เนื้อหาต่อไปนี้เป็เื่ Short story นะคะ เนื้อหาจะไม่ติดต่อกัน
เพื่อไม่ให้งงแนะนำให้อ่าน #แซคจานิน ก่อนคับ!
วิธีที่ 3
แพ้ภัยหมาเด็ก
เป็เวลาเกือบสามเดือนที่พายย้ายข้าวของเข้ามาอยู่หอพักใหม่ และเป็เวลาเกือบสามเดือนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมรสุมชีวิตซึ่งมาในรูปแบบของเด็กข้างห้อง…จะโทษไอ้เบ๊บอย่างเดียวก็คงไม่ได้เพราะส่วนหนึ่งเป็เขาที่ตามใจมันเอง เคยพยายามไล่ให้มันไปไกล ๆ ครั้งหนึ่งแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเพราะทันทีที่เห็นสีหน้าหงอย ๆ ของอีกฝ่าย ใจที่ฝืนแข็งกระด้างกลับอ่อนยวบยาบไปหมด
ดูเหมือนว่าชีวิตนี้เขาจะแพ้อยู่สองอย่าง
หนึ่งไอ้เหี้ยแซคและสองไอ้หมาเบ๊บ
“พี่ค้าบ ตื่นยาง” ยังไม่ทันที่จะได้เผามันต่อ น้ำเสียงงุ้งงิ้งพร้อมกับเสียงเคาะประตูก็ลอยเข้าหู พายที่สวมกางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ ก็รีบสาวเท้ายาว ๆ ออกมาปลดล็อกประตูให้ด้วยความเคยชิน
“แต่เช้าเลยนะมึง”
อัลฟ่าตัวโตที่ปกติมักจะยิ้มกว้างจนตาหยี บัดนี้กลับแสดงสีหน้าแปลกประหลาดจนน่าขันก่อนจะหลับตาปี๋จนเกิดรอยหนวดแมวเล็ก ๆ ตรงข้างแก้ม
“พะ…พี่พายโรคจิตปะเนี่ย ทำไมไม่ใส่เสื้อ!”
“โรคจิตก็เหี้ยละ ทำอย่างกับว่าไม่เคยเห็น” เพราะั้แ่ที่เริ่มสนิทใจกับอีกฝ่าย พายก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากขึ้น ่แรกไม่เห็นมันจะมีปัญหาอะไรนอกเสียจากทำหน้าเอือม ๆ ใส่ จะมีก็แต่่หลัง ๆ นี่แหละที่พอเห็นเขาถอดเสื้อแล้วแม่งหน้าแดงหูแดงประหนึ่งเด็กสาววัยแรกแย้ม
เอาห่าไรมาเขิน ถ้าหุ่นแบบมันก็ว่าไปอย่าง
“ก็พี่อะ”
“กูทำไมอีก?” ไอ้เด็กร่างโตเบือนหน้าหนีก่อนจะเดินตรงมาหยิบผ้าห่มผืนบางที่พาดเอาไว้บนโซฟาขึ้นมาพันท่อนบนของเขาลวก ๆ โดยที่ดวงตาของมันยังคงมองไปทั่วห้อง เว้นก็แต่ร่างกายของพายที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเลี่ยงเป็พิเศษ
“โอ๊ย! มึงทำเหี้ยไรเนี่ย”
“ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย”
“…”
“คนเรามันไว้ใจไม่ได้พี่ก็รู้” ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะอายุยี่สิบ แต่เบ๊บกลับบ่นเก่งยิ่งกว่าแม่เขาเสียอีก
“แต่นี่เป็มึงไง ไม่ใช่คนอื่น” แม้จะฟังดูน่าอายที่ต้องบอกความรู้สึกตัวเองออกไปตรง ๆ แต่มันช่วยไม่ได้นี่เพราะพายรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
เขารู้สึกปลอดภัยถึงแม้อีกฝ่ายจะมีเพศรองเป็อัลฟ่าก็ตาม
“เฮ้อ พี่ไว้ใจผมเองนะ “ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เมื่อคนตรงหน้าผลักร่างของเขาให้นั่งลงบนโซฟาก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้โดยใช้มือข้างหนึ่งยันพนักพิงเอาไว้…
” ดะ…เดี๋ยว เล่นเหี้ยไรเนี่ย อึก!” มืออีกข้างที่บัดนี้ว่างจากการถือถุงกับข้าว วางลงบนบั้นเอวผ่านผ้าขนหนูที่พันท่อนบนของพายเอาไว้—แม้จะไม่มีส่วนใดในร่างกายัักันโดยตรงแต่กระนั้นความรู้สึกวาบหวามก็แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายเสียจนขนอ่อนบริเวณต้นคอลุกชัน
แม้จะไม่มีความสามารถรับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนเฉกเช่นโอเมก้า แต่กระนั้นพายก็รู้สึกถึงกลิ่นไอการคุกคามได้เป็อย่างดี
“ก็ไหนว่าไว้ใจผม?”
