เด็กสาวที่เหลือต่างแยกย้ายกันกลับไป ต่อมาไม่นานภายในหมู่บ้านก็เกิดข่าวลืออีกหนึ่งข่าว
เป็ข่าวชื่นชมสองพี่น้องเซี่ยโม่เซี่ยเฉินเฟิง และประณามสองแม่ลูกหวางลี่ลี่กับเซี่ยอวิ๋น
“พวกแกรู้ไหม หวางลี่ลี่ช่างเป็คนที่ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี ถึงกับให้คนพาเฉินเฟิงไปทิ้งไว้บนรถไฟ…”
“ลูกสาวยิ่งแล้วใหญ่ บอกว่าแม่ตัวเองเลี้ยงสองพี่น้องเสียข้าวสุก”
“เพ้ย พวกแกคงไม่รู้ แต่ฉันอยู่บ้านข้างๆ เด็กนั่นหน้าตาหรือก็ไม่ได้เื่ มีดีอย่างเดียวคือปาก”
“แกนี่ แต่ก็จริง ฮ่าๆ”
พักเื่นี้เอาไว้ก่อน อีกฝั่ง ผู้ใหญ่บ้านกับเซี่ยโม่เดินไปที่ว่าการต่อ
เมื่อได้ใบรับรองมาผู้ใหญ่บ้านก็ส่งให้เซี่ยโม่ “โม่โม่ หลานไปแจ้งทำเื่ย้ายทะเบียนบ้านที่สถานีตำรวจประจำตำบล แล้วค่อยให้คุณตาหลานเอาใบรับรองไปให้ที่ว่าการของหมู่บ้าน”
เซี่ยโม่เอ่ยอย่างนอบน้อม “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
ผู้ใหญ่บ้านมองเด็กสาวด้วยแววตาเมตตาเอ็นดู “ไม่ต้องเกรงใจ หลังจากนี้หลานก็ไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากแบบนี้อีกแล้ว”
พูดจบก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “ใช่แล้ว ปีนี้เราตัดหญ้าแห้วหมูได้เยอะ อย่าลืมเอาไปแลกธัญพืชกลับไปด้วยละ”
เซี่ยโม่ทำหน้าประหลาดใจ
เธอทราบดีว่าหากย้ายทะเบียนบ้านกลางปี จะไม่มีคนคำนวณคะแนนการทำงานให้ เมื่อเป็เช่นนี้คะแนนที่ทำมาก็จะถูกยกให้แก่เ้าบ้านในทะเบียนบ้านที่เธอเคยอยู่
หมายความว่าหากเธอย้ายทะเบียนบ้าน คะแนนการทำงานที่สะสมเอาไว้ก็จะถูกยกให้บิดา
พลันนึกขึ้นมาได้ว่าต้องเป็เพราะน้ำตาลสองถุงนั้นแน่ๆ เพราะก่อนหน้าไม่เคยมีเื่แบบนี้เกิดขึ้น
คุณปู่ช่างมีเมตตาต่อเธอเหลือเกิน!
แววตาเธอเป็ประกาย แลกธัญพืชได้เท่าไร เธอจะแลกให้หมดเลย บุญคุณครั้งนี้ของคุณปู่ เธอจะไม่มีวันลืมเลือน
เธอกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณมากค่ะคุณปู่ หนูกำลังกังวลเื่ธัญพืชในบ้านคุณตาคุณยายอยู่พอดี”
ผู้ใหญ่บ้านให้คนคำนวณคะแนนให้ เซี่ยโม่ไม่เพียงมีคะแนนจากการตัดหญ้าแห้วหมู แต่ยังมีคะแนนจากตอนไปทำงานที่กองการผลิต่ปิดเทอมอีกด้วย รวมกันได้สองร้อยกว่าคะแนน
อิงจากเกณฑ์การแลกของปีที่แล้ว สามารถแลกได้ธัญพืชยี่สิบกว่ากิโลกรัมคำนวณเสร็จเรียบร้อย ผู้ใหญ่บ้านพาเซี่ยโม่ไปที่โกดังเก็บพวกธัญพืช
ในโกดัง เซี่ยโม่เห็นทั้งถั่วเหลืองและข้าวโพด
ถั่วเหลืองสามารถนำไปทำเต้าหู้กับน้ำเต้าหู้ได้ หรือจะนำไปผัดก็ได้ มีประโยชน์มากกว่าข้าวโพดมาก
เธอเลยลองหยั่งเชิง “คุณปู่คะ หนูเอาถั่วเหลืองไปได้ไหมคะ”
สำหรับผู้ใหญ่บ้าน จะถั่วเหลืองหรือข้าวโพดก็ไม่ได้แตกต่างกัน ราคาพอๆ กัน ทว่าสำหรับเซี่ยโม่แล้วไม่ใช่
