ในที่สุด รถม้าของชาร์ลส์ก็มาถึงเขตเมืองเก่า ภาพตรงหน้าช่างแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของเมืองราวกับคนละโลก บ้านเรือนที่นี่ส่วนใหญ่เป็เพิงไม้ผุพังและกระท่อมที่ดูเก่าโทรม บางหลังถูกไฟไหม้จนเหลือแต่เศษซาก บางหลังก็พังถล่มลงมาครึ่งๆ กลางๆ ผนังมีรอยคราบสกปรกเปรอะเปื้อน ราวกับไม่เคยมีใครทำความสะอาดมานานแสนนาน
ตามท้องถนนขรุขระเต็มไปด้วยเศษขยะ สิ่งปฏิกูล และน้ำขังสีดำทะมึน กลิ่นเหม็นอับชวนขยะแขยง ผสมปนเปกับกลิ่นอายเหล้าจากโรงเหล้าราคาถูกที่ตั้งอยู่ริมถนน เสียงทะเลาะเบาะแว้งและเสียงโวยวายด่าทอดังลอยมาให้ได้ยินเป็ระยะๆ
ผู้คนในย่านนี้ส่วนใหญ่มีสภาพไม่ต่างจากสิ่งแวดล้อมมากนัก พวกเขาสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นเก่าคร่ำ บางคนใบหน้ามอมแมมและมีริ้วรอยจากความยากลำบากในชีวิต บางคนมีท่าทางคลุ้มคลั่งเหมือนเป็โรคจิต บางคนเมามายจนแทบจะเดินไม่ไหว ทุกคนมีแววตาเคียดแค้นและความก้าวร้าวปนอยู่ในนั้น ดูเหมือนพวกเขาพร้อมจะทำร้ายใครก็ตามที่เข้ามาในอาณาเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต
ชาร์ลส์กลั้นใจหายใจลึก หยิบผ้าขึ้นมาปิดจมูกใช้กลิ่นผ้ากลบกลิ่นเหม็นรอบข้าง มองออกไปรอบกาย ตัดสินใจะโบอกให้คนขับหยุดรถ ก่อนจะค่อยๆ ลงจากรถม้าอย่างระมัดระวังตัว สายตากวาดมองไปรอบด้านอย่างรอบคอบ
"คุณจะอยู่ที่นี่นานไหม ผมว่าคุณควรจะรีบทำธุระแล้วไปเถอะ ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่" คนขับพูดเสียงตัวสั่น เขาไม่กล้าแม้กระทั่งจะก้าวลงจากรถ แววตาเปี่ยมไปด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าอาจจะมีใครโผล่มาทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้
"น่าจะพักใหญ่เหมือนกัน อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง" ชาร์ลส์พึมพำ ก่อนจะล้วงเงินออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้คนขับรถม้าเป็จำนวนหนึ่งเครเซโดสี่สิบเดนาริอุส เรียกได้ว่าค่าโดยสารครั้งนี้แพงสะบัด
ชาร์ลส์จ่ายในราคาที่สูงกว่าอัตราปกติทั่วไปเล็กน้อย เนื่องจากเดินทางไปยังเขตที่อันตรายและห่างไกล คนขับจึงคิดราคาแพงขึ้น อีกทั้งชาร์ลส์เองก็ให้ทิปเพิ่มเพราะขอบคุณที่อีกฝ่ายกล้ามาส่งถึงถิ่นทุรกันดารเช่นนี้
"เอ้า นี่ค่าโดยสาร อีกนี่เป็ทิปให้ด้วย ขอบใจจริงๆ นะ ที่มาส่งจนถึงที่นี่"
คนขับรถรีบกำเงินมาแน่น ก่อนจะขับรถม้าออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง ปล่อยให้ชาร์ลส์ยืนเดียวดายอยู่ท่ามกลางย่านอันตรายและชวนขนลุก
ชาร์ลส์ถอนหายใจยาว เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือหาเบาะแสเกี่ยวกับไมเคิลให้เจอ
'ถ้าอยากเริ่มต้นตามหาเบาะแส ควรจะไปที่ไหนก่อนดี?' ชาร์ลส์ครุ่นคิด พลางเหลือบมองไปรอบๆ ด้วยความกังวล
เขาเดินลึกเข้าไปในตรอกซอกซอยแคบๆ ของเขตเมืองเก่าเรื่อย ๆ ตาจ้องมองหาสิ่งผิดปกติ แต่ในขณะเดียวกัน ความกังวลเื่ที่อาจถูกสะกดรอยตามก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขาจำเป็ต้องต้องยืนยันข้อกังขาอันนี้เสียก่อน เพื่อที่จะได้ทุ่มเทกับการสืบหาเบาะแสอย่างเต็มที่
