จากที่หลิงเซียวเห็น หลิวลี่ฉิงกับตั้นไถเมี่ยวอิ๋นนั้นร่ายรำอยู่จริงๆ แ่เบาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่นิด
ฝีมือแค่นี้ถ้าส่งออกไป ไม่กี่วันก็คงตายด้วยดาบคนอื่น รูปโฉมก็ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเทียบกับดูนางสองคนแล้ว ดูโหยวเสี่ยวโม่ดีกว่าอีก
เมื่อคิดแบบนี้ หลิงเซียวก็ละสายตาจากสองคนนั้นมาหยุดที่โหยวเสี่ยวโม่ ไม่คิดว่าจะเห็นสายตาเป็ประกายจดจ้องสองนางบนเวที แทบละสายตาไม่ได้ หลิงเซียวก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นในใจอย่างไม่มีสาเหตุ
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ทันสังเกตุคนข้างๆ ที่เริ่มอารมณ์บูด ยังคงดูอย่างไม่ลดละ
หลิงเซียวข่มอารมณ์โกรธ เอ่ยถามเสียงเบา “ศิษย์น้องเล็ก น่าดูมากงั้นรึ?”
โหยวเสี่ยวโม่พยักหน้างึกๆ ตอบโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง “น่าดูซี่ ศิษย์พี่สองท่านเยี่ยมไม่เบา”
หลิงเซียวหรี่ตาดูน่าอันตราย “อ่อ นั่นเพราะพวกนางต่อสู้น่าดู หรือเพราะหน้าตาดีกันล่ะ?”
ในที่สุดโหยวเสี่ยวโม่ก็เฉลียวใจ ฟังคำพูดนี้แล้ว เขาก้มหน้าอย่างเขินอาย ตอบเสียงเบา “น่าดูหมดเลย หรือท่านไม่คิดเช่นนั้น…” พูดพลางเงยหน้ามองเขา ปรากฏว่าพูดต่อไม่ออก
“ไม่คิดเช่นไหนงั้นหรือ?” หลิงเซียวยิ้มกริ่มมองเขา
“ไม่…” โหยวเสี่ยวโม่ตัวสั่นเทิ้ม ท่าทางนี้ดูคุ้นเหลือเกิน คุ้นจนเห็นทุกเมื่อก็จะตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ โอ้แม่เ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย ทำไมคุณชายท่านนี้ถึงโมโหอีกแล้ว? เขารู้แค่ว่า หลิงเซียวโมโหทุกครั้ง คนที่ซวยก็คือเขา
“ไม่งั้นหรือ แล้วเมื่อครู่เ้าดูอะไรถึงจดจ่อขนาดนั้น” หลิงเซียวยังคงยิ้ม
“เอ่อ ดู…ดูต่อสู้…” โหยวเสี่ยวโม่ยังคงสั่น
“ต่อสู้มีอะไรน่าดู?” หลิงเซียวถามอย่างอ่อนโยน
“ที่จริง…ที่จริงก็ไม่มีอะไรน่าดู…” จากเสียงที่อ่อนโยนของเขา โหยวเสี่ยวโม่ฟังแล้วขนลุกชัน
คำตอบนี้หลิงเซียวพอใจอย่างยิ่ง สีหน้าอ่อนโยนแต่ก็แฝงความเหี้ยมโหดนั่นหายไปทันใด แทนที่ด้วยความรักใคร่พวกพ้องร่วมสำนัก ลูบหัวโหยวเสี่ยวโม่อย่างอิ่มอกอิ่มใจ ยิ้มแล้วเอ่ย “ในเมื่อไม่น่าดู งั้นเราไม่ต้องดูดีกว่า”
โหยวเสี่ยวโม่หดคอพยักหน้ารัว แต่ในใจน้ำตาหลั่งรินเงียบๆ ศิษย์พี่หลิงน่าสยองจริง!
