หลังอาหาร เว่ยอี๋เหนียงและแม่นมโจวก็ไล่สองหนุ่มสาวออกจากเรือน โดยอาศัยอ้างว่า้าพักผ่อนอย่างสงบ
โจวชิงหวาจึงไม่มีทางเลือก จำต้องพาหนีเจียเอ๋อร์ไปเดินเล่นบนูเา
หลังเดินกันจนเหนื่อย หญิงสาวก็เอนตัวลงใต้ร่มไม้ โดยมีอีกฝ่ายคอยใช้ใบไม้โบกให้อยู่ไม่ห่าง
แต่แล้ว จู่ๆ ก็มีทหารหลวงสามสี่นายปรากฏตัวขึ้น
โจวชิงหวาโยนใบไม้ทิ้ง ก่อนคว้าด้ามกระบี่ไว้ในมือ ดวงตาคมกวาดมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างเยียบเย็น
ทำเอาทั้งเหล่าทหารหลวงและหนีเจียเอ๋อร์ ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น
ตอนนั้นเอง หนึ่งในทหารก็ก้าวออกมา แล้วพูดว่า “คารวะคุณหนูหนีและคุณชายโจว เนื่องจากวันนี้ท่านแม่ทัพต้วนได้เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฮองเฮาจึงมีรับสั่งให้พวกเรามารับคุณหนูหนีไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ แต่เมื่อไปยังจวนสกุลหนี นายท่านสกุลหนีก็บอกว่าคุณหนูเดินทางมาที่เรือนพักร้อนของคุณชายโจว พวกเราจึงต้องดั้นด้นติดตามมาถึงนี่ขอรับ”
ทหารอีกคนจึงเสริมว่า “ใช่ขอรับ มิเช่นนั้น พวกเราคงปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จเป็แน่”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ ว่าฮองเฮาเคยตรัสว่าจะให้ตนได้พบกับแม่ทัพต้วน
นางจึงลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้า ก่อนเอ่ยกับทหารเ่าั้ว่า “ต้องขออภัยด้วย นี่ข้าลืมเื่สำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร!”
ทหารทั้งสี่ค้อมศีรษะ พลางตอบกลับมาว่าไม่เป็ไร
หนีเจียเอ๋อร์จึงหันไปมองโจวชิงหวา “ข้าไปก่อนนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ดูแลตัวเองด้วย”
นางผงกศีรษะ แล้วเดินตามทหารเ่าั้ไป
โจวชิงหวายืนมองพวกเขาไปจนลับสายตา
…
เมื่อกลับถึงที่พัก เว่ยอี๋เหนียงและแม่นมโจวก็ถามหาหนีเจียเอ๋อร์ทันที
“แล้วเสี่ยวเอ๋อร์ล่ะ?”
“แล้วคุณหนูรองเล่า?”
“อนุชาของฮองเฮากลับมาแล้ว พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้นำตัวหนีเจียเอ๋อร์เข้าวังไปพบหน้ากัน”
เอ่ยจบ โจวชิงหวาก็ผละไป โดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองมารดาและเว่ยอี๋เหนียง
แม่นมโจวได้แต่ขมวดคิ้วแน่น ท่านแม่ทัพต้วนคือน้องชายของฮองเฮา หากหนีเจียเอ๋อร์แต่งงานกับเขาจริง แล้วลูกชายนางเล่า จะทำเช่นไร?
แม้คนอื่นจะมองไม่ออก แต่ผู้เป็มารดาอย่างนางย่อมรู้ดี ว่าบุตรชายตนนั้นรู้สึกอย่างไร ั้แ่เล็กจนโต สายตาของชิงหวาไม่เคยมองสตรีใดนอกจากคุณหนูรอง
เว่ยอี๋เหนียงก็เป็ห่วงความรู้สึกของชิงหวาไม่ต่างกัน นางจึงกุมมือแม่นมโจวไว้ “ข้าได้ยินมาว่า ท่านแม่ทัพต้วนนั้นทั้งเก่งกาจและมากความสามารถ ฐานะเขาสูงส่งกว่าเรามาก คงจะไม่ชายตามองเสี่ยวเอ๋อร์เป็แน่”
แม่นมโจวยกยิ้มบางๆ “แต่เสี่ยวเอ๋อร์นั้น นอกจากจะมีใบหน้าที่งดงามแล้ว ยังนิสัยดีและมากไปด้วยความสามารถ เช่นนี้แล้วจะมีบุรุษใดไม่หลงรักนาง? ทั้งนี่ก็เป็พระประสงค์ของฮองเฮา ที่ทรง้าจะจับคู่คนทั้งสอง ต่อให้ไม่ชอบ เสี่ยวเอ๋อร์ก็คงไม่พ้นต้องเป็น้องสะใภ้ของฮองเฮา... อนิจจา!”
กล่าวจบ ก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ โดยที่เว่ยอี๋เหนียงก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรเช่นกัน
...
ณ วังหลวง
แม้จะเป็่ฤดูร้อนที่มีแสงแดดแผดเผา แต่อุทยานหลวงก็ยังถูกดูแลอย่างดีมิได้เหี่ยวเฉา
หนีเจียเอ๋อร์เดินเข้ามาในสวน พลางกวาดตามองดอกไม้ต้นไม้ภายในวัง ที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังเขียวชอุ่มสบายตา
คาดว่าบรรดานางกำนัลจะต้องลงแรงไปมาก กับการดูแลพืชพรรณเหล่านี้ใน่ฤดูร้อนเป็แน่
นางกำนัลที่เดินนำมา พลันหยุดลงในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งหนีเจียเอ๋อร์ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็ที่ใด พอสอบถาม อีกฝ่ายก็ตอบแค่ว่าให้รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฮองเฮาจะเสด็จมารับนางไปร่วมงานเลี้ยงเอง
เมื่อนางกำนัลทั้งหมดจากไป ก็เหลือเพียงหนีเจียเอ๋อร์ ที่ยังคงนั่งรอต่อไป
แล้วตอนนั้นเอง เสียงประตูก็ดังขึ้น
แอ๊ด!