จังหวะนั้น ชาร์ลส์สังเกตเห็นทางตันแคบๆ ทะมึน แทรกตัวอยู่ระหว่างตึกรามบ้านช่อง เขาจึงรีบเลี้ยวเข้าไปในนั้น ตั้งใจจะเป็การล่อให้คนที่อาจจะแอบสะกดรอยตามเข้ามาติดกับ ก่อนที่เขาจะหาทางหลบหนีออกอีกทางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินวกวนไปเกือบครึ่งชั่วโมง ชาร์ลส์ก็มาหยุดยืนตรงจุดที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์และการซ่อนตัว เขาเลือกยืนอยู่ด้านหลังกองขยะขนาดใหญ่ ข้างเสา และกำแพงบ้านทรุดโทรม ซึ่งเป็จุดอับสายตาจากด้านนอก จากนั้นเขาจึงค่อยๆ โน้มตัวลงไปสำรวจกวาดสายตาสำรวจพื้นอย่างพิถีพิถัน
ไม่นาน สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยเท้าน่าสงสัย รอยเท้าเ่าั้ชัดเจนและกระจุกตัวอยู่ในระยะใกล้ๆ กันราวสามจุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละจุดก็มีระยะห่างพอสมควร บ่งบอกว่าน่าจะเป็รอยเท้าของคนละคน
เขาจดจ่ออยู่กับรอยเท้าเ่าั้อย่างใคร่ครวญ รอยแรกเป็รอยเท้าขนาดใหญ่ ลึกมากจนผิดปกติ ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะมาจากน้ำหนักของผู้สวมรองเท้า ส่วนอีกสองรอยมีขนาดเล็กกว่า รอยหนึ่งมาจากรองเท้าหนังทรงเรียบ ส่วนอีกรอยดูประหลาดตา ราวกับเป็รอยเท้าของคนเดินโซเซไม่ค่อยมั่นคง เพราะรอยบุ๋มลึกและเว้าแหว่งกว่าปกติ
ชาร์ลส์คาดเดาว่า คนที่สะกดรอยตามเขานั้น น่าจะมีอย่างน้อยสองถึงสามคน โดยมีชายร่างั์ที่หนักเกินกว่าธรรมดาอย่างน้อยหนึ่งคน คนที่สองสวมใส่รองเท้าหนังมีราคา ซึ่งไม่น่าใช่รองเท้าของคนธรรมดาทั่วไป ส่วนรอยสุดท้ายนั้น อาจจะเป็คนเมา คนป่วย หรือคนแก่ที่เดินไม่ค่อยสะดวก แต่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการสะกดรอยเท่าไหร่
ยืนยันแล้วว่า อย่างน้อยมีสองคนแน่ๆ ที่คอยติดตามเขาอยู่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจึงต้องเป็ไปด้วยความรอบคอบที่สุด
แต่คนที่ส่งสายสะกดรอยพวกนี้มาคือใครกัน? พวกเขาเ่าั้เป็ใคร? ้าอะไรจากเขากันแน่? และที่สำคัญที่สุด… มันมีความเกี่ยวโยงกับการหายตัวไปของไมเคิล เบิร์กหรือไม่?
ชาร์ลส์ถอนหายใจ เขาต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องหาเบาะแสเกี่ยวกับไมเคิลให้ได้ บางทีอาจจะต้องหาใครสักคนในย่านนี้ที่พอจะน่าไว้ใจ เผื่อเขาจะช่วยบอกข้อมูลเกี่ยวกับไมเคิลบ้าง อาจจะเคยเห็นเขาผ่านไปมาใน่ที่ผ่านมานี้ก็ได้
แต่ยังไม่ทันที่ชาร์ลส์จะลุกออกไปจากจุดซ่อนตัว เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชายสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเข้าซอยแคบ สายตากวาดมองไปรอบๆ เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง
ชาร์ลส์แน่ใจว่า พวกนั้นคือพวกที่สะกดรอยตามเขามาจากบ้านไมเคิลแน่ๆ ใบหน้าของพวกเขาตึงเครียด เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ประหนึ่งเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่อ ซึ่งเหยื่อนี้ก็คือตัวเขานั่นเอง
ทันใดนั้น สายตาของชายทั้งสองก็ปะทะกับชาร์ลส์ พวกเขาชะงักไป ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
ชาร์ลส์รู้ตัวว่าเขาหมดทางซ่อนแล้ว พวกนั้นจับได้แล้วว่าเขาแอบรู้เื่ที่ถูกตามติด และพยายามหาทางเอาตัวรอด แผนการเดิมของเขากำลังจะล่มลง เขาจะทำอย่างไรดี?