ขณะนี้ บนเวทีการต่อสู้ก็คืบคลานเข้าสู่่ท้าย แต่ผลกลับผิดคาด คนที่ชนะคือตั้นไถเมี่ยวอิ๋น
บนเวที ชุดผ้าขาวบางสวยย่างกรายท่วงท่าสุภาพ ทำให้ตั้นไถเมี่ยวอิ๋นดูสง่าดูดีมีสกุล ผิวพรรณนวลเนียน ยืนอยู่บนเวทีราวกับเทพธิดาลงจาก์ จากการต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดเมื่อครู่ ใบหน้ารูปไข่ห่านจึงมีเืฝาดแก้มอมชมพูระเรื่อ ราวกับดอกไม้สีสันสดใสน่าดูชม ร่างบางสะโอดสะองค์ดูแล้วใจเต้น
สาวงามที่เอวบางร่างน้อยเช่นนี้ กลับชนะหลิวลี่ฉิงที่ดูแข็งแกร่งกว่า
คนที่กระเด็นออกจากเวทีอย่างหลิวลี่ฉิงก็ไม่คาดคิดเช่นกัน ได้แต่ยืนอึ้งมองไปยังตั้นไถเมี่ยวอิ๋นที่อยู่บนเวที สายตายากที่จะเชื่อ คงเพราะตัวเองมั่นใจเกินไป แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าตั้นไถเมี่ยวอิ๋นนั้นมีฝีมือซ่อนอยู่
เริ่มแรกนางก็ปกปิดพลังที่เลื่อนมาสองขั้น แกล้งทำทีเป็สูสีกับหลิวลี่ฉิง จวบจนถึงตอนที่เริ่มอ่อนแรง อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายนึกว่านางก็อ่อนแรงเหมือนกันด้วยความไม่ทันตั้งตัวก็เผยพลังนั้นและโจมตีทันใด ถึงได้แอบโจมตีได้สำเร็จ
นี่เป็การสั่งสอน และยังเป็การแสดงพลังที่แท้จริงของตั้นไถเมี่ยวอิ๋นอีกด้วย
“ศิษย์พี่หลิว ออมมือข้าแล้ว!” ตั้นไถเมี่ยวอิ๋นยกมือคำนับไปทางหลิวลี่ฉิงด้านล่างเวที น้ำเสียงก้องกังวาน ไม่เสแสร้งแกล้งทำ ไม่ปวกเปียก จากนั้นจึงได้รับความชื่นชมอย่างมากจากผู้ชม ในขณะที่นางกำลังพูด ก็ปรายตามองมายังหลิงเซียว
จังหวะนี้โหยวเสี่ยวโม่เห็นที่แอบเหลือบมองไปทางนั้นเห็นเข้าพอดี
ทว่าโหยวเสี่ยวโม่ก็สำเนียกตัวเองรู้ว่านางไม่ได้มองตัวเอง แม้นางจะมองมาทางนี้ก็ตาม เพราะด้านข้างเขายังมี ‘บุรุษผู้น่าหลงใหล’ อยู่ทั้งคน
ความเป็จริงนี้ทำให้โหยวเสี่ยวโม่ก้มหน้าซึม เขาไม่มีดวงเื่ผู้หญิงจริงๆ โดยเฉพาะตอนอยู่กับหลิงเซียว
โหยวเสี่ยวโม่หารู้ไม่ว่า ท่าทีของเขานี้ทำให้หลิงเซียวชอบใจอย่างไม่รู้ตัว
ท่าทางของตั้นไถเมี่ยวอิ๋นเขาก็เห็น แต่เพราะทั้งสองคนนั่งด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงคิดว่านางมองโหยวเสี่ยวโม่ พลันอารมณ์ไม่ดี แต่พอโหยวเสี่ยวโม่ก้มหน้าไม่ได้มองกลับไปทางตั้นไถเมี่ยวอิ๋น อารมณ์บูดนั่นก็พลันถูกเตะไปอีกทาง
“ศิษย์น้องเล็ก อย่าพึ่งเศร้าใจ นี่แค่คู่ที่สองเท่านั้น ถัดไปยังมีอีกหลายคู่ ค่อยๆ ชม” หลิงเซียวยิ้มแย้มปลอบใจเขา
โหยวเสี่ยวโม่เบ้ปาก เมื่อกี้คือใครกันที่ขู่ไม่ให้เขาดูการประลอง?
