“ไปเถอะ พวกเราต้องรีบกลับไปหมู่บ้านชุนเทียน ไม่รู้ว่าที่นั่นจะเป็อย่างไรบ้าง” ฮวาเฟยฟาเอ่ย หลิ่งกวาง และชิงหลงขยายร่างขึ้น เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาขึ้นขี่หลิ่งกวางและชิงหลงทะยานทะลุหลังคาขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้ากลับทางที่มาแต่แรกตรงกลับสู่ภพมนุษย์ เมื่อบินลัดผ่านฟ้า และม่านหมอกตาข่ายดักิญญาเมื่อมองลงด้านล่างก็เหล่าุ์พากันเดินมาทิศทางเดียวกัน สู่ภพมนุษย์ ทั้งสี่บินมาจนถึงทางเข้าถ้ำ ฮวาเฟยฟาจุดดวงประทีปอนันตกาลนำทางในความมืด หลิ่งกวางและชิงหลงลอยทะยานผ่านฝูงุ์มากมายไป
“นี่พวกอนุษย์ทยอยข้ามภพไปมากขนาดนี้ แสดงว่าทางกงซุนต้าเฉียน เหล่าปรมาจารย์ และ มือปราบมารจะยังต้านไหวไหมแบบนี้” เ้าวังซูเอ่ย
“ข้าว่าไม่ พวกุ์นี่มากมายเกินไป และ ตุ๊กตาหุ่นกระบอกก็ยังอยู่ที่นั่น ข้าเดาว่าโลกมนุษย์ตอนนี้” ยังไม่ทันที่ฮวาเฟยฟาพูดจบ ชิงหลงและหลิ่งกวางก็พามาถึงปากทางออกสู่ภพมนุษย์ ทั้งสี่ผลุบออกมาจากกระจกภพุ์ที่ยังคงแตกละเอียดและไหลเททุกสิ่งจากภพุ์มาที่ภพมนุษย์
“ฮะ! นั่นมันอะไรกันนี่!” เ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาอ้าปากค้างใกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า บรรยากาศหุบเขาจินลู่ซีกลายเป็เหมือนภพุ์ เต็มไปด้วยหมอก และ ร่างไร้ิญญาถูกฉีกดึงทึ้งเืชิ้นส่วนกระจัดกระจายมากมายของผู้คน และุ์มากมาย ร่างของกงซุนต้าเฉียน เหล่าปรมาจารย์ และแขกจากต่างภพที่ร่วมสู้ อยู่ในสภาพถูกตรึงด้วยรากไม้ที่เหมือนจะตรึงร่างกายและคอยสูบพลังจักราจากร่างเ่าั้ และค่อยๆเจริญเติบโตขึ้น มันคือ “เวทย์ดูดกลืนร่าง พลังมนต์จากตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่ได้มาจากหมู่ซู่
“มันไม่ปล่อยร่างนั้นให้ตายหรือสลาย แต่ค่อยๆดูดกลืนช้าช้า และทรมานดั้งตายทั้งเป็ ดูสิรากหมู่ซู่เหล่านี้แทงทะลุเข้าด้านในตัวเหยื่อ และคอยดูดกลืนเหมือนเป็สิ่งเดียวกัน ถ้ามีพลังเข้าทำลายตัวมันเหยื่อก็ต้องตายไปด้วยพร้อมกัน ช่างเป็เวทย์น่ากลัวและสยดสยองจริงๆ” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“ฮิฮิ! พวกเ้ากลับมากันแล้วหรอ เป็ยังไงบ้างหล่ะภพุ์ของข้า ข้าก็คิดว่าเ้าจะติดใจไปอยู่ที่นู่นแทนพวกข้า เพราะตอนนี้พวกข้าก็พากันย้ายมาที่นี่กันเกือบหมด ฮิฮิ!” เ้าตุ๊กตาหุ่นกระบอก พูดพร้อมแสยะยิ้มน่ารังเกลียดเหมือนเดิม