“ได้” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหาถุงกระสอบเก่าๆ มาให้เซี่ยโม่หนึ่งใบ
เซี่ยโม่มองถั่วเหลืองที่บรรจุเกือบเต็มกระสอบด้วยความปลาบปลื้มใจ
“โม่โม่ เอาแบบนี้ดีไหม เราไปทำเื่ในตำบลก่อน แล้วค่อยมาเอาไป” ผู้นำตระกูลเอ่ยอย่างเป็ห่วง เพราะกระสอบถั่วเหลืองหนักไม่ใช่น้อยๆ
เธอไม่อยากมาที่นี่อีก ไม่อยากเจอพวกสกุลเซี่ย จึงเอ่ยออกไปว่า “เดี๋ยวหนูเอากลับไปเก็บที่บ้านคุณตาคุณยายก่อนค่ะ แล้วค่อยไปทำเื่ในตำบล”
“งั้นก็ได้”
เซี่ยโม่ถือถุงกระสอบเดินออกจากหมู่บ้าน เมื่อมาถึงจุดปลอดคน เธอนำถุงกระสอบเข้าไปเก็บในโกดังสินค้า ก่อนจะเดินไปในตำบล
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึง
เธอตรงไปที่ฝ่ายทะเบียนในสถานีตำรวจ เพื่อนำใบรับรองยื่นให้เ้าหน้าที่
“คุณป้าคะ รบกวนทำเื่ย้ายทะเบียนบ้านให้หน่อยได้ไหมคะ หนูกับน้อง้าย้ายไปอยู่บ้านคุณตาคุณยายค่ะ” เธอบอกเ้าหน้าที่อย่างนอบน้อม
เ้าหน้าที่ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เป็ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างอ้วนท้วม เ้าหน้าที่หญิงเงยหน้ามองเธอก่อนจะเอ่ยอย่างรำคาญว่า “พวกเธอนี่เื่มากจริง เป็เด็กก็ควรอยู่กับพ่อแม่ ทำไมถึงต้องย้ายไปบ้านตายายด้วย”
ที่คนชอบพูดว่า เวลาเจอปัญหาให้หาคนที่ช่วยได้ดีกว่าไปหาพวกเ้าหน้าที่ ดูท่าจะเป็เื่จริง เห็นได้ชัดว่าเ้าหน้าที่คนนี้ไม่อยากเสียเวลาทำเื่ให้เธอ
เธอเลยเล่นละคร ทำหน้าตาให้ดูน่าสงสาร “คุณป้า หนูกับน้องก็อยากอยู่กับพ่อกับแม่นะคะ แต่พอคุณแม่แท้ๆ หนูเสียไป คุณพ่อก็แต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงรังแกหนูกับน้องสารพัด
เลี้ยงหนูกับน้องทิ้งๆ ขว้างๆ ปล่อยให้หิว ไม่นานมานี้ยังเอาน้องชายที่อายุแค่ห้าขวบไปทิ้งอีก พวกเราหมดหนทางแล้วจริงๆ เลยต้องไปขออาศัยอยู่บ้านคุณตาคุณยาย”
เ้าหน้าที่หญิงทำหน้าโมโห เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “บนโลกนี้มีคนแบบนี้ได้ยังไง! สาวน้อยไม่ต้องร้อนใจ เดี๋ยวป้ารีบทำเื่ให้เดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากทำเื่เสร็จเ้าหน้าที่ยื่นใบรับรองมาให้ เธอรับมันมา อ่านข้อความบนนั้นจบก็รู้สึกโล่งอก
เก็บเอกสารเรียบร้อยแล้วจึงหันไปกล่าวขอบคุณเ้าหน้าที่หญิง “ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็คนดีจริงๆ”
เ้าหน้าที่หญิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่เป็ไร หากแม่เลี้ยงรังแกเธอกับน้องชายอีก มาบอกฉันที่นี่ เดี๋ยวฉันพาไปแจ้งความ เอาให้มันติดคุกไปเลย รังแกเด็กแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
ฟังแล้วก็แอบคิดในใจ เธอนี่ช่างเล่นละครเก่งจริงๆ แสดงดีจนได้แฟนคลับมาหนึ่งคน
