ศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็เหม่อมองไปยังทิศทางที่มู่เฟิงจากไปพร้อมกับหอกในมือ แต่ละคนล้วนทำอะไรไม่ถูก
“พวกเราควรทำอย่างไรกันดี? เราต้องไปช่วยนายน้อยหรือไม่?”
“เื่นั้นพวกเ้าลืมมันไปได้เลย ลำพังแค่กำลังของพวกเราจะไปช่วยอะไรนายน้อยได้ พาตัวมู่ชิงกลับไปรายงานพี่หลิงเอ๋อร์ก่อนเถิด จากนั้นค่อยรอดูว่าพี่หลิงเอ๋อร์จะจัดการเื่นี้อย่างไร”
“เฮ้อ ก็คงต้องทำเช่นนั้น”
กลุ่มศิษย์ตระกูลมู่พาตัวมู่ชิงกลับไปทันที ส่วนมู่เฟิงก็มุ่งหน้าไปยังเรือนพักของหนานหลิงเพียงลำพังพร้อมกับหอกจื่อเหลยในมือ
ในฐานะศัตรูคู่แค้น มู่เฟิงย่อมทราบดีว่าเรือนพักของหนานหลิงตั้งอยู่ที่ใด ระหว่างทางบัณฑิตสายในที่กำลังฝึกฝนอยู่ในลานพักของตนเองต่างก็ประหลาดใจกับการปรากฏตัวของมู่เฟิงที่เดินมาพร้อมกับหอกในมือ
“เอ๊ะ เ้าเด็กนั่นไม่ใช่มู่เฟิงที่เป็อันดับหนึ่งของการประเมินบัณฑิตใหม่ในรุ่นนี้หรอกหรือ เหตุใดจิตสังหารของเขาถึงได้พลุ่งพล่านออกมาเช่นนั้น?”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเ้าเด็กนั่นคือมู่เฟิงจริง ชื่อเสียงของเขาก็ดังไปทั่วสำนักศึกษาแล้ว เป็เด็กที่ชอบก่อเื่ผู้หนึ่ง เข้าสำนักศึกษาได้ไม่นานก็มีเื่ทะเลาะวิวาทกับฉู่หมั่ง ทั้งยังล่วงเกินซือถูคง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเขามีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับข่งเซวียนเอ่อร์ น้องสาวของข่งย่วนอีกด้วย”
“ช่างน่าสนใจ ท่าทางเช่นนี้คงคิดจะไปการแก้แค้นสินะ ไปเถอะ พวกเราไปดูกัน”
บัณฑิตที่เห็นเหตุการณ์พากันให้ความสนใจเื่นี้ทันที กล่าวได้ว่ามู่เฟิงในเวลานี้กลายเป็คนดังในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นไปแล้ว
เขาคือบุคคลที่สามารถทำคะแนนการประเมินครั้งแรกได้สูงที่สุดในรอบสิบปี นอกจากนี้เขายังพาศิษย์ในตระกูลคว้าห้าอันดับแรกของการปะเมินไปครอง อีกทั้งยังกล้าปะทะกับยอดฝีมือสองคนที่มีรายชื่อในตารางอันดับยอดฝีมือของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น และเมื่อไม่นานมานี้ยังมีข่าวลือเื่ความสัมพันธ์อันคลุมเครือที่เกิดขึ้นภายในห้องฝึกระหว่างเขากับข่งเซวียนเอ๋อร์น้องสาวของข่งย่วนหัวหน้าผู้คุมกฎอีกด้วย โดยเื่ราวทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ผู้คนในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นต่างก็รู้จักมู่เฟิง
จากรูปลักษณ์ภายนอกที่มีเส้นผมสีขาวและมีั์ตาสีโลหิตของมู่เฟิง ย่อมเป็ที่จดจำของผู้คนอย่างง่ายดาย
มู่เฟิงเดินตรงไปที่เรือนพักของหนานหลิงพร้อมกับหอกในมือ เขาเตะประตูลานของเรือนพักของอีกฝ่ายให้เปิดออกเสียงดังโครม
หนานหลิงและคนของเขาที่กำลังนั่งอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นมู่เฟิงเตะประตูเข้ามา พวกเขาต่างก็มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“มู่เฟิง เ้ามาทำอันใดที่นี่?”