“…”
“ผมเด็กกว่าก็จริง แต่บอกอะไรก็หัดฟังกันบ้างไม่ใช่ดื้อรั้นไปเรื่อย” อยากจะเถียงอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าหน้าหมา ๆ ของมันเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดพายจึงเลือกที่จะหุบปากฉับก่อนจะยกเท้าเปลือยเปล่าของตัวเองยันหน้าท้องแข็งปั้กให้ออกห่างแล้วใช้ทักษะความว่องไวปีนพนักพิงโซฟาเพื่อพาตัวเองออกจากพื้นที่อันตราย
…ทางด้านของเบ๊บที่พยายามทำหน้าเรียบตึงถึงกับต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อไม่ต้องงัดวิธีประหลาด ๆ มาปราบพยศเ้าของห้อง เบ๊บไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่เห็นคนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าแล้วจะไม่รู้สึกอะไร หากเป็เมื่อก่อนเขาคงเฉยชาได้แต่ทว่าไม่ใช่กับตอนนี้ ตอนที่เขารู้สึกกับอีกฝ่ายเกินกว่าคำว่าเพื่อนข้างห้อง
แม้จะเคยมีความรักมาเพียงแค่สองครั้งแต่กระนั้นเบ๊บก็ไม่ได้ใสซื่อที่จะมองไม่ออกว่าตัวเองกำลังคิดอะไร ่แรกที่ชวนกินข้าว ยอมรับว่าเป็เพราะเหงาล้วน ๆ ทว่า่หลัง ๆ ความรู้สึกอยากเจอมันแทรกตัวเข้ามาจนเขาไม่อาจยับยั้งได้ สุดท้ายจึงเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย
พายที่คราวนี้แต่งตัวมิดชิดกว่าเดิมก้าวเดินออกจากห้องนอนด้วยท่าทีระแวดระวัง ก่อนจะเผลอสูดกลิ่นโจ๊กร้านโปรดที่ลอยละล่องปะทะเข้ากับจมูกเสียจนเต็มปอด อาจจะด้วยเพราะความหิวหรืออะไรก็ช่างทำให้เบต้าที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมาลดการ์ดป้องกันตัวลงแล้วเลือกที่จะเดินไปยังโต๊ะกินข้าวด้วยความเคยชิน
“มีไรกินบ้างอะ”
“เหมือนเดิมครับ แต่วันนี้ผมซื้อแซนด์วิชทอดมาด้วย”
“ทำดี” พายยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อชื่นชมอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มตักมื้อเช้าเข้าปากด้วยความหิวโหย
“ระวังร้อนครับ”
เขาพยักหน้าตอบรับความหวังดีของเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยัดนู่นยัดนี่เข้าปากจนกระพุ้งแก้มทั้งสองแน่นขนัดไปด้วยอาหาร ั้แ่รู้จักกับไอ้เบ๊บมาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าน้ำหนักตัวเขาเพิ่มขึ้นเกือบห้ากิโลกรัมเพราะเด็กมันช่างสรรหาของอร่อยมาขุนเขาเสียเหลือเกิน แรก ๆ ก็หยิ่งไม่ยอมกินอยู่หรอก แต่หลัง ๆ นี่ดิ ไม่ใช่ขี้ก็กินหมดอะ
“พี่ครับ”
“ว่า”
“ผมซื้อมาฝาก”
“อะไรวะ”
“เยลลี่ครับ เอาไว้กินตอนปากว่าง ๆ” โหลแก้วขนาดกะทัดรัดบรรจุเยลลี่หลากหลายรสชาติเอาไว้จนแน่นขวดโหล พายพอเข้าใจความหมายที่คนตรงหน้าจะสื่อ เนื่องจากหลายเดือนมานี้เขาติดบุหรี่ค่อนข้างหนัก ปากว่างเป็ไม่ได้ต้องหยิบขึ้นมาสูบอยู่ตลอด
“อะไร จะบังคับให้กูเลิกบุหรี่ทางอ้อมว่างั้น?”