“พวกข้าก็ไมได้ อะไรมากหรอกจากที่นั่น นอกจากข้อความจากสหายเ้า ซินรั่วเจี๋ย” เ้าวั่งซูเอ่ยยิ้มมุมปาก
“ฮะ! นี่พวกเ้าได้พบกับรั่วเจี๋ยหรอ แต่ข้าก็ไม่คิดว่าเค้าจะยังมีชีวิตอยู่ และ มีแรงพอจะพูดอะไรมากมายกับพวกเ้าหรอก ฮิฮิ!” หุ่นกระบอกตอบกลับไม่แยแส
“เ้าอย่าทำเป็แกล้งไม่รู้ว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะถ้าเค้าตายเ้าก็ไม่ได้มายืนทำชั่วอยู่นี้หรอก แต่ก็คงอีกไม่นาน รอพวกข้าตรงนี้เจจ้าหุ่นกระบอกกิ๊กก๊อก! เดี๋ยวพวกข้าจะกลับมาเล่นสนุกกับเ้ายาวเลย ” เ้าวั่งซูมองหุ่นกระบอกแบบไม่ใยดีหน้าตาและน้ำเสียงที่น่าขยะแขยงนั่นมากนัก
“เฟยเฟย ข้าจะรีบไปปิดผนึกปากทางเข้าออกหมู่บ้าน ไม่ให้พวกมันขยายอาณาบริเวณไกลออกไปมากกว่านี้ ไม่งั้นภพมนุษย์ล่มสลายแน่นนอน” เ้าวั่งซูพูดพร้อมผายมือในอากาศปรากฏเคียวสู่ภพขึ้น “เ้าตรวจดูกระจกบานอื่นๆ และ พลังเวทย์ที่ยังเหลืออยู่ของรอบหุบเขาเก้ากระจก แล้วเดี๋ยวเรามาพบกัน” เ้าวั่งซูเอ่ยจบพร้อมขี่หลิ่งกวางลงจากหุบเขาจินลู่ซีไปปากทางหมู่บ้านชุนเทียน
ฮวาเฟยฟาพยักหน้ารับและเหาะขึ้น้าสำรวจบริเวณสำนักเก้าจักยุตกรา หุบเขาเก้ากระจกทั้งหมดเพื่อสำรวจสถานการณ์ และตามหากระจกทั้งหมด บริเวณหุบเขาเก้ากระจกที่เคยสดใสเพราะถูกปกป้องด้วยกระจกวิเศษทั้ง9 และพลังเวทย์ที่ถูกสวดต่อเนื่องกันมากว่าพันปี ทำให้ฤดูกาลหมุนเวียนปกติเหมือนโลกภายนอก และคงความเขียวสดใสงดงามดั่งเมือง์ สภาพตอนนี้ทุกอย่างตายลง เหี่ยวเฉา หมอกตาข่ายดักิญญาครอบคลุมทุกบริเวณ ไร้ฟ้าเปิดแสงอาทิตย์ อากาศบริสุทธิ์ มีแต่บรรยากาศที่อึดอัด และ ไอิญญาเถื่อนลอยคละคลุ้มเหมือนภพุ์ บรรยากาศเลวร้ายนี้ก็ดูเหมือนกำลังจะเคลื่อนกินบริเวณหมู่บ้านชุนเทียนเกือบทั้งหมด
“มนต์นำทาง จงเผยที่อยู่แห่งบานกระจกทั้ง9” เฟยฟายกมือประสานที่อกร่ายเวทย์ แสงสีฟ้าเปล่งและพุ่งตรงไปด้านหน้าสร้างภาพนิมิตรแสดงให้เห็นว่ากระจกทั้ง9นั้นยังอยู่ที่ลานประลองหุบเขาจินลู่ซี สภาพกระจกถูกรากพืชมากมายเข้าเกาะกุม และดูดกลืนพร้อมเหล่าปรมาจารย์แต่ละกระจกที่คาดว่าน่าจะเข้าปกป้องกระจกของตน และถูกดูดกลืนค้างไว้สภาพนั้น พลังของเรือนกระจกหมดสิ้นแทบไม่เหลือเศษเสี้ยวพลังเปล่งออกมาคล้ายกับว่าเป็กระจกธรรมดาเท่านั้น ฮวาเฟยฟาอยู่บนหลังชิงหลงเหาะลอยทั่วบริเวณทั้งหุบเขาเก้ากระจกทุกตำหนัก ทุกเขา ทุกบริเวณ ล้วนเต็มไปด้วยรากไม้มากมายชอนไชกัดกินทั่วบริเวณ เหาะไปสักพักจนถึงต้นวั่งซู ในขณะที่บริเวณรอบทั้งหมดถูกกลืนกินด้วยไอหมอกดักิญญา และมวลอากาศที่น่าอึดอัดและรากไม้พวกนั้น มีเพียงตั้นวั่งซูที่ยังคงสยายใบเขียวออกดอกครามแผ่กิ่งงดงามเฉกเช่นเดิม