เธอกล่าวตอบเสียงหวาน “ได้ค่ะ”
ออกจากสถานีตำรวจแล้วเซี่ยโม่วางแผนว่าจะไปร้านยาต่อ
พรุ่งนี้ตั้งใจจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร แต่เธอมีความรู้เื่สมุนไพรไม่มาก เลยอยากหาความรู้เอาไว้ก่อน
เธอไม่รู้เลยว่า ราคารับซื้อสมุนไพรในยุคนี้อยู่ที่คือเท่าไร หากคุณตาคุณยายถามขึ้นมาจะได้ไม่มีพิรุธ
่นี้คือ่ปิดเทอม เวลาว่างเธอมักจะขึ้นเขาไปเดินสำรวจ หากเก็บสมุนไพรไปขาย เธอจะได้ใช้เื่นี้เป็ข้ออ้างเวลาหยิบของจากในโกดังสินค้า
เธอถามทางคนแถวนี้ จากนั้นก็เดินไปที่ร้านยา
ชาติที่แล้ว แม้เธอจะคุ้นเคยกับตำบลเล็กๆ นี้ แต่เธอไม่เคยเข้าร้านยาเลย ไม่เคยเก็บสมุนไพรด้วย
เธอยุ่งมาก นอกจากต้องไปเรียนเธอยังต้องทำงานบ้านทุกวัน ไหนจะต้องไปตัดหญ้าแห้วหมูเพื่อสะสมคะแนนการทำงานอีก
พอปิดเทอม เธอก็ต้องไปทำงานที่กองการผลิต
เพราะเธอมัวแต่ยุ่งจึงละเลยน้องชาย ทำให้น้องชายถูกแม่เลี้ยงรังแก อายุแค่ไม่กี่ขวบก็ต้องถูกนำไปทิ้ง เป็ตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้
ทว่าชาตินี้มีคุณตา คุณยาย และเธออยู่ น้องชายจะต้องมีชีวิตที่มีความสุขกว่าชาติที่แล้ว!
ด้วยมันสมองของน้องชาย ต่อไปต้องกลายเป็เด็กเรียนที่ฉลาดมากแน่
เธอเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ ซึ่งสามารถลัดไปร้านยาได้
ทันใดนั้นเอง เธอจำต้องหยุดฝีเท้า ซอยข้างหน้าไม่ไกลทำไมถึงมีคนจอแจก็ไม่ทราบ
เธอเดินตรงไปด้วยความสงสัย ไม่นานก็เข้าใจ มีคนเจ็ดแปดคนกำลังขายของ และมีอีกสามสี่คนกำลังจับจ่าย ทั้งสองฝ่ายกำลังลักลอบซื้อขายกัน
ยุคนี้มีการห้ามค้าขาย การกระทำนี้ถือว่าผิดกฎหมาย
แถวนี้มีแต่ซอยเล็กๆ คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีตลาดมืดแถวนี้
ชาติที่แล้วเธอทราบดีว่าในตำบลมีตลาดมืด แต่เธอไม่มีเงินและสิ่งของที่จะขายเลยไม่เคยแวะไป
คุณตาคุณยายพวกท่านไม่มีเงิน หากมีเหตุใดเกิดขึ้นคงไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้สามารถเอาของในโกดังสินค้าออกมาขายได้ สินค้าในนั้นมีเยอะแยะมากมาย ถ้านำมาขายแลกเงินก็จะไม่ต้องห่วงเื่นี้อีก
คิดได้ดังนั้น เธอจึงเดินไปดูด้วยความรู้อยากเห็น
เมื่อเดินไปถึง มีสองคนกำลังซื้อธัญพืช อีกคนกำลังซื้อไข่ไก่
อีกคนเอาของใช้ซึ่งสานจากไม้ไผ่มาวางขาย ฝีมือนับว่าพอใช้
และมีผู้หญิงอีกคนขายผ้าทอมือ แม้ฝีมือจะดูไม่ประณีต แต่ก็นำไปใช้ตัดชุดได้
“ฟุตละห้าเหมา ฉันมีแค่นี้ อยากได้ก็รีบซื้อ”
เซี่ยโม่หวั่นไหว อยากซื้อติดมือกลับไปเหลือเกิน
ในโกดังสินค้าของเธอมีผ้าอยู่ แต่หาเหตุผลที่จะเอาออกมาไม่ได้สักที
เธอต้องเอาอะไรออกมาขายแล้วละ จะได้มีเงินซื้อผ้าทอมือกลับไป!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้