บทที่ 10: อรุณแรกเบิกฟ้าแผ่นดินต้าชิง
รถยนต์คันหรูแหวกม่านฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ท้องฟ้าที่ควรจะแค่ใกล้ค่ำบัดนี้กลับมืดสนิทราวกับเที่ยงคืน ทันทีที่รถเลี้ยวเข้าเขตตระกูลหยาง ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเสียงฟ้าคำรามกึกก้อง
“เชิญครับคุณหมอ!” คนขับรถรีบกางร่มวิ่งมาเปิดประตูให้ “คุณหนูกับลุงหวังรออยู่ข้างในแล้วครับ!”
กงเฉินจื่อในชุดแจ็คเก็ตหนังสีครีมทับเสื้อยืดสีดำก้าวลงจากรถ ละอองฝนเย็นเฉียบสาดกระทบใบหน้าจนเขาสะท้าน เขาเดินตามแสงตะเกียงริบหรี่ที่ใครบางคนถือออกมารอรับ...หลิงฟางนั่นเอง
“ไฟฟ้าดับมาเกือบชั่วโมงแล้วค่ะ” เธอกล่าวท่ามกลางเสียงลมพายุ “ทางนี้จะสะดวกกว่า”
ทั้งคู่เดินฝ่าลมกระโชกแรงไปยังหอสมุด เสียงกิ่งไม้เสียดสีกับตัวบ้านดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับเสียงโหยหวนของปีศาจ เสียงฟ้าร้องแต่ละครั้งสั่นะเืไปถึงพื้นดิน แม้จะเคยมาที่นี่แล้ว แต่บรรยากาศในคืนนี้กลับทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างประหลาด
ครู่ต่อมา พวกเขาก็มายืนอยู่หน้าภาพวาดของ หยางเฟยหลงอีกครั้ง กงเฉินจื่อสบตากับชายในภาพ... ชายที่เขาเพิ่งจะขี่ม้าท่องราตรีมาด้วยกัน ความรู้สึกร้อนวูบและเย็นเยียบแล่นพล่านไปทั่วร่างพร้อมๆ กัน
“คุณหมอ... คุณหนู... พร้อมแล้วหรือยังครับ”
ลุงหวังยืนสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง แสงเทียนในมือส่องให้เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของเขา ซึ่งช่างขัดกับบรรยากาศสุดสยองภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ชายชราล้วงกุญแจโบราณดอกนั้นออกมา ยื่นให้กับกงเฉินจื่อ “บัดนี้... ภารกิจสุดท้ายของตระกูลหวังได้สำเร็จลุล่วงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “คุณหนู... ขอจงไปตามหาความฝันและเรียนรู้รากเหง้าของตระกูลเราให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงสิ่งใดทางนี้อีก...คุณหมอ... เื่ครอบครัวและเพื่อนฝูงของท่าน สัญญาฉบับนั้นจะดูแลพวกเขาเป็อย่างดี ขอจงทำหน้าที่ในโลกแห่งนั้นไม่ต้องกังวล”
เข็มนาฬิกาโบราณบนผนังชี้ไปที่เลข 11... อีกห้านาทีจะเที่ยงคืน
หัวใจของกงเฉินจื่อเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก มือของเขาสั่นจนต้องคว้ามือของหยางหลิงฟางมายึดไว้โดยไม่รู้ตัว เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นอีกครั้ง... เขาตัดสินใจดึงเธอเข้ามากอดแน่นตามสัญชาตญาณ!
เที่ยงคืนตรง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดสามครั้งซ้อนลงมาที่ใจกลางหอสมุด! แสงสีขาวสว่างวาบจนแสบตา... และแล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท...
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่มีใครรู้...
ป็อก... ป็อก... ป็อก...
เสียงน้ำหยดกระทบภาชนะดินเผาดังเป็จังหวะ...
เอ้ก... อี้... เอ้ก... เอ๊ก...
เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกลๆ ...
ดวงตาของกงเฉินจื่อยังคงปิดสนิท แต่สมองของเขาตื่นเต็มที่แล้ว เขายังไม่กล้าลืมตา แต่ััเดียวที่ชัดเจนคือ... ในมือขวายังคงกำมือนุ่มๆ ของใครบางคนไว้แน่น... ‘หยางหลิงฟาง!’
เขาลืมตาโพลงทันที!