“นี่คงเป็เพราะความทรงจำที่ใส่ไว้สินะ” ฮวาเฟยฟาลูบลำต้นวั่งซู และ อมยิ้ม “เ้าช่างพิเศษมากนะวั่งซู เรารอทั้งสองตรงนี้เถอะชิงหลง” “ชิงหลงพยักหน้ารับ” ฮวาเฟยฟาและชิงหลงนั่งลงใต้ต้นไม้นั่นรอเ้าวั่งซูและหลิ่งกวางมา
ทางด้านวั่งซูกับหลิ่งกวางนั้นเมื่อเหาะไปถึงปากทางหมู่บ้านก็ใ เพราะ อาณาเขตม่านหมอกนั้นเริ่มกินอาณาบริเวณเกินหมู่บ้านออกไปเรื่อยๆไม่หยุด และเริ่มมีุ์มากมายเดินมาถึงกลางหมู่บ้านไล่มา เรื่อยๆ เ้าวั่งซูควงเคียวสู่ภพขึ้นหมุนไปมา และเริ่มร่ายมนต์คุ้มกัน
“มนต์คุ้มกันแห่งข้า เพลิงปรภพจงมอบพลังให้ข้าสร้างเกราะกันสิ่งชั่วร้ายห้ามออกจากบริเวณนี้” มือหนึ่งยกง้าวเหนือศีรษะแนวนอน อีกมือตั้งประกบอก เพลิงแห่งภพแดงฉานขึ้นจากมือและส่งต่อถึงเคียว เมื่อเคียวถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงเต็มกำลัง เ้าวั่งซูเหาะลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าวาดเคียวเป็วงกว้างคล้ายลากเส้นรอบวง พลังเพลิงพุ่งไปปิดกั้นปลายเส้นขอบหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ั้แ่ต้นหมู่บ้าน และวิ่งรอบเป็วงผ่านหุบเขาผ่านสายน้ำลากยาวไปถึงหุบเขาเก้ากระจก เมื่อเพลิงปรภพวิ่งกันแล้วก็เกิดเป็เกราะป้องกันพุ่งขึ้นท้องฟ้าครอบตัวหมู่บ้านชุนเทียนเอาไว้ทั้งหมด
“แค่นี้ก็เรียบร้อย จะไม่มีสิ่งไหนออกไปจากที่นี่ได้” เ้าวั่งซูลอยต่ำลงมานั่งบนหลิ่งกวาง และเรียกสหายรัก มุ่งหน้ากลับไปหาฮวาเฟยฟาและชิงหลง หลิ่งกวางร้องรับ และ เหาะลอยกลับหุบเขาเก้ากระจกอย่างรวดเร็ว
“นั่นไง พวกนั้นอยู่ตรงใต้ต้นวั่งซู” เ้าวั่งซูลูบหัวบอกหลิ่งกวาง หลิ่งกวางลดระดับลงหยุดตรงต้นวั่งซู
“เฟยเฟย ทำไมต้นนี่ไม่โดนผลพวงจากไอหมอกนั่นหล่ะ” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“เพราะมันมีดวงจิตของเราสองคนฝังอยู่หน่ะสิ พลังจักรานั่นน่าจะคุ้มครองต้นวั่งซูของพวกเราอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันมากพอที่คุ้มครองต้นวั่งซูนี่ เพราะอะไรนะ!?” ฮวาเฟยฟายิ้มอ่อนโยน