“ไม่ได้บังคับครับ แต่ถ้าเลิกได้มันก็ดีต่อสุขภาพไม่ใช่เหรอ” นั่น ทำหน้าหงึใส่กูอีกไอ้เด็กนี่
“ช่างหัวกูเหอะ” รูปประโยคดูไม่สบอารมณ์แต่ทว่าแขนเรียวกลับกอดขวดโหลเอาไว้แน่นราวกับหวงแหนมันเสียอย่างนั้น
/
เป็อีกหนึ่งวันที่พายนั่งจ้องหน้าจอคอมฯ ที่มีรูปตัวประกอบจากเกมที่เตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ด้วยสายตาเหม่อลอย เขากำลังเผชิญหน้ากับอาการหมดไฟอย่างหนัก เป็รอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ที่งานออกแบบของเขาถูกตีกลับโดยหัวหน้าทีมที่ทำเพียงแค่ดอกจันเหตุผลไว้ว่ามันยังได้มากกว่านี้
พายอยากเอาหัวโขกโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด เขาเกลียดเหลือเกินกับไอ้คำว่า ‘มันยังได้มากกว่านี้’ ถ้าอยากให้แก้ ให้เติมหรือให้เสริมตรงไหนก็ควรบอกให้ชัดปะวะ นี่ไม่ใช่พระพุทธเ้านะโว้ยที่จะตรัสรู้ได้ด้วยตัวเองน่ะ
“งานโดนสั่งแก้อีกแล้วเหรอ” เพื่อนสนิทอย่างจานินที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้าง ๆ กันเอ่ยถามเสียงเรียบ พายถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะพยักหน้าอย่างปลงตก
“เออ หงุดหงิดสัตว์”
“โดนสั่งแก้ตรงไหน”
“ไม่รู้”
“ฮะ?”
“เขาบอกมันยังได้มากกว่านี้” เราทั้งคู่สบตาอย่างรู้กัน
“อ๋อ บรีฟเหี้ย”
“เออ โคตรเหี้ยเลยแหละ”
มือหนาควานหาซองบุหรี่ที่อยู่ใต้โต๊ะ หวังสูบแก้เครียดก่อนจะชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋าผ้าใบใหญ่มีโหลเยลลี่ที่เพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อน พายหยิบมันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน แล้วจึงเริ่มหยิบเยลลี่รสชาติต่าง ๆ ขึ้นมาเคี้ยวหนึบหนับด้วยความเพลิดเพลิน
“จานิน”
“ว่า”
“กินปะ”
“เยลลี่เหรอ เอามาจากไหน”
“แถวนี้แหละ”
“กินเลย กูมีหมากฝรั่งอยู่” พายพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะกลับมาสนใจกับของกินตรงหน้าที่พอจะช่วยลดอาการอยากบุหรี่ได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม…
เขาทำงานล่วงเวลาเกือบสามชั่วโมงเพราะตั้งใจจะ WFH เนื่องจากการนั่งโง่ ๆ อยู่ในออฟฟิศ มองเพื่อนร่วมงานที่มีสภาพไม่ต่างกันนักทำให้เขารู้สึกหดหู่จนพานทำให้คิดงานไม่ออก ใจจริงอยากจะควักเงินเก็บลาพักร้อนไปต่างจังหวัดสักสี่ห้าวันเพื่อหาแรงบันดาลใจ แต่กระนั้นเขาก็ี้เีเกินกว่าจะทำมันจึงเลือกที่จะเก็บตัวพักผ่อนอยู่ในห้องแทน
เวลาสามทุ่มตรงร่างโปร่งที่ดูอ่อนล้ามากกว่าทุกวันเดินคอตกเข้ามายังหอพัก โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนนั่งกอดเข่ารออยู่หน้าห้อง
“เพิ่งเลิกงานเหรอครับ”
“เหี้ย!” พายสบถดังลั่นด้วยความใ เขากำลังจะอ้าปากถามอีกฝ่ายว่ามานั่งทำไมตรงนี้ ทว่าก็ต้องหุบปากฉับเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าเขาตอบตกลงว่าจะไปกินปลาเผาเป็เพื่อนเด็กมัน
“นั่งอยู่ตรงนี้นานยังเนี่ย”
“ไม่นานครับ” โกหก ดูจากสภาพก็รู้ว่าคงนั่งรอเขาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็แน่
“แล้วกินข้าวเย็นยัง”
“ยังครับ ผมรอพี่”