ซั่งกวานเชียนจื้อเอ่ยถามเป็คนแรก
“พวกเ้าไม่รู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร หนานหลิง เ้าคนสารเลวน่ารังเกียจ คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะหลอกใช้มู่ชิงให้มาวางยาพิษข้า”
มู่เฟิงตวาดอย่างเ็า
สีหน้าของหนานหลิงยังคงนิ่งสงบไร้การเปลี่ยนแปลง เขานั่งบนเก้าอี้พลางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มู่เฟิง เ้ากล่าวเช่นนี้ต้องมีหลักฐาน เ้าบอกว่าข้าวางยาเ้า เ้ามีหลักฐานหรือไม่? เ้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ว่ายังสบายดีหรอกหรือ?”
“ข้ายังสบายดี แต่สหายข้าถูกวางยา และเป็เ้าที่ให้มู่ชิงลงมือ”
“ฮ่าๆ ช่างน่าขันนัก มู่ชิงเป็คนตระกูลมู่ของเ้า เขาทำร้ายเ้าแล้วมันเกี่ยวอันใดกับข้า? หากว่าความจริงแล้วเป็ตระกูลมู่ของเ้าที่จงใจให้มู่ชิงใส่ร้ายข้าเล่า?”
หนานหลิงกล่าวเย้ยหยัน และสิ่งที่เขากล่าวมาก็สมเหตุสมผล
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อถกเถียงกับเ้า ข้ามาเพื่อสังหารเ้าต่างหาก!”
มู่เฟิงตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด โทสะทำให้เขากลายเป็คนไร้เหตุผล เขากระโจนร่างเข้าหาหนานหลิงและแทงคมหอกออกไปทันที
“คุ้มกันฝ่าา!”
ศิษย์สองคนของจวนเป่ยอ๋องเข้ามายืนขวางหน้าหนานหลิงเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยพลังกังชี่ออกมาขวางคมหอกของมู่เฟิง
“ช่างน่าขันนัก ลำพังเพียงแค่ความแข็งแกร่งของเ้ายังคิดจะสังหารข้าอีกหรือ?”
หนานหลิงหยัดกายลุกขึ้น เขาจ้องมองมู่เฟิงอย่างรังเกียจและดูแคลน
“ฝ่าา เ้าเด็กนี่มอบให้ข้าเป็คนจัดการเถอะขอรับ”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินก้าวออกมา เขาปลดปล่อยคลื่นพลังกังชี่สีแดงอันแข็งแกร่งให้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง
คนผู้นี้คือยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นสอง
“หลิวเซิ่ง เ้าอย่าได้เผลอทุบตีเขาจนตายเล่า”
หนานหลิงยิ้มเยาะ
“จัดการ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลิวเซิ่งก็ยิ้มหยันออกมา เพียงแค่เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของเขาก็พุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็วจนไม่อาจมองตามได้ทัน กระบี่ยาวสีขาวพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นคมกระบี่ก็แทงไปยังร่างของมู่เฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
“อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พลังสายฟ้าหลั่งไหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขาทันที และเมื่อเขาก้าวเท้าออกมาสี่ครั้งติดต่อกัน พลังปราณภายในร่างก็เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า จนตอนนี้พลังของเขาสามารถเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังแล้ว
เคร้ง!
หอกจื่อเหลยตวัดออกไปขวางกระบี่ของหลิวเซิ่งที่กำลังพุ่งทะลวงเข้ามา นอกจากนี้พลังสายฟ้าจากตัวหอกยังกวาดไปทางหลิวเซิ่งอย่างรวดเร็วอีกด้วย
สีหน้าของหลิวเซิ่งพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฟิงจะสามารถะเิพลันที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นหอกสายฟ้าของอีกฝ่ายยังเป็อาวุธปราณขั้นสาม ดังนั้นพลังโจมตีของมันจึงไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสองเลยแม้แต่น้อย
“จงถูกทำลายไปเสีย!”
