์ งั้นจะทำยังไงดีคะ” เซี่ยโม่ถามเสียงร้อนรน
“อย่าเพิ่งร้อนใจ มันเชื่องกับเธอ ไม่น่าเป็อะไร จริงสิ ตอนที่เธอเจอมัน เธอเห็นหมาป่าตัวอื่นอยู่แถวๆ นั้นบ้างไหม” ชายชราตอบอย่างใจเย็น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้