อีกฟากหนึ่ง เมื่อเห็นจุดสนใจของหลิงเซียวไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง ตั้นไถเมี่ยวอิ๋นสีหน้าผิดหวังเดินลงจากเวที อุตส่าห์นึกว่าจะได้ใช้โอกาสนี้ยื้อสายตาของหลิงเซียวได้นานอีกซักหน่อย แบบนั้นถึงจะทำให้ศิษย์พี่ใหญ่เห็นจุดเด่นของนางได้
ฝั่งตรงข้าม คนที่เห็นท่าทีทั้งหมดอยู่ในสายตาอย่างทัวอวิ๋นฉีทำเสียงฮึ จะแย่งศิษย์พี่ใหญ่กับข้าหรือ ไม่มีทาง!
ทังอวิ๋นฉีรู้ว่าเซียวเกอนั้นเลิศเลอแค่ไหน บรรดาสาวน้อยใหญ่ในสำนักเทียนซินต่างชื่อชอบเซียวเกอของนาง หนึ่งในนั้นก็คือตั้นไถเมี่ยวอิ๋น คนอื่นอาจดูความรู้สึกนางไม่ออก แต่ผู้หญิงด้วยกันย่อมดูออกชัดเจน ศัตรูหัวใจคนนี้นางไม่เห็นอยู่ในสายตา นางรู้เพียงว่าศัตรูตัวฉกาจตอนนี้ก็คือโหยวเสี่ยวโม่ที่นั่งอยู่ข้างหลิงเซียวตอนนี้
คิดถึงจุดนี้ ทังอวิ๋นฉีกวาดสายตามองโหยวเสี่ยวโม่สายตาอำมหิต เดิมทีนางตั้งใจจะจัดการเขา่การประลองสุดท้าย แต่ดูจากตอนนี้ที่โหยวเสี่ยวโม่สวมชุดเซียวเกออยู่ นางก็อิจฉาแทบตาย ทนรออีกไม่ไหวแล้ว
เหตุการณ์เล็กน้อยผ่านไป การประลองก็ดำเนินต่อ
คู่ที่สาม คู่ที่สี่…คู่ที่สิบ ผู้ชมชะเง้อคอชมกันจนคอยาว สิบเอ็ดคู่ก่อนหน้าก็ยังไม่มีชื่อหลิงเซียว ผิดหวังคู่แล้วคู่เล่า จนถึงคู่สุดท้าย ตอนนี้ในกล่องฉลากชื่อเหลือชื่อเพียงสามคนเท่านั้น
เพราะการประลองรอบที่สองมีเพียงยี่สิบห้าคน หนึ่งต่อหนึ่งมีทั้งหมดสิบสองคู่ แบบนี้ก็จะมีเศษคนนึง ดังนั้นการจับฉลากครั้งต่อไปจะเป็คู่สุดท้าย และใบสุดท้ายในกล่องก็คือผู้โชคดีได้ผ่านรอบต่อไป
ผู้คนต่างพากันลุ้นทุกท่าทางของผู้าุโเจียง แต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็ศิษย์พี่อีกสองคนที่ยังไม่ได้ต่อสู้
พอนึกถึงว่าทั้งสองอาจได้ต่อสู้กับหลิงเซียว ทั้งสองก็หมดหวัง ดังนั้นจึงแอบภาวนาอยู่ในใจ ไม่ให้จับชื่อโดนคู่ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่พวกเขาคนใดคนนึงผ่านเข้ารอบ ก็ต้องเป็ศิษย์พี่ใหญ่
ผู้าุโเจียงหน้านิ่งเฉย ไม่ได้ดูตื่นเต้นแต่อย่างใด ในสายตาผู้ชม มือค่อยๆ ยื่นลงไปในกล่องพร้อมหยิบกระดาษออกมาสองใบ คลี่ออกดูชื่อในนั้น คิ้วผูกปมเล็กน้อย ก่อนขานเสียงขึ้น “การประลองคู่ที่สิบสองได้แก่ เฉินหยาง และ เกาจวิ้น”
ผลลัพธ์นี้คือมีทั้งเื่น่ายินดีและน่าเศร้า