“ฮะ! แสดงว่าที่นี่ก็เป็หนึ่งในที่ที่มีความทรงจำพวกเราเก็บไว้หรอ ที่นี่คือที่ของเราสองคน และต้นไม้ของเราสองคน ที่มีดวงจิตของเราสองคน” เ้าวั่งซูพูดยิ้มกว้าง
“ใช่! ที่นี่คือที่ของเราสองคน แต่ว่าที่นี่กำลังโดนทำลาย จากพวกุ์นั่น” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“อืมใช่! พวกเราต้องวางแผนตั้งรับและต่อสูุ้์หุ่นกระบอกนั่น แต่เราจะโจมตี และสู้มันด้วยอะไรในเมื่อร่างมันเต็มไปด้วยเกราะที่ทำมาจากิญญาคนเป็ ไฟของข้า และหลิ่งกวางก็เผาโดนิญญาร้องโหยหวน ศาตราก็ฟันโดนเกราะนั่นอีก ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าร่างุ์จะไร้เทียมทาน และไม่มีจุดอ่อนเลย น่าจะแข็งแรงกว่าร่างของหมู่ซู่ เพราะตอนนั้นร่างของหมู่ซู่โดนข้าเผาทีราบไปเยอะเลย” เ้าวั่งซูพูดไปยิ้มหัวเราะเล็กๆ
“ข้าคิดว่า แม้ร่างกายมากมายกอปรเข้ารวมกันเสมือนเกราะที่แข็งแกร่ง แต่ปราศจากซึ่งศูนย์กลางรวมพลังยอมแตกพ่ายง่ายถ้าโดนโจมตีเข้าแบบตรงจุด ข้าคิดว่าต้องเป็ข้าและชิงหลงที่มีพลังเหมาะกับกลยุทย์นี้” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“ตรงจุด จุดอ่อนหน่ะหรอ เ้าหมายความถึงอะไรในเมื่อตัวมันแข็งแกร่ง ละร้อยเรียงิญญาติดไว้ทุกอรูแบบนั้น และสมองรวมถึงหัวใจก็ไม่มี พวกมันไม่มีจุดอ่อน” เ้าวั่งซูเอ่ย
“เ้าลองคิดดูสิว่าเวลาที่ิญญาเข้ารวมกัน หรือ เข้าสวมร่าง มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างนั้นๆ” ฮวาเฟยฟาพูดให้คิด
“ฮะ! รอยต่อ!” เ้าวั่งซูพูดขึ้น
“ใช่ โดยปกติร่างที่โดนสวมนั้นจะไม่รับร่าง หรือิญญาแปลกปลอมแบบเต็มใจ ผลลัพธ์คือร่างกายนั้นจะผิดแผกต่อไม่ติดเข้ากับร่าง ทำให้เกิด รอยแยก และรอยต่อแห่งิญญา หรือ จุดที่ิญญาไม่มีวันประสานเข้าด้วยกัน” ฮวาเฟยฟาเล่า
“นั่นหมายความว่า ถ้าเราสามารถฟาดฟันไปตรงตามรอยแยกเ่าั้ได้ทั้งหมดร่างุ์นั่นก็จะพังและแตกออก ข้าคิดว่าข้าไม่มีพลังเวทย์ที่อณูเล็กขนาดนั้น” เ้าวั่งซูเอ่ย
“ข้ามี เวทย์แห่งสายธารทั้งเก้าจากข้า และ มนต์ัคลายลำน้ำจากชิงหลง กระแสน้ำนั้นจะให้ความอบอุ่นกับดวงิญญาแต่เข้าฟาดฟันรอยแปลกแยกนั้นทำให้เกิดการแตกออกได้ แต่ระดับพลังเวทย์ที่ใช้ต้องต่ำมาก ไม่งั้นกระแสน้ำนั้นก็จะไม่ได้ต่างอะไรกับเพลิงปรภพของเ้า” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