แสงแดดยามเช้าอันอ่อนโยนส่องผ่านร่องไม้ไผ่ของกระท่อมซอมซ่อ สาดกระทบใบหน้างดงามของหยางหลิงฟางที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างๆ กงเฉินจื่อถึงกับลืมหายใจ... เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้จ้องมองใบหน้าเธอในระยะประชิดเช่นนี้อีกเมื่อไหร่ จึงพยายามซึมซับภาพตรงหน้าเอาไว้ให้นานที่สุด
“พวกท่าน... เป็ใคร”
เสียงเล็กๆ แหบๆ ดังขึ้นจากปลายเตียง ระบบประสาทของศัลยแพทย์ทำงานทันที! เขารีบผุดลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปตามเสียง
เด็กชายตัวเล็กอายุราวหกขวบ หน้าตามอมแมม น้ำมูกเกรอะกรัง ยืนกอดอกจ้องพวกเขาเขม็ง
“เข้ามาอยู่ในบ้านของข้าได้อย่างไร!”
แค่กๆๆ! เสียงไอดังมาจากห้องด้านใน
“ใครมารึ ตงตง”
เสียงนั้นทำให้หยางหลิงฟางเริ่มขยับตัว เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเพดาน... ที่ไม่ใช่เพดานห้องนอนหรูของเธออีกแล้ว!
‘ที่ไหนเนี่ย!?’ เธอคิดในใจ ‘หรือว่า... หรือว่าเราโดนฟ้าผ่าตายไปแล้วทั้งคู่! แล้วนี่คือยมโลกเรอะ!? กงเฉินจื่อล่ะ!?’
เธอพยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกผีอำมีเพียงเสียงอือๆ ดังมาจากสาวสวย กงเฉินจื่อเห็นท่าไม่ดีจึงจับไหล่เธอเขย่าแรงๆ
“เฮือก!” หยางหลิงฟางสะดุ้งสุดตัวแล้วลุกพรวดขึ้นมานั่งข้างๆ เขา ภาพของคนสองคนที่จู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นมาพร้อมกันบนเตียง ทำให้เด็กน้อยตงตงถึงกับตาเหลือก!
“ผะ... ผะ... ผีหลอก!ทะ ทะ ท่านแม่! ผีสองตัวมันหลอกข้า!”
สิ้นเสียงนั้น เด็กชายก็วิ่งร้องไห้จ้ากลับเข้าไปในห้องของแม่ทันที!
หยางหลิงฟางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก กลิ่นไม้เก่า กลิ่นฝุ่น และสภาพของกระท่อมทำให้เธอเริ่มเข้าใจสถานการณ์
“เรา... เราอยู่ที่ไหนกัน” เธอถามเสียงสั่น
“ผมก็ไม่แน่ใจ... แต่ดูจากสภาพแวดล้อมแล้ว... ยินดีต้อนรับสู่ราชวงศ์ต้าชิงครับ” กงเฉินจื่อตอบพลางยิ้มแหยๆ
“ผีเผอที่ไหนกันลูก! นี่มันสว่างแล้ว แค่กๆๆ” เสียงผู้เป็แม่ดังออกมาจากห้องด้านใน
“ท่านแม่! เืไหลอีกแล้ว! ฮือๆๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กชายฟังดูสิ้นหวัง
ไม่นานนัก ร่างของหญิงวัยสามสิบปลายๆ ที่ซูบซีดก็ค่อยๆ เดินออกมา เสื้อผ้าของเธอเก่าและขาด มีคราบเืแห้งกรังติดอยู่ ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเื เสียงไอดังออกมาเป็ระยะจนแทบจะยืนไม่ไหว
“พวกท่าน... เป็ผู้ใดรึ”
หยางหลิงฟางส่งยิ้มให้เป็มิตร ขณะที่กงเฉินจื่อลุกขึ้นยืนเคียงข้างเธอ “พวกท่านไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ใช่คนไม่ดี”
“แล้วเข้ามาในบ้านข้าได้อย่างไร” กงเฉินจื่อสบตาหยางหลิงฟางแวบหนึ่ง ก่อนจะประกาศิตออกไปว่า... “พวกเราเป็หมอ”
แววตาของหญิงป่วยพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันที! “หมอ! พวกท่านเป็หมอจริงๆ รึ! ตงตงเห็นไหมลูก! ์ได้ยินคำภาวนาของแม่แล้ว!”
เด็กน้อยตงตงที่หลบอยู่หลังแม่ค่อยๆ โผล่หน้าออกมา แววตาฉายแววมีความหวัง... แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น...
เขาก็กอดอก ขมวดคิ้ว แล้วจ้องมาที่ทั้งสองคนอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนนะ...” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังเกินวัย “ข้าขอพรจาก์ว่าอยากได้หมอสัก ‘หนึ่งคน’ มาช่วยท่านแม่... แต่ทำไมพวกท่านถึงมากันตั้ง ‘สองคน’ เล่า... หรือว่าพวกท่าน... เป็สิบแปดมงกุฎ!”
กงเฉินจื่อกับหยางหลิงฟางถึงกับยืนนิ่ง... พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว ‘นี่มัน... ต้อนรับกันโหดไปไหมเนี่ย!?’