น่าเศร้าคือศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ประลองสองวันติด ทำให้คนที่รอชมการต่อสู้ของหลิงเซียวต้องผิดหวัง ส่วนที่น่ายินดีคือดวงศิษย์พี่ใหญ่ช่างดีอะไรเช่นนี้ ครั้งแรกกับโจวเผิงก็ถอนตัว ครั้งนี้ก็เป็ผู้โชคดีผ่านเข้ารอบโดยไม่ต้องแข่ง โชคไม่ธรรมดาเสียจริง
แต่คนที่ทั้งดีใจทั้งเสียใจจริงๆ คือเฉินหยางกับเกาจวิ้น ไม่ต้องต่อสู้กับศิษย์พี่ใหญ่นั้นน่าดีใจ แต่ก็เศร้าใจที่ไม่ได้เป็ผู้โชคดี ช่างน่าเสียดาย นานทีจะได้มีโอกาสเช่นนี้
“ศิษย์พี่หลิง ท่านดวงดีจังเลย” โหยวเสี่ยวโม่เอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ ถ้าปกติเขามีโชคแบบนี้ก็ดีสิ
“บางครั้งโชคดีก็อาจจะไม่ใช่เื่ดี” หลิงเซียวยิ้มท่าทียากแท้หยั่งถึง
“ทำไมล่ะ?” โหยวเสี่ยวโม่ถามอย่างเอะใจ
ครั้งนี้เพราะหลิงเซียวไม่ได้ร่ายม่านจำลองไว้ ดังนั้นคนรอบข้างต่างก็ได้ยิน พร้อมกับหูตั้งรอฟัง พวกเขาเองก็พากันแปลกใจทำไมศิษย์พี่ใหญ่จึงพูดเช่นนี้ ลอยตัวผ่านเข้ารอบไม่ใช่เื่ดีงั้นเหรอ?
หลิงเซียวมุมปากค่อยๆ ยกสูงแล้วเอ่ย “ข้ารอมาตั้งนาน เดิมนึกว่าเดี๋ยวก็ได้ประลองฝึกฝีมือเสียหน่อย ปรากฏว่า…”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ ทุกคนก็พอเดาได้ว่าจะพูดอะไร ก็เพราะจับไม่ได้ชื่อเขา ดังนั้นจึงเสียดายเล็กน้อย เพราะจริงๆ แล้วเขาก็อยากขึ้นแท่นต่อสู้เหมือนกัน
เมื่อฟังคำพูดนี้เฉินหยางกับเกาจวิ้นก็พลันปิติยินดี ดีที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่งั้นเกิดศิษย์พี่ใหญ่ดีใจเกินเหตุ พวกเขาไม่ถูกอัดน่วมปางตายหรือ เห็นทีคนที่โชคดีจะเป็พวกเขามากกว่า เมื่อคิดแบบนี้ ทั้งสองก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
คนเดียวที่ไม่โดนเขาหลอกก็คือโหยวเสี่ยวโม่นั่นเอง เขาเป็เพียงคนเดียวที่รู้ว่าหลิงเซียวไม่อยากขึ้นประลอง
เทียบกับขึ้นเวทีไปประลองให้คนดู เขาจะยินดีมากกว่าถ้านั่งดูคนอื่นประลองแทน ท่าทางแบบนั้นเหมือนดูละครลิง เพราะตามจริงแล้ว หลิงเซียวเป็คนโเี้อำมหิต เพียงแต่ภาพลักษณ์ต่อคนทั่วไปนั้นดีเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากที่เขาไม่ได้มีท่าทีเ็าเหมือนเดิม เหล่าบรรดาศิษย์น้องผู้ชายก็เอาเขาเป็ตัวอย่าง ศิษย์น้องผู้หญิงก็ตกหลุมเสน่ห์ภาพลักษณ์ปลอมๆ ของเขา ดังนั้นจึงไม่มีคนสงสัยข้อนี้ แต่โหยวเสี่ยวโม่ที่ต้องรับเคราะห์กรรมนั้นหมดคำจะเอ่ย
--------------------------------------------