ไม่รอช้า ชายปริศนาสองคนก็พุ่งตรงดิ่งเข้ามาหา ท่าทางพร้อมจะจับกุมเขาให้ได้ ทุกย่างก้าวของพวกเขาดูมุ่งมั่น รวดเร็ว และไม่ลังเลแม้สักนิด
ทว่าชาร์ลส์ไม่คิดจะเสี่ยงต่อสู้ เขาตัดสินใจวิ่งหนีทันทีโดยไม่คิดมาก เลี้ยวตัดเข้าไปในตรอกซอกซอยคดเคี้ยว มุ่งหน้าเข้าไปในเขตเมืองเก่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้ากึกก้องวิ่งไล่ตามมาติดๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก
ชาร์ลส์พยายามวิ่งเลี้ยวไปตามทางแคบต่าง ๆ เลือกเส้นทางที่คดเคี้ยวที่สุด หวังจะให้คนที่ไล่ตามเขางงทิศทาง แต่ดูเหมือนพวกมันจะคุ้นชินกับเส้นทางซอกซอยในเขตนี้ดี ยังคงวิ่งตามมาได้อย่างสบายราวกับจับทางไว้ก่อนแล้ว
หัวใจของชาร์ลส์เต้นระรัว เหงื่อไหลอาบแผ่นหลัง ทุกย่างก้าวต้องระวังตัวเพราะพื้นขรุขระเป็หลุมเป็บ่อ กลิ่นสิ่งปฏิกูลคลุ้งไปทั่ว ผสานกับเสียงอึกทึกของผู้คนตามตรอกซอกซอย ลมหายใจของเขาขาดห้วงเป็ระยะ หัวเข่าเริ่มอ่อนแรง แต่ชาร์ลส์ก็ฝืนวิ่งต่อไปอย่างสุดกำลัง ไม่อาจหยุดได้เป็อันขาด
ระหว่างวิ่งหนีอย่างระทึก เขาพยายามหาทางออกจากเส้นทางตันให้ได้ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเลยสักนิด เมื่อเลี้ยวไปเจอตรอกที่ถูกกำแพงสูงปิดตาย ไม่มีทางออกไปได้อีกแล้ว
ชาร์ลส์หยุดยืน หันไปมองด้านหลัง สองชายที่ตามเขามาก็วิ่งมาถึงพอดี พวกเขาหยุดยืนตรงหน้าชาร์ลส์ในระยะ ท่าทางขึงขังและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
"พวกแกเป็ใครกัน? ทำไมถึงต้องตามฉันด้วย?" ชาร์ลส์ะโถามทั้งสองคน สายตาจ้องเขม็งอย่างไม่ไว้ใจ
"ก็แค่อยากมาถามไถ่เื่บางอย่างกับคุณเท่านั้นเอง ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นก็ได้" ชายร่างใหญ่ตอบ แต่น้ำเสียงยังคงมีความหนักแน่น
"ถามเื่อะไร?" ชาร์ลส์ถามต่ออย่างยั้งคิด
"เราแค่อยากถามเกี่ยวกับการที่คุณไปบ้านของไมเคิล เบิร์ก"
"ผมแค่ไปเก็บข้อมูลเื่การหายตัวไปของเขาเท่านั้น ถ้ามีอะไรผมยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่" ชาร์ลส์พูด พยายามทำท่าทางสงบนิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างมาก
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรกับการตอบคำถามพวกเราสักหน่อยใช่ไหม เชิญตามผมไปที่รถม้าสักครู่ จะได้คุยกันให้รู้เื่ดีๆ" ชายอีกคนพูดด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
ชาร์ลส์เหลือบมองรอบกาย ตรอกแคบๆ นี้ไม่น่าจะมีใครผ่านมาช่วยเขาได้แน่ ยิ่งเป็เขตเมืองเก่าด้วยแล้วก็ยิ่งแล้วใหญ่
ดูจากท่าทีของสองคนนั้น บวกกับการที่พวกเขาพยายามไม่เปิดเผยตัวตนมากนัก ทำให้ชาร์ลส์คิดว่าพวกเขาน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา
ถึงชาร์ลส์จะพยายามอธิบายความบริสุทธิ์ใจของตน แต่สายตาของอีกฝ่ายก็ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับยิ่งมีแววคาดคั้นมากขึ้น
"เอาเถอะ อย่ามัวเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกันเลย คุณก็แค่ทำตามที่เราบอก แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี"