หลิวเซิ่งวาดกระบี่ออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้ส่งลำแสงกระบี่สีแดงจากพลังกังหยวนออกมา คมกระบี่พุ่งทะลวงแหวกอากาศปะทะเข้ากับใบมีดพลังสายฟ้าสีม่วงของอีกฝ่ายอย่างแรง
เปรี้ยง!
หลังจากพลังทั้งสองสายปะทะกันก็เกิดคลื่นแตกกระจายออกมาทันที ผิวกายของมู่เฟิงมีรอยขีดข่วนปรากฏขึ้นไม่น้อย ส่วนหลิวเซิ่งได้รับการปกป้องจากเกราะพลังกังชี่ ทำให้เขาปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
มู่เฟิงก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว เปลวเพลิงอันทรงพลังก็พลันปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และหอกในมือกำลังพุ่งเข้าหาหลิวเซิ่งอย่างดุดันทันที
หลิวเซิ่งรีบยกกระบี่ขึ้นสกัดหอกนั่นในทันที และพลังกังหยวนธาตุเพลิงก็ปะทุออกมา เบื้องหน้าของเขาปรากฏม่านพลังป้องกันสีแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน คมหอกของมู่เฟิงจึงถูกม่านพลังนี้ขวางกั้นเอาไว้ เมื่อพลังของพวกเขาปะทะกันต่างฝ่ายต่างก็ข่มกันไม่ลง คลื่นพลังที่เข้าปะทะสาดซัดออกไปรอบบริเวณ ทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของผู้คนโดยรอบโบกสะบัดตามกระแสลมอันรุนแรง
“เ้าเด็กนี่มีความสามารถเทียบเท่ากับหลิวเซิ่งเลย”
พวกหนานหลิงและฝูงชนที่กำลังรายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็มองฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ
“ความแข็งแกร่งของเ้าเด็กนี่พัฒนาเร็วเกินไปแล้ว”
ั์ตาของหนานหลิงทอประกายเ็า
หลิวเซิ่งหน้าแดงอย่างโกรธจัด เดิมทีเขาคิดว่าตนจะสามารถจัดการกับเด็กหนุ่มตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถีงเพียงนี้
มือข้างหนึ่งของหลิวเซิ่งถือกระบี่ที่กำลังปลดปล่อยพลังกังหยวนออกมาเพื่อต้านการโจมตี ส่วนมืออีกข้างก็กำลังควบแน่นพลังกังหยวนสีแดงเพลิงเช่นกัน และเพียงไม่นานมันก็ก่อตัวขึ้นเป็ตราฝ่ามือสีแดงเข้ม
“ฝ่ามืออัคคี!”
ชายหนุ่มส่งตราฝ่ามือนั้นไปทางมู่เฟิงทันใด มู่เฟิงดีดฝ่าเท้ากระโจนร่างออกมา มือข้างหนึ่งของเขาเก็บหอกยาวไปไว้ด้านหลัง ส่วนมืออีกข้างก็ปล่อยพลังหมัดออกมาอย่างดุดัน
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
หมัดนี้ของเขาห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิงและพลังสายฟ้า มันพุ่งเข้าไปทำลายตราฝ่ามือของหลิวเซิ่งโดยตรง ตราฝ่ามือจากพลังกังหยวนของอีกฝ่ายถูกทำลายลงทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงต้นไม้กับพุ่มไม้ในลานฝึกล้วนได้รับความเสียหายจากการปะทะกันในครั้งนี้ ส่วนกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบต่างก็ต้องก้าวถอยออกไปสองก้าว
มู่เฟิงะโถอยกลับไปด้านหลัง ร่างของเขาเหยียบยืนบนอยู่กลางอากาศ โดยมีเปลวเพลิงปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้า และทันใดนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง บนฝ่ามือของเด็กหนุ่มมีพลังปราณสีขาวปรากฏขึ้น พลังนั้นแบ่งออกเป็เส้นสายราวกับเส้นไหมหลายสิบเส้น เพียงไม่นานมันก็ก่อตัวขึ้นเป็รูปร่างของกระบี่สีขาวที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกระแสไฟฟ้า
“โจมตี!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามพร้อมโบกฝ่ามือ คมกระบี่สีขาวพุ่งออกไปราวกับแสงดาวตก มันพุ่งทะลวงไปทางหลิวเซิ่งอย่างดุดันและรุนแรงทันที
ฉึก!