“คราวหลังไม่ต้องรอ กินไปก่อนเลย—”
“ก็พี่บอกจะไปกินปลาเผาด้วยกัน ผมเลยนั่งรอนี่ไง” คนอายุน้อยกว่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงประชันหน้ากับเขา หากใครผ่านมาเห็นคงคิดว่าพายกำลังโดนหาเื่แน่ ๆ ทว่าทุกอย่างดันกลับตาลปัตรเพราะในสายตาของเขา ร่างสูงใหญ่บัดนี้ตัวหดเหลือจ้อยเดียว ซ้ำ่ไหล่ที่เคยผายผึ่งกลับงองุ้มเข้าหากันอย่างน่าสงสาร
ชีวิตนี้พายไม่คิดจะขอโทษใครเพราะเขาไม่ผิด จวบจนกระทั่ง…
“ขอโทษ”
“…”
“แดกมาม่ากัน เดี๋ยวกูต้มให้” หากถามว่าถ้าขอโทษให้มันจริงใจกว่านี้แล้วจะตายเหรอ เออ ตาย กับคนที่อีโก้สูงเสียดฟ้าได้เท่านี้ก็นับว่าดีมากโขแล้ว :- (
อาการหงอยเหงาเหมือนหมาถูกเ้าของทิ้งหายเป็ปลิดทิ้งเมื่อได้ย่างกรายเข้ามาภายในห้องที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของยานวด เบ๊บยิ้มกริ่มอย่างสุขใจแม้จะนอยด์ที่ไม่ได้กินปลาเผาแต่กระนั้นกินมาม่าทดแทนก็ไม่ใช่เื่แย่อะไร
“พี่พาย”
“อะไร”
“ทำงานเหนื่อยไหมครับ”
“เหนื่อยดิ อยากลาออกฉิบหาย”
“แล้วทำไมไม่ลาออกอะครับ”
“ถ้าออกแล้วกูจะเอาอะไรแดกล่ะ” เบ๊บหัวเราะจนตาหยีก่อนจะเสนอตัวเป็ฝ่ายต้มมาม่าแทนเ้าของห้องแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายไปชำระล้างร่างกายให้สบายตัว
ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดตัวโปรด ยืนพักสะโพกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะงัดทักษะการทำอาหารที่เรียนรู้มาจากมารดาั้แ่เด็กรังสรรค์เมนูธรรมดาให้น่ากินยิ่งขึ้น—เส้นมาม่าถูกเทใส่หม้อต้มขนาดกลางโดยใส่เครื่องปรุงรสต้มยำในปริมาณที่น้อยจากนั้นก็ตามด้วยเนื้อสัตว์ที่ถูกหมักทิ้งเอาไว้ในตู้เย็นและผักใบเขียวเพื่อไม่ให้เมนูตรงหน้าดูจืดชืดจนเกินไป…
นมถั่วเหลืองถูกเทใส่แก้วทรงสูงก่อนคนที่อยู่ในสถานะเด็กข้างห้องจะนำมันมาวางเอาไว้ข้าง ๆ ถ้วยมาม่า ความจริงวันนี้เบ๊บอยากงอแงให้อีกฝ่ายด่าเล่น ๆ พอชุ่มชื่นหัวใจ แต่ทว่าพอเห็นท่าทีอ่อนล้าของอีกฝ่ายความคิดเ่าั้ก็ถูกม้วนเก็บแทบไม่ทัน
“หอมสัตว์”
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ”
“อือ กินเลยได้ปะ หิวจะตายห่าแล้วเนี่ย”
“เชิญครับ” เด็กหนุ่มผายมือด้วยท่าทีกวน ๆ และแน่นอนว่าเขาถูกฝ่ามืออรหันต์ฟาดปั้กเข้าที่หน้าผากอย่างแรงจนเกือบหงายหลังอยู่รอมร่อ
มื้อเย็นในเวลาเกือบสี่ทุ่มไม่ได้เงียบเหงาเหมือนอย่างที่เคยเพราะบุคคลทั้งสองต่างหยิบเื่ที่เจอมาในแต่ละวันขึ้นมาพูดอย่างสบายใจ พายนั่งด่าหัวหน้าทีมอยู่สี่ห้าคำทว่านอกนั้นกลับเป็เบ๊บที่พูดน้ำไหลไฟดับตามประสาคนช่างจ้อ
“ความจริงผมกะว่าจะโดดเรียน่เช้าไป Pop mart แต่อาจารย์ดันเช็กชื่อท้ายคาบนี่สิ ผมเลยต้องนั่งจ๋องอยู่ในห้องเกือบสองชั่วโมง…ผมเรียนวิทย์กีฯ เพราะตอนมางานโอเพนเฮาส์พวกรุ่นพี่บอกว่าคณะนี้เน้นออกกำลัง ไม่เน้นวิชาการแต่ที่ไหนได้…” เบ๊บเล่าไปก็เบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ไป เทอมแรกน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่เทอมสองนี่สิอยากซิ่วให้แม่งรู้แล้วรู้รอด ส่วนรุ่นพี่ที่หลอกเขามาเรียนก็ดันเป็สายรหัสเดียวกันอีก โคตรเซ็ง!