หนีเจียเอ๋อร์เข้าใจว่าฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว จึงลุกขึ้น เดินออกจากตำหนักรับรอง แล้วก็ต้องมุ่นคิ้ว เมื่อพบว่าคนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น คือชายแปลกหน้าที่นางไม่เคยพบมาก่อน
เขาเป็บุรุษร่างกำยำสวมชุดเกราะ ทว่า แม้จะดูน่าเกรงขาม แต่ก็มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในแววตา
ทันทีที่อีกฝ่ายก้าวผ่านธรณีประตู จู่ๆ ประตูก็ปิดลง ทั้งยังมีเสียงลั่นดาลดัง ‘คลิก’ มาจากข้างนอก
บุรุษผู้นั้นหันไปคว้าห่วงทั้งสองด้านของประตู พยายามจะเปิดออก พร้ะโกนถาม “เ้าคิดจะทำอะไร เหตุใดต้องลั่นดาลประตูด้วย?”
นางกำนัลตอบกลั้วหัวเราะ “ท่านแม่ทัพต้วน โปรดใจเย็นๆ ก่อน สนทนาเป็เพื่อนคุณหนูหนีสักครู่ ประเดี๋ยวฮองเฮาก็จะเสด็จมาแล้วเ้าค่ะ”
กล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวห่างไปเรื่อยๆ จนเงียบลง
ท่านแม่ทัพต้วนหรือ?
หนีเจียเอ๋อร์มองคนตรงหน้าด้วยความสนใจใคร่รู้ บุรุษผู้นี้คือแม่ทัพต้วน อนุชาของฮองเฮา ซึ่งมีความสามารถอันเปี่ยมล้น จึงได้ขึ้นมาเป็แม่ทัพฝ่ายซ้ายั้แ่อายุยังน้อย ทั้งเก่งกาจและรูปงามเช่นนี้นี่เอง ถึงเป็ที่ชื่นชมของสตรีทั่วแคว้นฉีหลาน
และวันนี้ เขาก็เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง
ต้วนอวิ๋นหลานมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดสายตาที่หนีเจียเอ๋อร์ “ท่านคือหนีเจียเอ๋อร์ บุตรสาวคนรองของเสนาบดีหนีแห่งกรมพิธีการ ใช่หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ย่อเข่าคำนับทันที “คารวะแม่ทัพต้วน”
ต้วนอวิ๋นหลานพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่จำเป็ต้องสุภาพขนาดนั้น ลุกขึ้นเร็ว”
จากนั้นก็ชำเลืองไปยังบานประตูที่ลั่นดาลเอาไว้ ก่อนหันมามองหนีเจียเอ๋อร์ คล้ายทำอะไรไม่ถูก “ข้ารู้จุดประสงค์ของฮองเฮาแล้ว เอาเถอะ หากแม่นางหนีไม่รังเกียจ เราก็มาเดินเล่น แล้วพูดคุยกันดีหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงเอ่ย “เชิญท่านแม่ทัพ!”
ต้วนอวิ๋นหลานมิได้เดินนำ แต่ผายมือ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญแม่นางหนี!”
แต่หญิงสาวก็มิได้ก้าวนำเช่นกัน ดังนั้น ทั้งสองจึงเดินเคียงกันออกไป
หลังจากเดินเล่นได้สักพัก ต้วนอวิ๋นหลานก็กล่าวขึ้นว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้รับจดหมายจากฮองเฮา เขียนว่าแม่นางหนีได้ช่วยชีวิตองค์รัชทายาทเอาไว้ ข้าได้ยินมาว่าพิษของพระองค์นั้นไม่รู้ที่มา จึงหาวิธีรักษามิได้ แต่แม่นางหนีกลับล้างพิษออกไปได้จนหมด ฮองเฮาทรงตรัสว่าท่านเป็สตรีผู้มากความสามารถอันหาได้ยากในแผ่นดิน เมื่อข้ากลับมาแล้ว ก็อยากให้พบหน้ากันสักหน่อย”
หนีเจียเอ๋อร์รีบเอ่ย “ฮองเฮาทรงยกย่องเกินไปแล้ว ข้าเพียงบังเอิญโชคดี ที่พบวิธีรักษาเ้าค่ะ”
ต้วนอวิ๋นหลานยกมือปราม “มิต้องถ่อมตัวหรอก แสดงว่าฮองเฮาจะต้องประทับใจในตัวท่านมากจริงๆ เพราะน้อยคนนักที่จะได้รับการชื่นชมจากพี่สาวข้า”
หนีเจียเอ๋อร์จึงกล่าว “ท่านแม่ทัพก็พูดเกินไป ข้าหาได้เก่งกาจขนาดนั้นเ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น แม่ทัพต้วนก็หัวเราะร่า
เวลาล่วงเลย ทั้งสองได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันในหลายๆ เื่ ทำให้ต้วนอวิ๋นหลานได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ตัวเองและแม่นางหนีก็มีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกัน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้