แสงกระบี่นั้นเจาะผ่านเกราะป้องกันบนตัวของหลิวเซิ่งได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมันก็พุ่งใส่ร่างของหลิวเซิ่งโดยตรง
“อ๊าก!”
หลิวเซิ่งหวีดเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ทรวงอกของเขาถูกเจาะทะลุจนกลายเป็รูกระบี่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้กระดูกซี่โครงยังแตกหัก จนทำให้ได้รับาเ็สาหัส
หลิวเซิ่งกระเด็นไปกระแทกกับผนังก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงไปนอนกองบนพื้น จากนั้นก็กระอักเืออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง จ้องมองมู่เฟิงอย่างสยดสยองและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถเอาชนะหลิวเซิ่งได้!”
“เด็กคนนี้ เมื่อครู่เขาใช้ทักษะพลังปราณประเภทใดออกมากัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังถึงเพียงนี้”
เหล่าบัณฑิตสายในที่กำลังเฝ้าดูอยู่ภายนอก รวมถึงหนานหลิงและคนของเขาต่างก็มองมู่เฟิงอย่างคาดไม่ถึง
แม้มู่เฟิงจะสามารถเอาชนะหลิวเซิ่งได้ แต่ความอาฆาตแค้นในแววตาของเขายังคงไม่ลดลง ทันใดนั้นเขาก็แทงคมหอกไปทางหนานหลิงต่อทันที
“เ้าเด็กเดรัจฉาน!”
ลูกน้องอีกคนของหนานหลิงแผดเสียงคำราม เตรียมจะพุ่งทะยานออกมา แต่หนานหลิงที่มีสีหน้ามืดครึ้มกลับขวางเขาเอาไว้เสียก่อน
มู่เฟิงแทงคมหอกที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกระแสไฟฟ้าสีม่วงไปที่ร่างของหนานหลิงโดยตรง ทันใดนั้นพลังกังชี่ธาตุน้ำแข็งก็พลันปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างของหนานหลิงเอาไว้ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีชั้นน้ำแข็งถูกปล่อยให้แพร่กระจายออกมาอีกหนึ่งชั้น และคลื่นพลังที่กระจายตัวออกมานี้ก็ทรงพลังเป็อย่างยิ่ง
“ฝ่ามือน้ำแข็งทลาย!”
หนานหลิงส่งพลังฝ่ามือออกมาทันใด ฝ่ามือน้ำแข็งสีขาวขนาดใหญ่กวาดออกไปเบื้องหน้า พร้อมกับคลื่นความเย็นที่ทำให้หนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก
เมื่อหอกของมู่เฟิงปะทะเข้ากับฝ่ามือน้ำแข็งขนาดใหญ่นั่น พลังโจมตีของมู่เฟิงก็ถูกทำลายลง จากนั้นพลังฝ่ามือก็พุ่งโจมตีร่างของเขาต่อในทันที
ปัง!
ร่างของมู่เฟิงถูกฝ่ามือน้ำแข็งตบจนลอยกระเด็นออกไปนอกลานพักและกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ชื่อของหนานหลิงผู้นี้ถูกจัดอยู่ในอันดับรายชื่อของยอดฝีมือในสำนักศึกษาเทียนอวิ่น ดังนั้นแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ธรรมดา