“ทุกอย่างต้องใช้วิชาการหมดนั่นแหละ ขนาดกูเรียนเกี่ยวกับการออกแบบยังต้องพึ่งทฤษฏีเลย จบมาก็ใช่ว่าจะมีงานรองรับยิ่งในประเทศที่ให้ค่างานศิลปะน้อยกว่าขี้มึงก็คิดเอา”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เออดิ กูเคยรับงานออกแบบโลโก้ร้าน คิดสามพันแม่งขอลดกูเหลือสามร้อย แม่มึงตายมาทำเองเหอะไอ้เหี้ย” ใบหน้าบู้บี้พร้อมกับริมฝีปากที่พ่นคำด่าออกมาไม่หยุดทำให้เบ๊บอยากจะเอื้อมมือไปบีบแก้มอีกฝ่ายเสียเหลือเกินแต่ทว่าก็ต้องอดทนไว้เพราะขืนทะเล่อทะล่ายื่นมือเข้าไปก็เกรงว่าจะถูกเบต้าดุร้ายกัดมือขาดเอา
“พี่ดูโมโห”
“ไม่โมโหยังไงไหว สามร้อยยังไม่ได้ค่าหมอนวดกูเลยมั้ง…แม่ง พูดแล้วก็ปวดตัว” ร่างกายสมส่วนที่เริ่มบิดไปมาส่งเสียงกร๊อบราวกับป๊อกกี้หัก เบ๊บทั้งสงสาร ทั้งเอ็นดูเลยเสนอตัวบีบนวดให้แลกกับไอศกรีมถังใหญ่ในตู้เย็น
“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่บีบกระดูกกูแตก”
“กระดูกคนเราแข็งแรงจะตาย มันไม่ได้บีบแตกง่ายขนาดนั้นไหมครับ” พี่พายแม่งชอบเว่อร์ :- (
“ดี ๆ นะมึง”
“ค้าบ รู้แล้วค้าบ”
สองร่างพากันโยกย้ายมานั่งบริเวณโซฟาหน้าทีวี โดยที่หมอนวดจำเป็นั่งลงบนโซฟาส่วนเ้าของห้องเช่นพายทิ้งตัวนั่งตรงพื้นพรม่หว่างขาของอีกฝ่าย—ยานวดหลอดสามัญประจำบ้านถูกป้ายลงบริเวณหัวไหล่ ก่อนััร้อนผ่าวจากฝ่ามือจะค่อย ๆ ถูวนเพื่อให้เนื้อครีมซึมลงบนผิวจากนั้นจึงใช้มือข้างที่ถนัดกดย้ำด้วยแรงที่ไม่เบานัก
“อะ อื้อ ดีสัตว์” น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงคอยามได้ยินเสียงครวญครางซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกพึงพอใจของใครอีกคน เบ๊บส่ายหน้าน้อย ๆ เรียกสติให้กลับคืนก่อนจะเริ่มบีบนวด่บ่าสลับกับท้ายทอยขาวอย่างตั้งอกตั้งใจ
“นวดดี ๆ น้อง เดี๋ยวพี่ให้ค่าขนม”
“ไหนว่าเดือนนี้ช็อตไงครับ”
“จิ๊! มึงหุบปากดิ๊”
“…”
“โอ๊ย! เบา! มึงแกล้งกูเหรอเบ๊บ”
“ก็พี่อยู่ไม่นิ่งอะ—”
คนที่ตั้งใจจะเถียงเพราะเมื่อครู่ตัวเองไม่ผิดถึงกับชะงักเมื่อพบว่าคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าเงยหน้าขึ้นมามองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งนั่นเป็จังหวะเดียวกันกับที่เบ๊บก้มหน้าลงไปอย่างพอดิบพอดี…ราวกับเป็ฉากในละครภาคค่ำเื่หนึ่ง เพราะแม้ระยะห่างระหว่างใบหน้าจะห่างกันอยู่มากโขแต่กระนั้นก็ไม่มีใครคิดที่จะผละออก ทว่าจะต่างกันก็ตรงความรู้สึกเพราะเ้าของห้องอย่างพี่พายเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามว่า ‘อะไรของมึง?’ ต่างจากเบ๊บที่ดวงใจสั่นไหวซ้ำยังมีความคิดสกปรก ๆ ในหัวเต็มไปหมด