ไหล่ของชาร์ลส์เกร็งขึ้นทันที เมื่อเห็นท่าทีคุกคามที่ชัดเจนขึ้น ถ้าแสดงท่าทางว่าจะไม่ยอมไปกับพวกเขา การปะทะก็คงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เขาค่อยๆ ถอยหลังไปจนชิดผนัง ก่อนจะเงยหน้ามองคนทั้งสอง
"เสียใจนะ แต่ผมไม่คิดว่าจะไปกับพวกคุณง่ายๆ หรอก เพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกคุณเป็ใคร เชื่อถือได้แค่ไหน ถ้าคิดจะพาผมไป ก็ต้องมีใบอนุญาตมาด้วย"
พูดจบราวกับลูกศรถูกยิงออกจากหน้าไม้ ชายทั้งสองพุ่งตรงเข้ามาหาชาร์ลส์ทันที ท่าทางพร้อมจะจับกุมเขา แต่นักสืบหนุ่มเองก็ไม่ใช่มือใหม่ เขาใช้ความชำนาญการต่อสู้ป้องกันตัวจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม เหวี่ยงหมัดหนักๆ สวนกลับไปด้วยความแม่นยำ ใส่หน้าอีกฝ่ายจนถอยกลับไป
"ไอ้บ้า! เป็มวยนี่หว่า" คนหนึ่งร้องเสียงดัง อีกคนพยายามเข้าหาชาร์ลส์ที่กระโจนหลบอยู่อีกฝั่ง
ชาร์ลส์พยายามตั้งการ์ดป้องกันให้ดีที่สุด ขณะที่คู่ต่อสู้ทั้งสองพยายามเข้าโรมรันเขาอย่างดุเดือด กำปั้นและเท้าฟาดเข้าใส่เขาไม่ยั้ง แม้ว่าชาร์ลส์จะสามารถเอาตัวรอดและโต้กลับได้อย่างเฉียบคม แต่เขาก็ยังคงเสียเปรียบในแง่ของจำนวนและความอ่อนล้าจากการหลบหนี ทำให้ต้องคอยถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว
ระหว่างนั้น เขาก็ยังคอยระวังตัวกับความเคลื่อนไหวของบุคคลที่สาม จากรอยเท้าน่าสงสัยที่พบ บางทีอาจจะมีการเรียกกำลังเสริมเข้ามาอีกก็เป็ได้
ชาร์ลส์รู้ว่ายิ่งยื้อเวลานานเท่าไหร่ โอกาสที่จะหลุดรอดก็ยิ่งน้อยลงทุกที เขาจึงตัดสินใจเสี่ยงอีกครั้ง รอจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอ เขาก็รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี วิ่งพรวดเข้าใส่คนที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วะโข้ามผ่านไปอย่างหวุดหวิด
หนึ่งในนั้นเห็นท่าไม่ดี ทันใดนั้นก็ท่องคำร่ายประหลาดออกมาว่า "ฮฺเรโอดา!" พร้อมกับสะบัดมือไปข้างหน้า จากนั้นแรงกระแทกที่มองไม่เห็นก็พัดผ่านไปเฉียดชาร์ลส์อย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย! อะไรเนี่ย!" ชาร์ลส์ตาค้างอุทานออกมาอย่างใ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่รุนแรงและอันตราย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คำร่ายประหลาดก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แรงกระแทกนั้นเข้าปะทะตัวเขาอย่างจัง
ความปวดร้าวแล่นพล่านไปทั่วกาย เหมือนถูกกระแทกเข้ากับร่างคนทั้งร่างที่ถูกโยนมาอย่างแรง กล้ามเนื้อทุกส่วนเ็ป ชาร์ลส์กระเด็นลงไปกองกับพื้น ตาพร่ามัวไปหมดจากความเ็ปที่ถาโถม
ก่อนจะหมดสติไป ภาพสุดท้ายที่เห็นคือท้องฟ้าที่ยังคงยังครึ้มกับร่างของคนที่อัดเขาที่กำลังก้าวเข้ามาหาเขา ในดวงตาของพวกนั้นฉายแววตื่นตระหนกลุกลี้ลุกลน ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงในความมืดมิด...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้