อยากจูบพี่พายจัง
ปฏิกิริยาของร่างกายทำตามใจนึกคิดด้วยการค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหวังประกบริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกันของหนุ่มรุ่นพี่ เบ๊บจินตนาการไปแล้วล่วงหน้าว่าส่วนนั้นมันจะนุ่มสักแค่ไหนและก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลคนตรงหน้ากลับผุดกายลุกขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน
พี่พายขมวดคิ้ว ซ้ำยังยกมือลูบหน้าแรง ๆ เหมือนคนกำลังคิดหนัก
“มึง…มึงชอบกูเหรอ? หรือแค่อยากถ้าเป็อย่างหลังกูพามึงไปลงอ่างได้นะ—”
“ผมชอบพี่” การบอกความรู้สึกในครั้งนี้มันไม่ใช่โอกาสที่ดีเลยเพราะดูจากสีหน้าและสถานการณ์แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ย่อมไม่ใช่เื่ที่ดีต่อใจของเขาอย่างแน่นอน
“มึงสับสนอะไรหรือเปล่าวะเบ๊บ”
“ผมมีสติดีทุกอย่าง เบ๊บชอบพี่พายจริง ๆ นะ”
“มึงไปชอบคนอื่นเหอะ ดี ๆ กว่ากูมีตั้งเยอะ” เขาไม่รู้หรอกว่าผีห่าซาตานตัวไหนสิงร่างให้พี่พายพูดจาแบบนี้ออกมา แต่แม่ง…เจ็บฉิบหายเลย ไม่รับรักไม่ว่าแต่ไล่ให้ไปชอบคนอื่นนี่ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอวะ
“พี่พายใจร้าย”
“เออ กูใจร้าย เพราะงั้นอย่ามาชอบกูเลย” ร่างสูงลุกจากโซฟาก่อนจะเดินหน้าบึ้งตึงออกจากห้องของใครอีกคน และในจังหวะที่กำลังจะปิดประตูห้องนั้น เบ๊บอยากประชดอีกฝ่ายด้วยการกระชากประตูปิดแรง ๆ ทว่าไม่อยากเป็เด็กไม่น่ารักในสายตาของพี่พาย เขาจึงเลือกที่จะปิดมันเบา ๆ แทน
ต่อไปจะไม่ชอบแล้ว
โจ๊กกับปาท่องโก๋ก็จะเทให้ไอ้ด่างใต้หอกิน เออ…ปล่อยให้คนใจร้ายแม่งอดตายไปเลย!
Tbc
คอมเมนท์ or #เบ๊บบ๊อกแบ๊ก
สวัสดีค่ะทุกคนน นกเองน้า อ่าม วันนี้จะมาแจ้งข่าวการทำอีบุ๊คค่ะ
เคาะราคาไว้ที่ 59 บาทมีจำนวน 7 ตอนหลัก เนื้อหาเหมือนในเว็บทุกประการเพียงแต่อีบุ๊คมีฉากอึบซึ่งบนเว็บเราตัดเข้าโคมไฟคับ แหะ ๆ
ไม่มีตอนพิเศษนะคะ แต่ ๆๆๆ ถ้าได้ป้ายแดงเราลงตอนพิเศษเพิ่มในอีบุ๊คให้อีก 1 ตอน เอ็นซีล้วนคับ
ยังไงก็ฝากสนับสนุนด้วยนะคะ มาไม่เกินว่าที่ 25 มกราแน่นอน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้